
ศิษย์เก่าเกษตรเจ้าคุณฯจี้ทบทวนสรรหาคณบดี
ศิษย์เก่าเกษตรเจ้าคุณฯ ทั้่ง 40 รุ่นกว่า 2,500 ชีวิต ร้องสื่อเจาะประเด็นร้อน ธรรมาภิบาลของผู้บริหาร สจล. กรณีสรรหาคณบดี รก.อธิการยันโปร่งใส
21ก.ค.2558 นายหอมจันทร์ อินทรบุตร แกนนนำศิษย์เก่าเกษตรเจ้าคุณฯทั้ง 40 รุุ่น และศิษย์เก่าเกษตรเจ้าคุณรุ่นที่ 11 ร้องเรียนกองบรรณาธิการข่าวการศึกษา เครือเนชั่นฯว่า กรณีเงินคงคลังหายไปกว่า 1,600 ล้านบาท ยังไม่จางหาย ความไม่โปร่งใสของการทำงานและการบริหารงานในรั้วสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ก็เกิดคุกรุ่นขึ้นมาอีกในกรณีการสรรหาคณบดีคณะเทคโนโลยีการเกษตร สจล. แทนคณบดีคนเก่าที่หมดวาระไป
โดยเมื่อวันจันทร์ที่ 22 มิ.ย. 2558 มีการให้แสดงนโยบายและวิสัยทัศน์กับบุคคลากรในคณะฯ และหยั่งเสียงลงคะแนนของผู้สมัคร 3 คน ผลปรากฏว่า A : 77 คะแนน B : 27 คะแนน C : 11 คะแนน ไม่ประสงค์ลงคะแนน : 10 คะแนน บัตรเสีย : 4 คะแนน มีผู้มาใช้สิทธิ 129 คน คิดเป็น 60% ของผู้มีสิทธิลงคะแนน ผลปรากฏว่าเสียงจากคนในคณะฯ ให้ ผู้สมัคร A จะชนะขาดลอย ห่างกัน 50 คะแนน หรือเกือบ 3 เท่า กรรมการสรรหาได้ทำเรื่องเสนอ 2 คนแรกไปสู่สภา สจล. เพื่อให้กรรมการสภาฯ ลงคะแนนคัดเลือกในขั้นตอนต่อไป ซึ่งผลการประชุมกรรมการสภา สจล. เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2558 ก็ปรากฏว่า ผู้สมัคร B ได้รับเลือกจากกรรมการสภาฯ ด้วย 10:3 เสียง ... หนึ่งในกรรมการสภาฯทิ้งท้ายหลังการประชุมว่า.."พวกคุณกำลังจะทำให้คณะเทคโนโลยีการเกษตรลุกเป็นไฟ!!!!"
เมื่อดูจากการเปลี่ยนแปลงของคณะฯ ตลอด 8 ปี ที่ที่ผ่านมา เป็นที่ชัดแจ้งว่าคุณภาพการศึกษาของนักศึกษาตกต่ำลง และยังมีความสงสัยในการบริหารงานในหลายประเด็น 1. ผลประโยชน์ 1.1 เนื้อที่หลายส่วนของคณะฯ ถูกแปรเป็นหอสมุด หอประชุม และลานจอดรถโล่งๆ ทำให้เกิดความสงสัยว่าน่าจะมีผลประโยชน์ทับซ้อน ในการเอาพื้นที่มาใช้สอยกับผู้บริหารระดับสูงของ สจล.
1.2ต้นไม้ใหญ่ในคณะฯ ถูกตัดมันหมดตึกเก่าๆ ไม่มีการรักษาดูแลปล่อยให้ทรุดโทรม พื้นที่ของแปลงพืชสวน คอกสัตว์ และฟาร์มต่างๆ โดนรื้อไปเป็นพื้นที่ต่างๆ เป็นลานจอดรถ นักศึกษาปัจจุบันไม่มีแหล่งภาคปฏิบัติในคณะ ต้องไปปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ในการทำงานในคอมพิวเตอร์แทน
1.3 รายได้การจัดงานเกษตรฯ ในช่วงต้นปีของทุกปี รายได้จากการให้เช่าออกร้านเป็นร้อยร้าน ค่าเช่าร้านละ 5,000-8,000 บาท แต่กลับส่งเงินเข้าคณะฯ เพียง 50,000 บาท ไม่มีการแสดงบัญชีการเงิน ใบเสร็จ? นอกจากนี้ยังเอาโดมกลางน้ำไปทำห้องอาหารที่ผ่านมา เป็นที่ชัดแจ้งว่าคุณภาพการศึกษาของนักศึกษาตกต่ำลง และยังมีความสงสัยในการบริหารงานในหลายประเด็น
1.ผลประโยชน์ 1.1 เนื้อที่หลายส่วนของคณะฯ ถูกแปรเป็นหอสมุด หอประชุม และลานจอดรถโล่งๆ ทำให้เกิดความสงสัยว่าน่าจะมีผลประโยชน์ทับซ้อน ในการเอาพื้นที่มาใช้สอยกับผู้บริหารระดับสูงของ สจล. 1.2 ต้นไม้ใหญ่ในคณะฯ ถูกตัดมันหมด ตึกเก่าๆ ไม่มีการรักษาดูแลปล่อยให้ทรุดโทรม พื้นที่ของแปลงพืชสวน คอกสัตว์ และฟาร์มต่างๆ โดนรื้อไปเป็นพื้นที่ต่างๆ เป็นลานจอดรถนักศึกษาปัจจุบันไม่มีแหล่งภาคปฏิบัติในคณะ ต้องไปปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ในการทำงานในคอมพิวเตอร์แทน
1.3 รายได้การจัดงานเกษตรฯ ในช่วงต้นปีของทุกปี รายได้จากการให้เช่าออกร้านเป็นร้อยร้าน ค่าเช่าร้านละ 5,000-8,000 บาท แต่กลับส่งเงินเข้าคณะฯ เพียง 50,000 บาท ไม่มีการแสดงบัญชีการเงิน ใบเสร็จ? นอกจากนี้ยังเอาโดมกลางน้ำไปทำห้องอาหาร
นายหอมจันทร์ กล่าวต่อไปว่า ที่น่าเป็นห่วงการคอร์รัปชั่นเชิงนโยบาย เนื่องจากพ.ร.บ. ของมหาวิทยาลัยนอกระบบคล้ายๆ กันเกือบทุกมหาวิทยาลัย ต่างกันที่กฎหมายลูกที่กรรมการสภามหาลัยที่มาตั้งและปรับแก้กันเอง ซึ่งในการคัดเลือกคณบดีคณะเทคโนโลยีการเกษตรนั้น กรรมการสภา สจล.นั้นพิจารณาจาก คะแนนใน 3 หมวด คือ 1. คะแนนบริหาร 2.ด้านวิชาการ 3. ด้านสังคม โดยไม่ได้นำคะแนนหยั่งเสียงของบุคลากรภายในมาคิดด้วย ซึ่งทำให้เกิดการล็อกตัวได้ง่าย เพราะตัวชี้วัดของสภาฯ ‘อ่อน’ และมีสัดส่วนคะแนนหยาบเกินไป ทำให้ผู้สมัคร B มีคะแนนชนะ A ในขั้นตอนนี้ การที่กรรมการสภา สจล. ไม่รับเสียงเลือกจากประชาคมคณะเทคโนโลยีการเกษตร แสดงให้เห็นถึงการไม่สนใจประเด็นที่คนในคณะฯ ได้เลือกผู้นำของเขาแล้วด้วยคะแนนถึง 77:27 และไม่ให้เกียรติผู้ร่วมงานจากคณะเทคโนโลยีการเกษตรที่มาหยั่งเสียง (เสียทั้งเวลาและงบประมาณ) เปรียบแล้วเหมือนกับการแต่งตั้ง ซึ่งเสี่ยงต่อการล็อคผลล่วงหน้า หรือการสืบทอดอำนาจที่อาจมีผลประโยชน์ร่วมกัน
นายหอมจันทร์ กล่าวอีกว่า ธรรมาภิบาลหายไป เกิดคำถามถึงความเหมาะสม ความลำเอียงในตัวชี้วัด ซึ่งมีตั้งกฎเกณฑ์ไว้ก่อนว่าวิธีการสรรหาจะไม่มีการคิดคะแนนเสียงจากการหยั่งเสียง เป็นการป้องกันเสียงจากบุคลากรภายใน แถมยังตั้งประธานการสรรหาที่มีปัญหา เคยมีข้อพิพาทกันกับผู้สมัคร A โดยตรง และนอกจากนี้กรรมการส่วนใหญ่ก็เป็นฐานเสียงของคนเก่า ซึ่งถูกล็อบบี้มาแล้วระบบการสรรหานี้อาจเป็นการเตรียมการหาผู้มาทำงานต่อเนื่อง แต่ระบบมีจุดโหว่นี้ที่ทำให้ไม่เกิดธรรมาภิบาลในระบบการสรรหาผู้บริหารในระดับต่างๆ ของ สจล. โดยเฉพาะเมื่อ สจล. ออกนอกระบบ หากการคัดเลือกผู้บริหารทำกันเป็นระบบ ปิดการตรวจสอบจากภายนอก และเมื่อเกิดการทุจริตคอร์รัปชั่นก็จะทำให้คุณภาพการศึกษาตกต่ำ เคยมีผู้การเปรียบเทียบที่มาของระบบการคัดเลือกผู้บริหารในมหาวิทยาลัยต่างๆ ในไทย พบข้อมูลที่ชี้ให้เห็นถึง พ.ร.บ. ของ สจล. ที่ทำระบบไว้เอื้อต่อการสืบทอดอำนาจให้พรรคพวก
นายหอมจันทร์ กล่าวต่อไปว่า ศิษย์เก่าเห็นว่าระบบการลากตั้งแบบนี้ทำให้คณะฯ เสียหาย และมีการแสดงถึงการสืบทอดอำนาจเก่าอย่างชัดเจน จึงมีการรวมตัวกันและใช้สื่อออนไลน์ในการเผยแพร่ข้อมูลความแหลกเหลวของการสรรหาฯ ซึ่งทำให้เกิดปรากฏการณ์ตื่นตัวในสังคมออนไลน์หลายๆ ด้าน คือ สมาชิกในเพจ FB ‘เกษตรเจ้าคุณ’ (https://www.facebook.com/groups/kasetchaokhun/) เพิ่มจาก 400 เป็น > 2500 users ภายในเวลาไม่กี่วัน และการมียอดแชร์“ลากตั้ง!! คณบดีคณะเทคโนฯ เกษตร ส.เทคโนฯเจ้าคุณทหารลาดกระบัง!!”(http://pantip.com/topic/33835781) ในเว็บไซต์ pantip มากกว่า 1,500 แชร์ รวมไปถึงเพจกลางอย่าง FB ‘กู้พระจอมเกล้าฯ ลาดกระบัง’ (https://www.facebook.com/saveKMITL?fref=ts) ยังให้ความสนใจนำเนื้อหาไปลง นอกจากนี้ตัวแทนศิษย์เก่าได้ยื่นหนังสือต่อสภาฯ สจล. ขอคำชี้แจงและให้ทบทวน พร้อมแนบรายชื่อสมาชิกศิษย์เก่าจำนวน 626 รายชื่อ จากการรวบรวมในเวลาเพียงแค่ 4 วัน เกิดเป็นวิกฤตในคณะเทคโนโลยีการเกษตรและใน สจล.
"กว่า 8 ปี นักศึกษาเกษตรต้องทดลองปลูกผักผ่านคอมพิวเตอร์ เพราะไม่มีแปลงผัก ต้นไม้ถูกโค่นล้ม พื้นที่สีเขียวหายไป ปล่อยให้อาคารรกร้างไม่ดูแล เชื่อว่ามีมหาวิทยาลัยอื่นที่เคยเกิดเหตุการณ์ในลักษณะแบบนี้ บางที่จบลงอย่างสันติด้วยการที่อธิการบดีแสดงธรรมาภิบาล ยกเลิกการลากตั้ง และคืนอำนาจให้กับประชาคม ให้บุคลากรในคณะฯได้มีผู้นำที่เขาเลือก สำหรับคณะเทคโนโลยีการเกษตร สจล. จะจบอย่างไร เราเหล่าศิษย์เก่า ศิษย์ปัจจุบัน อาจารย์และเจ้าหน้าที่ในคณะฯ จะไปฟังคำตอบจากการประชุมสภา สจล. ในวันที่ 29 กรกฏาคม 2558 นี้ และยืนยันว่าัฒนาคณะเทคโนโลยีการเกษตร สจล. ศิษย์เก่าทั้ง 40 รุ่นไม่ได้มีผลประโยชน์แอบแฝงแต่อย่างใด เพียงอยากเห็นน้องๆได้รับโอกาสในวิชาชีพเหมือนรุ่นพี่ และอยากเห็นความโปร่งใส ความบริสุทธิ์ยุติธรรมและความรุ่งเรืองของคณะอย่างเช่นในอดีต" นายหอมจันทร์ กล่าวในที่สุด
รก.อธิการยันโปร่งใส
ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ รักษาการแทนอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง(สจล.) กล่าวว่า ตนไม่เคยได้รับหนังสือจากกลุ่มศิษย์เก่าคณะเทคโนโลยีการเกษตร เกี่ยวกับข้อร้องเรียนการสรรหาคณบดีคณะเทคโนโลยีการเกษตร ซึ่งหากกลุ่มศิษย์เก่าส่งหนังสือมา ตนก็พร้อมที่จะชี้แจงถึงกระบวนการสรรหาคณบดี หรือเรื่องอื่นๆ ทุกเรื่อง และขอยืนยันว่าขณะนี้ สจล.เป็นสถาบันการศึกษา ที่มีจุดยืนชัดเจนในเรื่องของการมีหลักธรรมาภิบาล ความโปร่งใส ทุกอย่างสามารถตรวจสอบได้ ดังนั้น ในส่วนของกระบวนการสรรหาคณบดีคณะเทคโนโลยีการเกษตร การบริหารงานของสจล.เป็นไปด้วยความโปร่งใส ไม่มีคำว่าพวกพ้อง หรือเป็นการจัดตั้ง การบริหารงานล้วนเป็นไปเพื่อประโยชน์ส่วนร่วม และนักศึกษา คณาจารย์ และประเทศชาติ
“ยืนยันว่าสจล.ยุคนี้เป็นยุคหลักธรรมาภิบาล ทุกอย่างมีความชัดเจน ซึ่งกระบวนการสรรหาคณบดีทุกคณะเป็นไปตามกระบวนการสรรหาคณบดี ไม่มีการจัดตั้งขึ้นมาอย่างแน่นอน และในส่วนของคณบดีคณะเทคโนโลยีการเกษตรแม้จะไม่ได้เป็นศิษย์เก่าสจล. แต่เชื่อว่าอาจารย์มีความรัก และจะบริหารงานคณะเทคโนโลยีการเกษตร ของสจล.ให้มีความเจริญก้าวหน้า ทำเพื่อชาวสจล.อย่างแท้จริง” รักษาการแทนอธิการบดี สจล. กล่าว