ไลฟ์สไตล์

7 โรค NCDs คร่าชีวิตคนไทยสูงถึง 73%

7 โรค NCDs คร่าชีวิตคนไทยสูงถึง 73%

28 ก.ค. 2558

ดูแลสุขภาพ : 7 โรค NCDs คร่าชีวิตคนไทยสูงถึง 73%

 
                        ทุกวันนี้หลายคนอาจจะมีการตื่นตัว และกลัวเรื่องของการแพร่ระบาดของโรคติดต่อทั้งหลายกันมากขึ้น แต่เมื่อเอ่ยถึง โรค NCDs (Non-communicable diseases) หรือกลุ่มโรคไม่ติดต่อ และเป็นกลุ่มโรคเรื้อรังที่เกิดต่อเนื่องยาวนาน และมีการดำเนินของโรคอย่างช้าๆ แตกต่างจากโรคติดเชื้อส่วนใหญ่ที่มักมีการดำเนินโรคอย่างรวดเร็ว หลายคนอาจคิดว่าเป็นเรื่องที่ไกลตัว ไม่ติดต่อกันได้ง่ายๆ หรือเป็นโรคสำหรับคนสูงอายุเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้วพบว่าคนไทยเสียชีวิตจากกลุ่มโรค NCDs สูงถึง 73% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกทีเดียว
 
                        โรค NCDs หรือกลุ่มโรคไม่ติดต่อนั้น สามารถก่อให้เกิดโรคร้าย อาทิเช่น โรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน, โรคหลอดเลือดสมองอุดตัน Stroke, โรคความดันโลหิตสูง, โรคถุงลมโป่งพอง, โรคอ้วนลงพุง โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง ซึ่งโรคเหล่านี้มักมีสาเหตุมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น สูบบุหรี่ เครียดบ่อย รับประทานอาหารฟาสต์ฟู้ดเป็นประจำ ออกกำลังกายไม่เพียงพอ และดื่มสุรามากเกินไป
 
                        สำหรับกลุ่มโรค NCDs ที่พบได้มากในปัจจุบัน และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างน่าตกใจอันดับแรก ได้แก่ โรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน โดย 30% ของจำนวนผู้ป่วยโรคนี้มักไม่ปรากฏอาการหรือมีสัญญาณของโรคที่น่าสงสัยใดๆ สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ จนกระทั่งมารู้ตัวอีกทีก็เมื่อพบว่าอาการของโรคถึงขั้นรุนแรงแล้ว ซึ่งปัจจัยเสี่ยงเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ มีหลายสาเหตุ สัญญาณอันตรายที่ควรสังเกต ได้แก่ อึดอัด หายใจไม่สะดวก หายใจไม่เต็มอิ่ม แน่นเหมือนมีอะไรมาบีบรัดหรือกดทับที่หน้าอก คลื่นไส้ เหงื่อออก ในรายที่มีหลอดเลือดหัวใจตีบมากจนตัน จะทำให้มีการขาดเลือดอย่างรุนแรงของกล้ามเนื้อหัวใจ อาจเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายในที่สุด
 
                        โรคหลอดเลือดสมอง หรือ Stroke เป็นโรคทำให้มีอัตราการเสียชีวิตเป็นอันดับต้นๆ ปัจจุบันพบเร็วขึ้นในกลุ่มอายุ 45 ปีขึ้นไป มักพบในผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคหัวใจ ความดันสูง ไขมันในเลือดสูง และผู้ที่สูบบุหรี่จัด หรือผู้ที่มีคนในครอบครัวเป็น Stroke มาก่อน โดยอาการเริ่มต้น ได้แก่ แขนขาอ่อนแรง ชาครึ่งซีก หน้าหรือปากเบี้ยว พูดไม่ชัด ตาข้างใดข้างหนึ่งพร่ามัวหรือมองไม่เห็น ปวดศีรษะเฉียบพลันแบบไม่มีสาเหตุ อาการเวียนหัว หรือวูบแบบเฉียบพลัน หากมีอาการดังกล่าวควรรีบพบแพทย์ภายใน 3 ชม.
 
                        โรคเบาหวาน ก็จัดเป็นอีกหนึ่งโรคที่พบได้บ่อย จัดเป็น 1 ในกลุ่มโรค NCDs ซึ่งเป็นตัวการเกิดโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด อัมพฤกษ์ อัมพาต และโรคไตวาย ดังนี้ ควรได้รับการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจหรือวิ่งสายพาน เพื่อตรวจเช็กสภาพการทำงานของหัวใจอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง พร้อมตรวจเช็กไขมันในร่างกาย คือการที่มีระดับน้ำตาล (กลูโคส) ในเลือดสูงกว่าปกติเกิดขึ้นเนื่องจากอินซูลินไม่สามารถนำน้ำตาลในเลือดเข้าไปใช้เป็นพลังงานในเซลล์ได้ สาเหตุเกิดจากร่างกายมีภาวะดื้อต่ออินซูลิน และตับอ่อนผลิตอินซูลินได้ไม่เพียงพอ สัญญาณอันตรายที่บอกว่าคุณใกล้เป็นมนุษย์เบาหวาน ได้แก่ ความดันโลหิต สูงเกินกว่า 130/90 มิลลิเมตรปรอท เจาะเลือด ค่าน้ำตาลสะสมปลายนิ้ว HbA1c มากกว่า 9% พฤติกรรมเสี่ยงเป็นเบาหวาน ได้แก่ อ้วนลงพุง ไม่ชอบออกกำลังกาย ชอบกินหวาน มัน เค็มจัด ปัสสาวะบ่อยตอนดึก และเครียด ถ้าไม่อยากเสี่ยงโรคเบาหวาน ควรเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมตั้งแต่วันนี้
 
                        โรคถุงลมโป่งพอง เป็นโรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่ซึ่งทรมานกว่าโรคหัวใจหรือมะเร็งปอด ปัจจุบันโรคถุงลมโป่งพองติดอันดับ 5 ของสาเหตุการเสียชีวิตในประเทศไทย สัญญาณเตือนภาวะถุงลมเริ่มโป่งพอง ไอเรื้อรัง มีเสมหะ เป็นหวัดง่าย แน่นหน้าอก หายใจมีเสียงวี้ด หลอดลมอักเสบบ่อย เหนื่อยหอบง่าย วิธีการป้องกัน ควรงดสูบบุหรี่ ออกกำลังกายเป็นประจำ และควรตรวจสมรรถภาพปอดสม่ำเสมอ
 
                        โรคอ้วนลงพุง เป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรังที่เกิดจากพฤติกรรมผิดๆ สิ่งที่บ่งบอกว่าคุณกำลังเข้าข่ายอ้วนลงพุง คือ ผู้ชายมีรอบเอวเกิน 90 ซม. ผู้หญิงรอบเอวเกิน 80 ซม. สำหรับผู้ที่เข้าข่ายอ้วนลงพุง สังเกตว่ารูปร่างเริ่มลงพุง มักมีอาการปวดหัวตอนเช้า และง่วงนอนตอนกลางวัน หายใจลำบากเวลานอน ทำอะไรก็เหนื่อยง่าย และอาจมีความเสี่ยงต่อภาวะหยุดหายใจในระหว่างหลับเพิ่มมากขึ้น ถ้าน้ำหนักตัวมากโดยเฉพาะ BMI มากกว่า 35, นอนกรนตอนอายุมากกว่า 50 ปีขึ้น, รอบคอโตกว่า 40 ซม. และเป็นความโชคร้ายของเพศชายที่มีโอกาสเป็นมากกว่าเพศหญิง
 
                        โรคความดันโลหิตสูง คือ ภาวะที่มีระดับความดันโลหิตสูงเรื้อรัง มีค่าตั้งแต่ 140/90 มิลลิเมตรปรอทขึ้นไป คนส่วนใหญ่มีภาวะความดันดันโลหิตสูงโดยที่ไม่ทราบว่าตนเองมีภาวะนี้ เนื่องจากเป็นโรคที่ไม่ค่อยปรากฏอาการที่ชัดเจนในช่วงแรก แต่เมื่อปล่อยนานไปโดยไม่ได้รับการดูแลรักษา แรงดันในหลอดเลือดที่สูงจะไปทำลายผนังหลอดเลือดและอวัยวะที่สำคัญทั่วร่างกาย จึงจัดเป็นภัยซ่อนเร้นที่เป็นสาเหตุให้เกิดโรคต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่มีอาการจนกว่าจะเกิดโรคแทรกซ้อนเหล่านี้ โดยมีสัญญาณอันตราย ได้แก่ หลังตื่นนอนตอนเช้า มึน งง ตาพร่า เหนื่อยง่าย ใจสั่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดหัวเฉียบพลันบ่อยๆ เลือดกำเดาออกบ่อย หลักการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดความดันโลหิตสูง ง่ายๆ คือ การลดน้ำหนัก หลีกเลี่ยงอาหารเค็ม ออกกำลังกายสม่ำเสมอ งดบุหรี่ ลดแอลกอฮอล์ ลดความเครียด
 
                        ปิดท้ายด้วย โรคมะเร็ง ปัจจุบันจากสถิติประชากรทั้งในประเทศไทยและทั่วโลกพบว่า โรคมะเร็งนับเป็นโรคที่เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตมากเป็นอันดับหนึ่งในผู้ป่วยโรคเรื้อรัง และมีแนวโน้มสูงมากขึ้นเรื่อยๆ ในทุกๆ ปี ซึ่งมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัยด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยด้านพันธุกรรมหรือการดำเนินชีวิตที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่นอน แต่เชื่อว่ามีปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเกิดโรคมะเร็งอยู่หลายประการ สัญญาณ อันตราย 7 ประการ ที่ควรรีบมาพบแพทย์ ได้แก่ มีเลือดหรือสิ่งผิดปกติออกจากร่างกาย เช่น มีตกขาวมากเกินไป, มีก้อนหรือตุ่ม เกิดขึ้นที่ใดที่หนึ่งของร่างกายและก้อนนั้นโตเร็วผิดปกติ, มีแผลเรื้อรัง, มีการถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ ผิดปกติหรือเปลี่ยนไปจากเดิม, เสียงแหบ ไอเรื้อรัง กลืนอาหารลำบาก เบื่ออาหาร น้ำหนักลด, มีการเปลี่ยนแปลงของหูด ไฝ ปาน เช่น โตผิดปกติ 
 
 
 
 
ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพกรุงเทพ 
 
โรงพยาบาลกรุงเทพ