ไลฟ์สไตล์

ฝ่าแล้งปลูก 'ชมพู่ทับทิมจันทร์' สร้างรายได้ปีหลายแสนบาท

ฝ่าแล้งปลูก 'ชมพู่ทับทิมจันทร์' สร้างรายได้ปีหลายแสนบาท

30 ก.ค. 2558

ทำมาหากิน : ฝ่าแล้งปลูก 'ชมพู่ทับทิมจันทร์' สร้างรายได้ปีหลายแสนบาท : โดย...สุรชัย พิรักษา

 
                       เกษตรกรแห่งเมืองบุรีรัมย์ “ปรีชา มีแก้ว” ประสบผลสำเร็จในการปลูกชมพู่ทับทิมจันทร์ ที่หลายคนบอกว่าไม่สามารถปลูกได้ในภาคอีสานเพราะภาวะแห้งแล้ง โดยลงทุนขุดเจาะน้ำบาดาลพร้อมทำบ่อพักและติดตั้งระบบปริงเกลอร์แทนการใช้น้ำประปา ทั้งใช้ปุ๋ยคอกที่หาได้จากท้องถิ่น จนผลผลิตเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในและต่างจังหวัด สร้างรายได้ปีละ 4-5 แสนบาท
 
                       นายปรีชา มีแก้ว วัย 51 ปี เกษตรกรบ้านหนองปรือน้อย ต.สวายจีก อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เป็นอีกหนึ่งเกษตรกรที่ประสบผลสำเร็จในการปลูกฝรั่งไร้เมล็ด “พันธุ์กิมจู” บนเนื้อที่กว่า 20 ไร่ ส่งขายทั้งในและต่างจังหวัดสร้างรายได้ปีละหลายแสนบาท แต่ถึงแม้เขาจะประสบสำเร็จในการทำไร่ฝรั่งมาแล้วก็ยังไม่ละความพยายามที่จะทดลองนำชมพู่ทับทิมจันทร์ ที่หลายคนบอกว่าจะปลูกได้แต่ในพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออกเท่านั้น เนื่องจากเป็นไม้ผลที่ต้องการน้ำมาก แต่ภาคอีสานเป็นพื้นที่ที่แห้งแล้ง
 
                       ทว่า ด้วยความพยายามและประสบการณ์จากการทำไร่ฝรั่งมากว่า 20 ปี ปรีชาจึงตัดสินใจไปซื้อต้นพันธุ์ชมพู่ทับทิมจันทร์จาก จ.นครปฐม มาทดลองปลูก 200 ต้น บนเนื้อที่ 4 ไร่ โดยวิธีขั้นตอนการปลูกก็ไม่ยุ่งยากหลังจากเตรียมพื้นที่ที่จะปลูกแล้วก็ขุดหลุมกว้างประมาณ 1 เมตร ลึก 1 เมตร ใส่ปุ๋ยคอกหรือมูลสัตว์ที่หาได้จากท้องถิ่น แล้วนำต้นชมพู่ลงปลูกระยะเริ่มปลูกใหม่ควรให้น้ำวันละ 1–2 ครั้ง เช้า-เย็น จนกว่าต้นชมพู่จะตั้งตัวได้
 
                       จากสภาพพื้นที่ที่แห้งแล้งประกอบกับชมพู่เป็นไม้ผลที่ต้องการน้ำค่อนข้างมาก ปรีชาจึงใช้วิธีขุดเจาะบ่อบาดาลแล้วติดตั้งปั๊มสูบขึ้นมาพักไว้ในบ่อดินแล้วเดินท่อติดตั้งระบบสปริงเกลอร์ในสวนชมพู่ ทำให้มีน้ำหล่อเลี้ยงสวนชมพู่ได้โดยไม่มีปัญหา
 
                       “เมื่อต้นชมพู่มีอายุได้ 2-3 ปี ก็จะเริ่มออกดอก และเมื่อแต่ละช่อติดผลขนาดเท่าหัวแม่มือ หากในช่อมีลูกชมพู่ติดกันเป็นจำนวนมาก ให้ปลิดทิ้งเหลือลูกที่สมบูรณ์ที่สุดไว้ เมื่อผลมีอายุประมาณ 2 เดือน ก็ให้ใช้ถุงพลาสติกห่อผลที่สมบูรณ์ไว้ช่อละ 3 ผล เพื่อป้องกันแมลงรบกวน โดยแต่ละช่อไม่ควรเกิน 3 ผล เพราะจะทำให้คุณภาพไม่ดี หลังห่อไว้ประมาณ 20-25 วัน ก็สามารถเก็บผลผลิตได้”
 
                       ปรีชายังเผยถึงเคล็ดลับในการดูแลชมพู่ให้มีสีสด รสชาติหวาน กรอบ เป็นที่ต้องการของตลาดด้วยว่า ต้องเอาใจใส่ดูแลตั้งแต่เริ่มต้นปลูก หมั่นรดน้ำ ใส่ปุ๋ยอย่างสม่ำเสมอ หากพื้นที่ที่แห้งแล้งก็ให้ใช้วิธีสูบน้ำบาดาลขึ้นมาพักหรือกักเก็บไว้ในบ่อให้เพียงพอ หลังปลูกมาได้ 3 ปี และให้ผลผลิตเป็นปีแรก ถึงขณะนี้เก็บขายมาแล้ว 2 รุ่น โดยมีพ่อค้าแม่ค้ามารับซื้อชมพู่ถึงสวน และนำไปส่งให้ชาวบ้านวางขายตามเพิงริมถนนวันละ 700 กิโลกรัม
 
                       ส่วนราคาขายนั้น ปรีชาบอกว่า ราคากิโลกรัมละ 35 บาท ซึ่งแต่ละปีสามารถเก็บผลผลิตได้ 3-4 ครั้ง ครั้งละ 1-2 สัปดาห์ ทำให้มีรายได้เฉลี่ยปีละ 4–5 แสนบาท อีกทั้งยังมีรายได้จากการขายกิ่งพันธุ์ชมพู่ทับทิมจันทร์ที่จำหน่ายต้นละ 30 บาท
 
                       นับเป็นเกษตรกรตัวอย่าง ที่ใช้ความพยายาม อดทนและไม่หยุดที่จะหาวิธีฟันฝ่าปัญหาอุปสรรคต่างๆ โดยเฉพาะภัยธรรมชาติที่ไม่สามารหลีกเลี่ยงได้มาทดลองปรับใช้ในการประกอบอาชีพด้านการเกษตรกรจนประสบผลสำเร็จมีรายได้เลี้ยงครอบครัวโดยไม่ลำบาก ทั้งยังมีเงินเหลือเก็บอีกด้วย
 
 
 
 
 
----------------------
 
(ทำมาหากิน : ฝ่าแล้งปลูก 'ชมพู่ทับทิมจันทร์' สร้างรายได้ปีหลายแสนบาท : โดย...สุรชัย พิรักษา)