ไลฟ์สไตล์

ชาวท่าหินปรับตัวรับมือภัยพิบัติ เพื่อคงวิถี 'โหนด นา เล'

ชาวท่าหินปรับตัวรับมือภัยพิบัติ เพื่อคงวิถี 'โหนด นา เล'

13 ก.ย. 2558

รักชีวิต รักษ์สิ่งแวดล้อม : ชาวท่าหินปรับตัวรับมือภัยพิบัติ เพื่อคงวิถี 'โหนด นา เล' : โดย...ปรีดา คงแป้น

 
                      ชีวิตที่ว่าก่อร่างสร้างตัวยากลำบากแล้ว การฟื้นตัวจากวิกฤติชีวิตยิ่งยากลำบากกว่าหลายเท่า แต่พวกเขาก็ไม่เคยย่อท้อ นั่นคือคนท่าหิน แห่งคาบสมุทรสทิงพระ จ.สงขลา
 
                      ต.ท่าหิน คาบสมุทรสทิงพระ จ.สงขลา เป็นพื้นที่ริมทะเลสาบที่มีความอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติ เป็นพื้นที่พิเศษที่มีความมั่นคงทางอาหาร ชาวบ้านแทบจะไม่ต้องใช้เงินไปซื้ออาหาร เพราะในนามีข้าว ในทะเลมีกุ้ง หอย ปู ปลาที่สมบูรณ์
 
 
ชาวท่าหินปรับตัวรับมือภัยพิบัติ เพื่อคงวิถี \'โหนด นา เล\'
 
 
                      ตาลโตนดเป็นพืชสารพัดประโยชน์ สามารถทำผลผลิตได้ทั้งปี ใช้ได้ทุกอย่าง ต้นโตนดใช้ทำบ้าน ใบใช้มุงหลังคา ทำหมวก น้ำหวานจากต้นตาล ทำน้ำตาล น้ำส้มหมัก น้ำหวาก (เหล้าพื้นบ้าน) ลูกตาลอ่อนรับประทานสดๆกับน้ำเชื่อมกะทิ ทำวุ้นกรอบ ลูกตาลสุกใช้ทำขนมตาล ทำสบู่ ทำแชมพู หมักทำน้ำยาล้างจานและปุ๋ย หัวลูกตาลอ่อนใช้แกงและยำ เปลือกใช้เป็นอาหารวัว รวมทั้งปลาในทะเลสาบเป็นปลาที่มันและไม่คาว กุ้งตัวโตขนาด 2-3 ตัวต่อกิโลกรัม ฯลฯ จึงได้ชื่อว่ามีวิถีโหนด นา เล
 
                      ในปี 2553 เกิดภัยพิบัติน้ำท่วมและพายุในคราวเดียวกัน ทำให้บ้านเรือนไร่นาเสียหายจำนวนมาก โดยเฉพาะนาข้าวเกิดความเสียหายจนชาวบ้านไม่อยากทำนาอีกต่อไป โครงการเสริมพลังความร่วมมือในการจัดการภัยพิบัติของเครือข่ายชุมชน ภายใต้ความร่วมมือของ สสส.และมูลนิธิชุมชนไทย ซึ่งลงพื้นที่ทำงานกับชาวบ้านตั้งแต่เริ่มประสบภัย หลังประสบภัยจึงสนับสนุนให้มีเวทีถอดบทเรียนร่วมกันของชาวบ้านใน ต.ท่าหิน ทำให้เกิดบทเรียนที่นำไปสู่การปรับตัวและเตรียมความพร้อมในการรับมือกับภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นอีกในอนาคต
 
                      เช่น การตั้งทีมสำรวจข้อมูลและทำแผนร่วมกัน โดยมีทั้งแกนนำชุมชน ผู้นำในท้องถิ่น กลุ่มเยาวชน และนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยมาหนุนช่วย ทำให้ชาว ต.ท่าหิน มีข้อมูลที่ชัดเจนและรอบด้าน ทั้งข้อมูลประชากร ข้อมูลการทำนา พันธุ์ข้าว ข้อมูลจำนวนต้นตาลโตนดและประโยชน์ที่ได้ ข้อมูลการประมงพื้นบ้าน การเลี้ยงสัตว์ ทั้งสัตว์น้ำ หมู เป็ด ไก่ วัวควาย ฯลฯ
 
 
ชาวท่าหินปรับตัวรับมือภัยพิบัติ เพื่อคงวิถี \'โหนด นา เล\'
 
 
                      นอกจากนี้ยังมีข้อมูลและแผนที่เกี่ยวกับประชากรกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงวัย ผู้เจ็บป่วยเรื้อรัง ผู้พิการ ฯลฯ ข้อมูลพื้นที่ปลอดภัย และพาหนะที่มี ซึ่งข้อมูลต่างๆ ได้นำมาสู่การทำแผนเพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือกับภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้นอีกในอนาคต
 
                      การสร้างระบบวิทยุสื่อสาร มีการฝึกอบรมและประยุกต์ใช้งานวิทยุสื่อสารเครื่องแดงตามทักษะ โดยมี 1.สถานีแม่ข่ายทำหน้าที่รับข้อมูลข่าวสารจากทุกด้านและประมวลข้อมูลข่าวสารส่งกลับสถานีย่อยและเครือข่ายสถานีแม่ข่ายต่างพื้นที่ 2.สถานีย่อยทำหน้าที่รับข่าวจากพื้นที่และแลกเปลี่ยนไปยังสถานีแม่ข่ายรวมทั้งแจ้งข่าวกลุ่มเสี่ยงภัยในพื้นที่ ซึ่งสอดคล้องกับวิถีชีวิตและภัยพิบัติในด้านต่างๆ คือ ด้านการประมง ด้านความมั่นคง ด้านภัยพิบัติและเพื่อการประสานงาน
 
                      โดย ด้านภัยพิบัติ มีการใช้วิทยุเครื่องแดงเป็นช่องทางการสื่อสารการเตรียมความพร้อมติดตามสถานการณ์การ รายงานแจ้งเตือนภัย แจ้งอพยพ ขอความช่วยเหลือเมื่อเกิดภัย ด้านความมั่นคง มีการใช้วิทยุเครื่องแดงในการติดต่อสื่อสารเพื่อความมั่นคงในการรักษาความสงบเรียบร้อยทั้งการตั้งด่านตรวจในชุมชน สกัดจับ ตรวจค้นผู้ต้องสงสัยที่เข้ามาในพื้นที่ชุมชน
 
                      ด้านการประมง มีการประยุกต์ใช้วิทยุเครื่องแดงเพื่อสนับสนุนอำนวยความสะดวกและสร้างความปลอดภัยการติดต่อสื่อสารกันของชาวประมงในพื้นที่ขณะออกทำการในทะเลสาบ โดยเฉพาะเรื่องกระแสน้ำ ระดับน้ำขึ้นลง และวาตภัยในทะเลสาบ และ ด้านประสานงาน เพื่อสร้างเครือข่ายภายนอก มีการนำวิทยุเครื่องแดงมาใช้เป็นช่องทางการติดต่อเชื่อมโยงข้อมูลข่าวสารและสร้างเครือข่ายการทำงานร่วมกับเครือข่ายภายนอก โดยเฉพาะสถานีแม่ข่ายพื้นที่ต้นน้ำและหน่วยอาสาสมัครกู้ชีพกู้ภัยต่างๆ
 
 
ชาวท่าหินปรับตัวรับมือภัยพิบัติ เพื่อคงวิถี \'โหนด นา เล\'
 
 
                      การปรับตัวในการทำนา หลังจากมีการถอดบทเรียนร่วมกัน พบว่ามีการทำนาข้าวเป็นอาชีพหลัก ซึ่งพื้นที่เฉลี่ยไม่ต่ำกว่าครัวเรือนละ 7 ไร่ แต่ดั้งเดิมชาวท่าหินทำนาแบบพึ่งตนเอง ตั้งแต่การไถด้วยวัว การใส่ปุ๋ยจากมูลสัตว์หรือขี้เถ้าจากเตาเคี่ยวน้ำตาล มีพันธุ์ข้าวพื้นบ้านจำนวนมาก เช่น ข้าวสาหรี่ ข้าวนางฝ้าย ข้าวนางหมุ่ยดอกแฝก ข้าวลูกปลา ข้าวหัวนา ฯลฯ ข้าวเหล่านี้ล้วนทนน้ำ ทนลม และทนต่อการเกิดภัยพิบัติ แต่เมื่อปี 2510 มีการปลูกข้าว กข.13 โดยราชการมาส่งเสริม ทำให้ข้าวพื้นบ้านขายไม่ได้เพราะพ่อค้าไม่รับซื้อ จึงหันมาปลูกข้าว กข.13 กันจนเกือบหมด ทำให้ต้องซื้อ ปุ๋ย ยา จากภายนอกและขาดทุนมาเป็นระยะ
 
                      หลังจากมีการทบทวนแล้วว่า เพราะพึ่งพิงภายนอก ละเลยวิถีดั้งเดิมและไม่รู้จักปรับตัว จึงมีการรวมกลุ่มทำนา ทำปุ๋ยหมัก ทำน้ำหมักจากลูกตาลโตนด คัดแยกเมล็ดพันธุ์ข้าว วัดและจดบันทึกค่าดิน พร้อมศึกษาพันธุ์ข้าวและแลกเปลี่ยนกับตำบลใกล้เคียง คือ ต.บ่อแดง ต.บางเขียด ต.ชะแล้ ต.วัดจันทน์ เป็นเครือข่ายการทำนาข้าวเพื่อการปรับตัวต่อภัยพิบัติ
 
                      เบญจวรรณ ศรีสุวรรณ เล่าว่า “เมื่อเกิดภัยพิบัติได้รับความเสียหาย คนไม่อยากทำนา ทิ้งร้าง จึงเริ่มวางแผนทำนาใหม่ในพื้นที่ 1 ไร่ ทำปุ๋ยเอง ทำน้ำหมักเอง ต้นทุนอยู่ที่ 1,700 บาท ได้ข้าวไรซ์เบอร์รี่ถึง 11 กระสอบ ราคาประมาณ 2 หมื่นบาท มีการเปลี่ยนแปลงคือ สภาพดินดีขึ้น มีไส้เดือน มีสัตว์น้ำในนา ข้าวกอโตมาก”
 
 
ชาวท่าหินปรับตัวรับมือภัยพิบัติ เพื่อคงวิถี \'โหนด นา เล\'
 
 
                      นอกจากนี้ ต.ท่าหิน มีการทำงานร่วมกันเป็นเครือข่ายและขยายสร้างเครือข่ายการทำงานร่วมกันทั้งระดับพื้นที่ ระดับชุมชน ระดับตำบล ระดับอำเภอ ระดับลุ่มน้ำ ครอบคลุมด้านข้อมูลข่าวสาร องค์ความรู้ งบประมาณ บุคลากร เครื่องมือ ทั้งสภาวะปกติ และสภาวะฉุกเฉินขณะเกิดภัยพิบัติ และ มีการเรียนรู้การอ่านแผนที่ภูมิอากาศ โดย ดร.สมพร ช่วยอารีย์ จาก ม.อ.ปัตตานี ช่วยฝึกอบรมจนชาวบ้านสามารถอ่านเองได้
 
                      ดังนั้นชาว ต.ท่าหิน จึงใช้การบูรณาการของภูมิปัญญาประสบการณ์จริงในพื้นที่และแนวคิดทฤษฎีองค์ความรู้สมัยใหม่จากหน่วยงานภายนอกต่างๆมาปรับใช้ร่วมกัน เป็นนวัตกรรมการจัดการภัยพิบัติที่เหมาะสมสอดคล้องกับชุมชน จนนำมาสู่การเปิดเป็นศูนย์เรียนรู้วิถีโหนด นา เล และศูนย์เรียนรู้ภัยพิบัติตำบลท่าหิน โดยมีพิธีเปิดเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2558 มีทั้งภาคีความร่วมมือจากภาครัฐ นักวิชาการ และเพื่อนเครือข่ายชุมชนที่เคยประสบภัย  เช่น บ้านน้ำเค็ม จ.พังงา อ.เขาพนม จ.กระบี่ ต.ขอนคลาน จ.สตูล และจ.ภูเก็ต เข้าร่วมเรียนรู้ด้วย
 
                      ภัยพิบัติทุกชนิดไม่อาจรู้ล่วงหน้าได้ แต่ประสบการณ์คือต้นทุนที่สำคัญในการนำไปสู่การวางแผนป้องกันให้ชุมชนอยู่คู่กับวิถีของท้องถิ่นได้ ซึ่งชาวท่าหินทำให้เห็นเป็นประจักษ์แล้ว
 
 
 
 
 
--------------------
 
(รักชีวิต รักษ์สิ่งแวดล้อม : ชาวท่าหินปรับตัวรับมือภัยพิบัติ เพื่อคงวิถี 'โหนด นา เล' : โดย...ปรีดา คงแป้น)