
ชวนเที่ยว : ชิลไปใน... 'ปากน้ำปราณ'
16 ส.ค. 2558
ชวนเที่ยว : ชิลไปใน... 'ปากน้ำปราณ' : เรื่อง / ภาพ ... นพพร วิจิตร์วงษ์
ก็ถ้าหัวหินจะแออัด แล้วที่รองรับต่อไป ควรเป็นที่ไหนดี?
หลายคำถามผุดพราย ไม่เพียงแค่นักท่องเที่ยวที่คิด ธุรกิจด้านท่องเที่ยวเองก็คิดไม่น้อยไปกว่ากัน
วันนี้ เมื่อ 20 ปีก่อน ปราณบุรี เงียบสงบ จนได้ยินแต่เสียงคลื่น และสายลม ปัจจุบันก็แทบไม่ต่างกัน เพียงแต่การคมนาคมเข้าถึงสะดวกสบาย และความจอแจ แออัดที่แผ่ขยายเข้ามาในช่วงเทศกาล
ฉันกลับมาที่ปราณบุรีอีกครั้ง นึกถึงตอนรับน้องสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ต้องไปต่อเรือนั่งอ้อมเขา ข้ามไปหาดแหลมศาลา ใครไม่นั่งเรือก็ออกแรงเดินข้ามเขา ผ่านป่ารกไปพอเหนื่อยหอบก็ถึง (แต่อย่าเดินผ่านตอนเย็น เพราะเขายังมีสัมปทานระเบิดหินอยู่) แต่วันนี้ บอกได้คำเดียวว่า สบ๊าย สบาย กับถนนหนทาง และสถานที่พักที่มีให้เลือกหาเยอะขึ้น
จากกรุงเทพฯ ถึงหัวหิน และเลยไปอีกไม่ไกลก็ถึงที่หมาย ปากน้ำปราณบุรี แต่ที่พักของเราคราวนี้อยู่ที่ โรงแรมเชอราตัน หัวหิน ปราณบุรี วิลล่า ซึ่งอยู่ติดกับเอวาซอน เลยใช้เส้นทางเลี้ยวซ้ายตามป้ายทางแยกตลาดน้ำสามพันนาม พอถึงสี่แยกให้ตรงไป จะผ่านทางเข้าวนอุทยานปราณบุรี ยึดป้ายปากน้ำปราณฯ ไปเรื่อย ทางเข้าโรงแรมอยู่ก่อนถึงถนนเลียบชายทะเลไม่ไกลนัก ถ้าเข้าทางถนนเลียบชายทะเล รถยนต์จะไม่สามารถผ่านเข้าออกได้

จากกรุงเทพฯ เช้า ถึงปราณบุรีได้เวลามื้อเที่ยงพอดี เลยได้ลองลิ้มชิมรสอาหารทะเลสดๆ จากห้องอาหารดาหลาของโรงแรมซะเลย (โอกาสหน้าจะมาเม้าท์ให้อ่าน) ก่อนจะแยกย้ายเก็บข้าวของ รอเวลาแดดร่มลมตกจะไปเดินเล่นชายหาด
ถ้าใครชอบความหรูหรา โอ่อ่าของอาคารสถานที่ คงต้องมองที่อื่น แต่ถ้าชอบความเป็นส่วนตัว ถึงขั้นส่วนตัวมากๆ มาที่นี่ไม่ผิดหวัง วิลล่าแต่ละหลังอยู่ติดกันก็จริง แต่พอปิดประตูทางเข้าสู่ที่พักก็เหมือนทิ้งทุกอย่างไว้ภายนอก ขนาดว่า ถ้าไม่อยากเจอผู้คนก็ฝังตัวอยู่ในที่นอนนุ่มๆ แช่น้ำอยู่ในสระ หรือนั่งสังสรรค์กับเพื่อนๆ ในมุมสบายติดขอบสระก็ได้ (แต่กลางคืนยุงดุมาก ต้องอาศัยตัวช่วย(ยากันยุง)กันทีเดียว เพราะที่นี่มีบริการบาร์บีคิวในวิลล่าด้วย ...บอกแล้วว่า ถ้าอยากส่วนตัวจริงๆ ที่นี่ตอบโจทย์

ภายในโรงแรมที่ดูไม่ค่อยเหมือนโรงแรม เพราะสร้างเป็นวิลล่า มีพื้นที่ส่วนกลางกว้างๆ ที่มีทั้งสระบัว บริเวณปลูกพืชสมุนไพร แล้วยังมีไม้ใหญ่รวมถึงทิวมะพร้าวให้ความร่มรื่นตามทางเดิน ไปสู่ชายหาด คิดดูแล้วกัน วิลล่า 53 หลัง บนเนื้อที่รวมๆ แล้ว 30 กว่าไร่
จากที่พักเดินไปชายหาดก็ไม่ไกล หรือจะใช้บริการจักรยานของโรงแรมก็มีไว้อำนวยความสะดวกให้เหมือนกัน ชายหาดปราณบุรีออกจะดูแปลกๆ ในสายตาฉัน เพราะแทนที่จะข้ามถนนเลียบชายหาด แล้วก็ถึงหาดทรายเหมือนกับที่อื่นๆ ปรากฏว่ากลายเป็นแนวบันไดปูน ทอดลงสู่ทะเล อีกแนวหนึ่งกำลังปรับสภาพเพื่อทำเขื่อนปูนริมทะเลเหมือนกัน... หาดทรายของฉันหายไป
ริมทางมีรถมอเตอร์ไซค์เช่า แท็กซี่เช่าก็มี รับส่งถึงสนามบินสุวรรณภูมิ พ่อค้า-แม่ค้าขี่รถขายของมาจอดคุย ฉันเลยถามไถ่ได้ความว่า เขากำลังปรับเส้นทาง ฝั่งหนึ่งทำไปเชื่อมถึงปากน้ำปราณ อีกด้านทำไปถึงเขากะโหลกนู่น ฉันได้แต่มองด้วยความเสียดาย แต่คนที่นั่นเขาก็ไม่ได้อยากให้คลื่นซัดหาดทราย กินเข้ามาเรื่อยๆ จนถึงบ้านเป็นแน่ เพราะทะเลแถวนั้น คลื่นลมค่อนข้างแรง ตรงไหนที่ยังไม่ได้ทำเขื่อนจะเห็นได้ชัดว่าคลื่นซัดหาดทรายกินบริเวณเข้ามาลึก

วันรุ่งขึ้น ได้เวลาออกท่องวิถีชาวบ้านปากน้ำปราณบ้าง จากที่พัก ปั่นจักรยานออกทางด้านหลัง สู่ถนนเลียบชายหาด เลี้ยวซ้ายมุ่งสู่ ตลาดปากน้ำปราณบุรี จังหวะน้ำลงเห็นหาดทรายโผล่เป็นริ้วๆ เข้าติดขอบบันไดปูน ...หรือบางทีต้องจำยอมรับสภาพเมื่อมองว่านั่นคือการป้องกันแทนกำแพงธรรมชาติที่ไม่มีอะไรให้เห็น ปั่นกันแป๊บเดียวก็เข้าสู่ย่านชุมชน ผ่านสะพานปลาเก่าแก่ ซึ่งก็เก่าแก่จริงๆ เพราะสภาพผุพังบางส่วนจนใช้การไม่ได้ แต่นี่ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของปากน้ำปราณ เพราะเป็นสะพานปลาแห่งแรกของตำบลนี้ จนกระทั่งมีการสร้างสะพานปลาขึ้นมาใหม่ ที่นี่ก็เลยเลิกใช้ไป
จากสะพานปลา ถนนวกเข้าสู่ตัวตลาด ตลาดสดเทศบาลตำบลปากน้ำปราณ มีของกินสารพัด ทั้งอาหารสด และอาหารปรุงสำเร็จ ข้ามถนนตรงวงเวียนไปอีกฝั่งเป็นตลาดโต้รุ่ง แต่เช้าๆ แบบนี้ความคึกคักจะมาอยู่ฝั่งตลาดสดซะมากกว่า เลยขึ้นไปเป็นอาคารเก่าแก่ ที่ลูกหลานคนปากน้ำปราณพยายามบำรุงรักษาไว้ อย่าง บ้านยายกาแฟ ที่เห็นสีสันของร้านทำให้อดแวะไม่ได้ ร้านสีชมพู อยู่ฝั่งตรงข้ามธนาคารสีชมพู มีของแต่งร้านผสมผสานกันทั้งของเก่าเก็บ ของเล่น ตุ๊กตาสังกะสี "ตูน" เจ้าของร้าน บอกว่า เมื่อก่อนทำงานในเมืองกรุง แต่มาเปิดร้านกาแฟ และขายอาหารได้ 3 ปีแล้ว ที่ชื่อร้านบ้านยายก็เพราะใช้บ้านของยายทำร้านนี่เอง แต่มีการดัดแปลง ชั้นล่างเป็นปูน แต่ชั้นบนยังเป็นไม้ ทาสีใหม่ ลวดลายฉลุก็ยังรักษาไว้เหมือนเดิม

เลยร้านบ้านยายกาแฟ ไปไม่ไกล เลี้ยวซ้าย แวะไปดู ธนาคารปู ลุงเจือ แคใหญ่ ผู้ดูแลหรือผู้จัดการธนาคารปูอยู่พอดี เลยพาชมบ่ออนุบาลแม่ปู ลูกปู มีตะกร้าใส่แม่ปูที่ไข่นอกกระดองอยู่หลายตะกร้า “เราแยกตามเจ้าของปูที่เขาเอามาฝาก พอมันเขี่ยไข่ เขาก็มาเอาคืนไปขาย ใครให้แม่ปูมาเราจดรายละเอียดไว้หมด” ธนาคารแห่งนี้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2552 ด้วยความร่วมมือของอวนปู และชาวประมงที่ออกเรือจับปูมาได้ เจอตัวไหนมีไข่นอกกระดองก็จะเอามาไว้ที่ธนาคาร พอมันเขี่ยไข่เสร็จก็มาเอาแม่ปูคืนไป หรือถ้าให้ขาด ทางธนาคารก็ขายได้เงินมาบำรุงธนาคารต่อไป ส่วนลูกปูก็จะมีท่อต่อลงสู่ทะเลอีกที ซึ่งปีที่เคยได้แม่ปูมาเข้าธนาคารเยอะที่สุดคือปี 2556 ได้ถึง 5,180 ตัว ดอกผลที่ได้จากการทำธนาคารปู ลุงเจือบอกว่า เห็นผลชัดเจน ตอนนี้ชาวประมง เรือเล็กไม่ต้องออกไปหากินไกล อย่างมากไปแค่เขากะโหลก เขาตะเกียบ ก็ได้ปู ได้ปลามาแล้ว แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงกว่าตอนนี้ก็คือ พวกเรืออวนลาก อวนรุน หรือพวกเรือคราดหอย ที่เข้ามาทำประมงใกล้ชายฝั่ง พวกนี้จะทำให้ทะเลเสียหาย สัตว์น้ำหายหมด ชาวบ้านจึงต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตา เพราะท้องทะเลชายฝั่งแถวนี้เปรียบเสมือนเป็นหม้อข้าว ที่เลี้่ยงปากเลี้ยงท้องของชาวปากน้ำปราณด้วย
ออกจากธนาคารปู ผ่านออกมาทางปากน้ำปราณ มีเรือไดหมึกเทียบท่าอยู่หลายลำ รอเวลาพลบค่ำก็พร้อมจะออกทำงาน หรือนักท่องเที่ยวจะข้างออกไปตกหมึกเล่นก็มาติดต่อได้ที่นี่เช่นกัน เดินเลาะปากน้ำปราณ ผ่านแผงตากปลาหมึก มีทั้งแบบผ่าตัวใหญ่ๆ กับหมึกกะตอย คนที่นั่นบอกว่า ตอนที่ยังไม่มีจัดระเบียบเรือประมง จะเห็นแผงตากปลาหมึกเยอะกว่านี้อีกหลายเท่า ก็ปลาหมึกน่ะ ถือเป็นสินค้าของฝากขึ้นชื่ออีกอย่างหนึ่งของปากน้ำปราณเชียวนะ ก่อนวกกลับ แวะไหว้ศาลสมเด็จกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์กันสักหน่อย ที่นี่เป็นที่ที่ชาวประมงจะมากราบไหว้ จุดประทัด ขอพรก่อนออกเรือ ด้วยความเชื่อ ความศรัทธา เสมอมา
เวลา 2 ชั่วโมงเศษกับการปั่นจักรยานชมเมือง บอกได้เลยว่า ปราณบุรี ในช่วงต้นฝนก็ยังเที่ยวได้สบายๆ ฝนบ้าง แดดบ้าง กับลมเย็นๆ ชายทะเล ให้ความรู้สึกปลอดโปร่งทดแทนความเคร่งเครียดในเมืองได้หลายเท่าทีเดียว
---------------------
(ชวนเที่ยว : ชิลไปใน... 'ปากน้ำปราณ' : เรื่อง / ภาพ ... นพพร วิจิตร์วงษ์)