
ศิลป์แห่งแผ่นดิน : บทกวีตามสัญญา
23 ส.ค. 2558
ศิลป์แห่งแผ่นดิน : บทกวีตามสัญญา : โดย...ศักดิ์สิริ มีสมสืบ
งาน “มหกรรม เมืองพระชนกจักรี อุทัยธานีน่าอยู่” เมื่อวันที่ 15-16 สิงหาคม ที่เพิ่งผ่านไป ถือเป็นงานของชาวบ้านระดับจังหวัด และเป็นงานจังหวัดระดับชาวบ้าน จัดได้อย่างเรียบง่ายแต่อลังการ ไม่มโหฬารแต่ก็ยิ่งใหญ่ในความรู้สึก คือไม่ใหญ่แต่มีความลึกลงมิติวัฒนธรรม
ผมเป็นคนจังหวัดอื่นที่หลงรักจังหวัดอุทัยธานีเอามากๆ น่าจะเป็นจังหวัดที่ผมมาเยี่ยมเยือนบ่อยที่สุดกว่าจังหวัดใดในประเทศ แม้ไม่มีธุระอันใดเป็นพิเศษก็ยังแวะไปหาก๋วยเตี๋ยวกิน เมืองอุทัยเป็นเมืองก๋วยเตี๋ยว ที่ขนานนามให้ว่าเป็นเมืองก๋วยเตี๋ยวก็เพราะมีร้านก๋วยเตี๋ยวเด็ดๆ มากมายหลากหลาย จังหวัดอื่นๆ ก็เช่นสุโขทัย พิษณุโลก อยุธยา บางจังหวัดหน่วยงานด้านการท่องเที่ยวถึงกับทำ “แผนที่ก๋วยเตี๋ยว” บอกพิกัดที่ตั้งเสร็จสรรพ คอก๋วยเตี๋ยวขับรถตามไปกินได้เลย
ที่เมืองอุทัยนี้มีถนนคนเดินที่น่าเดิน ยามเย็นต่อค่ำทุกวันเสาร์ เชิญมาเยื้องย่างตรอกโรงยา ตลาดเก่าย่านริมน้ำสะแกกรัง เดินข้ามสะพานสู่อีกฝั่งคือวัดโบสถ์ หรือวัดอุโปสถาราม วัดสำคัญที่พระพุทธเจ้าหลวงเคยเสด็จประพาสต้นมาที่นี่เมื่อร้อยกว่าปีที่ผ่านมา ยังมีแพที่ท่าน้ำเป็นประจักษ์พยาน งดงามด้วยสถาปัตยกรรมสถานผสมผสานสามรูปแบบ ฝรั่ง แขก ไทย ให้ชื่นใจชื่นตาทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ศิลปะ
วันที่ผมไปร่วมงาน (15 สิงหาคม) ผมไปในฐานะแขกรับเชิญให้ไปขับขานบทกวี และร้องเพลงเล่นดนตรี แต่ทว่าวันนั้นผมลืมหยิบบทกวีที่จะอ่านในงานไว้ที่บ้าน จึงแก้ปัญหาด้วยกันแต่งกลอนขึ้นใหม่สดๆ ทันทีทันใดก่อนขึ้นเวทีเพียงสิบนาที รู้ตัวว่าแต่งได้ไม่เลวแต่ก็ไม่ดีเลิศประเสริฐสมศักดิ์ศรี วัดอุโปสถารามและไม่สมเกียรติศักดิ์เมืองอุทัยฯ จึงให้สัญญากับแม่น้ำสะแกกรังไว้ว่าจะส่งกลอนดีๆ บทกวี งามๆ ตามมาในภายหลัง
บัดนี้ผมส่งมาให้ตามสัญญา เป็นบทกวีที่ตั้งจิตบรรจงเขียนเพื่อประกอบหนังสือสำคัญเล่มหนึ่ง ซึ่งรวมภาพถ่ายสถาปัตยสถานสำคัญของแต่ละจังหวัดในประเทศไทย โดยกวีแต่ละจังหวัด จังหวัดละหนึ่งท่าน เขียนบทกวีด้วยฉันทลักษณ์ใดก็ได้ ท่านละหนึ่งชิ้น ประกอบภาพถ่าย และเรื่องราวซึ่งจังหวัดอุทัยธานีมี “วัดอุโปสถาราม” เป็นสถาปัตยสถานสำคัญของจังหวัด แต่คงด้วยผมมีวาสนาจึงได้มาทำหน้าที่เขียนบทกวีให้วัดสำคัญล้ำค่าของจังหวัดนี้ แทนที่จะเขียนให้ชัยนาท “บ้านเกิด” หรือนครสรรค์ “เมืองนอน” เหตุอีกประการเป็นเรื่องของการประสานงานของกรรมการผู้จัดพิมพ์หนังสือ ฝากบทกวีนี้มาตามสัญญา แด่ชาวอุทัยธานีครับ
วัดอุโปสถาราม
กลอนสุภาพ
กษิรแม่สะแกกรังถะถั่งอุทก วิหคผกผินผ่านวิญญาณสมัย
รวีอิสราอุ่นอรุณอุไร ส่อง “อุทัยธานี” ศรีธรณิน
“อุโปสถาราม” นามพุทธสถาน สถิตเสถียรจำเนียรกาลงานพุทธศิลป์
บรรเลงร่ายสายลมบุราณริน ชื่นเย็นยินเสียงแม่ “สะแกกรัง”
แพโบสถ์น้ำย้ำตำนานโบราณล่วง เรื่อง “พระพุทธเจ้าหลวง” แต่ปางหลัง
ธ เสด็จทางชลยินยลยัง ปีติปลั่งปลาบปลื้มดื่มใจชน
ดลใจชื่นดื่นดาริกาแก้ว เรืองไรไตรรัตน์แพร้วโพยมหน
ใต้ร่มโพธิสมภาร “พระภูมิพล” “นวมินทร์” ปิ่นสกลดลตระการ
ดาลตระกลยลอุโบสถศรี ฐานไพทียกพื้นยืนพิหาร
ล้ำเลอคำสถาปัตยาคาร หลากสายศิลป์ผสมผสานผ่านบูรณา
จิตรกรรมย้ำวิมุตติพุทธประวัติ ยังฉายชัดภาพวิจิตรแฝงปริศนา
มองมณฑปแปดเหลี่ยมเปี่ยมศรัทธา เมฆฟ่องฟ้าเป็นฉากหลังเห็นพรั่งพราว
จอมเจดีย์ตรีองค์คงยืนเด่น หกเหลี่ยมย่อมุมเห็นยอดเสียดหาว
อีกองค์ทรงระฆังคว่ำคร่ำเครงคราว หง่างเหง่งเพียงเผดียงด้าวผดุงธรรม
นามเดิม “วัดโบสถ์มโนรมย์” แวดล้อมเวฬุร่มพลิ้วลมร่ำ
กล่อมกมลจนวิมุตสุดสายกรรม ตราบสายน้ำ “สะแกกรัง” ยังไหลริน
ซึ่งสายน้ำอนิจจังยังรี่ไหล แสงพระรัตนตรัยยังไม่สิ้น
พุทธารามจะคงอยู่คู่แผ่นดิน ให้ชนยินเสียงระฆังกังวานใจ
เพลงไผ่โบกใบพลิ้วให้เพลินฟัง นิ่งภวังค์สงบระงับสดับได้
ย่อมธำรงพระอารามให้เรืองไร เมื่อแสงธรรมส่องอุทัยไสวประเทืองฯ
โคลง ๔ สุภาพ
“อุโปสถาราม” อร่ามเรื้อง เรืองละมุน
แสงพิสุทธิ์พุทธ-ธรรมคุณ ผ่องอะคร้าว
ศิลป์วิเศษวิศิษฎ์หนุน สืบเนื่อง
ศิลป์-ธรรมน้อมจิตน้าว ดื่มรุ้งอรุณสมัยฯ
(ศักดิ์สิริ มีสมสืบ)