
'สบู่ตาลโตนด' จากโหนด-นา-เล ตอบโจทย์วิถีชุมชนของคนเลสาบ
03 ก.ย. 2558
ทำมาหากิน : 'สบู่ตาลโตนด' จากโหนด-นา-เล ตอบโจทย์วิถีชุมชนของคนเลสาบ : โดย...สุรัตน์ อัตตะ
โหนด-นา-เล เป็นวิถีชีวิตดั้งเดิมในการดำรงชีพของคนคาบสมุทรสทิงพระ อ.สทิงพระ จ.สงขลา ซึ่งประกอบไปด้วยพื้นที่ 3 ตำบลคือ ต.ท่าหิน ต.คูขุดและต.คลองรี ที่มีชีวิตผูกพันอยู่ 3 อาชีพหลักได้แก่ วิถีชีวิตเกี่ยวกับตาลโตนด
เช่นการขึ้นตาลโตนด เฉาะลูกตาล ลูกตาลเชื่อม การทำน้ำผึ้งแว่น น้ำผึ้งเหลว การแปรรูปผลิตภัณฑ์จากตาลโตนด และการเพาะลูกโหนด วิถีชีวิตการทำนาเป็นอาชีพหลักของชาวบ้านที่สลับกับอาชีพตาลโตนดและวิถีชีวิตชาวประมงแบบดั้งเดิม อาทิ การทำไซ-สุ่มดักปลาในทะเลสาบ การทำกุ้งส้ม ปลาแห้ง ปลาต้มน้ำผึ้งจากตาลโตนด
พูนทรัพย์ ศรีชู ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนสบู่ตาลโหนดและผู้ประสานงานชมรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์วิถีโหนด-นา-เล ต.ท่าหิน อ.สทิงพระ ซึ่งเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญในการรวมกลุ่มชาวบ้านหาอาชีพเสริมรายได้ ด้วยการนำผลิตในแต่ละอาชีพมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยเริ่มรวมกลุ่มดำเนินการอย่างจริงจังในปี 2541 เนื่องจากปัญหาในพื้นที่ อ.สทิงพระ ช่วงนั้นมีปัญหาสัตวน้ำในทะเลสาบเริ่มหายากขึ้นทุกวัน ผลผลิตข้าวและตาลโตนดมีราคาตกต่ำ ขณะเดียวกันคนในชุมชนก็เริ่มหันหน้าเข้าสู่เมืองเพื่ิอทำงานรับจ้างหารายได้เลี้ยงครอบครัวจนละทิ้งอาชีพดั้งเดิมไป ทั้งทำนา ทำตาลโตนดและทำการประมงในทะเลสาบ จึงมีการรวมกลุ่มผู้หญิงเพื่อหาอาชีพเสริม ด้วยการทำดอกไม้จันทน์ ซึ่งมีรายได้เฉลี่ยในขณะนั้นประมาณ 3-4 พันบาท ภายใต้กลุ่มแม่บ้านทำดอกไม้จันทน์ท่าหิน
“หลังจากที่รวมกลุ่มกันเองจนเข้มแข็ง กระทั่งมีผู้คนและหน่วยงานต่างๆ เข้ามาเยี่ยมชมกิจกรรม พร้อมทั้งให้คำแนะนำจนได้อัตลักษณ์ของตนเองเรียกว่าโหนดนาเลเพื่ออนุรักษ์วิถีดั้งเดิมเอาไว้ หลังจากก็มีการเดินทางไปศึกษาดูงานที่อื่นก็เลยได้เห็นเขานำวัตถุดิบในพื้นที่มาแปรรูปเพิ่มมูลค่าแล้วทำไมบ้านเราก็มีจึงทำบ้าง นี่คือจุดเริ่มต้นก็กิจกรรมการแปรรูปผลิตภัณฑ์ต่างๆ หลังจากได้อัตลักษณ์ของชุมชนโหนดนาเล ไม่ว่าจะเป็นข้าวสารบรรจุถุง สบู่ตาลโตนด หรือกุ้งหวาน กุ้งส้ม จากนั้นก็เลิกทำดอกไม้จันทน์”
พูนทรัพย์ เผยต่อว่าหลังจากมีการปรับวิถีชีวิตให้เป็นไปตามอัตลักษณ์โหนดนาเลนั้น ชาวบ้านก็เริ่มให้ความสำคัญกับวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมมากขึ้น โดยการทำนาจากเดิมที่ใช้ปุ๋ยเคมีก็หัมมาใช้ปุ๋ยหมักที่ผลิตจากหัวปลาและลูกตาลโตนดผลิตปุ๋ยชีวภาพแทน ส่วนพันธุ์ข้าวเปลี่ยนจากข้าว กข มาเน้นข้าวพื้นเมืองมากขึ้น เช่น ข้าวสาหรี่ ข้าวขาวหนัก ข้าวสังข์หยด เพราะนาขา้วกับทะเลสาบจะมีความเชื่อมโยงกัน หากใส่ปุ๋ยเคมีในนาขา้วในที่สุดน้ำเสียจากนาข้าวก็จะลงไปในทะเลสาบส่งผลให้มีผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมในทะเลได้
“ถ้าในนาน้ำดี ดินดี มันก็จะไหลลงสู่ทะเลสาบทำให้น้ำในทะเลสาบดีขึ้น พันธุ์สัตว์น้ำต่างๆ ก็จะมีจำนวนเพิ่มขึ้นได้ เมื่อก่อนปลากระบอก ปลามิหลังหายากมาก แต่ตอนนี้เริ่มมีให้เห็นมีให้จับแล้ว ส่วนตาลโหนดสมัยก่อนถ้านำมาทำน้ำตาลขายปี๊บละ 300-400 บาทเท่านั้น ราคาต่ำมาก ทำให้ไม่มีอยากทำตาลโตนด ต่อมาได้แปรรูปเป็นน้ำตาลแว่นและน้ำตาลโตนดผงเพื่อเพิ่มมูลค่า ตอนนี้น้ำตาลโตดนผงขายกิโลละ 200-300 บาท ตอนนี้ก็ส่งประจำที่เลมอนฟาร์ม กรุงเทพฯ เฉลี่ยประมาณ 500 กิโลต่อเดือน”
ผู้ประสานงานชมรมท่องเที่ยวคนเดิมระบุอีกว่าหลังจากก่อตั้งชมรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์วิถีโหนด-นา-เล เมื่อปี 2544 จากนั้นก็มีการจัดตั้งกลุ่มแปรรูปผลิตภัณฑ์ต่างๆ ขึ้น ภายใต้สังกัดของชมรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์วิถีโหนด-นา-เล โดยกลุ่มสบู่ตาลโหนดเริ่มจัดตั้งเมื่อปี 2553 หลังมีโอกาสไปศึกษาดูงานการแปรรูปสบู่จากเปลือกมังคุดที่หมู่บ้านคีรีวง จ.นครศรีธรรมราช และการทำสบู่จากมะขามเปียกที่อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จากนั้นก็นำมาประยุกต์ใช้กับเปลือกตาลโตนด โดยมีหน่วยราชการและสถาบันการศึกษา อย่างมหาวิทยาลัยทักษิณร่วมกับคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์เข้ามาช่วยดูแล ทำวิจัย ซึ่งพบว่าในเนื้อตาลโหนดสุกมีสารเบต้าแคโรทีนช่วยบำรุงผิว ทำให้ผิวนุ่มเนียนใสขึ้น ต่อต้านรังสีจากแสงแดดและมีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อรา ส่วนมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัยก็จะเข้ามาดูแลในเรื่องบรรจุภัณฑ์
ปัจจุบันผลิตภัณฑ์สบู่ตาลโตนดของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนสบู่ตาลโตนดนาเลมี 3 แบบให้เลือกประกอบด้วยสบู่ลูกโหนด สบู่นมข้าวและสบู่สาหร่ายที่มีส่วนผสมของตาลโตนด มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ทั้งรูปลูกตาลโตนด รูปวงรีและรูปกลีบกุหลาบ ส่วนสีของสบู่จะขึ้นอยู่กับส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ เช่น สีขาวจะมีส่วนผสมของนมข้าว ส่วนสาหร่ายจะมีสีเขียว นับเป็นอีกผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์วิถีชุมชนของคาบสมุทรสทิงพระ สนใจผลิตภัณฑ์หรือขั้นตอนการทำสบู่ตาลโตนดโทร.08-1275-7156 ได้ตลอดเวลา
---------------------
(ทำมาหากิน : 'สบู่ตาลโตนด' จากโหนด-นา-เล ตอบโจทย์วิถีชุมชนของคนเลสาบ : โดย...สุรัตน์ อัตตะ)