
ต่อสัญญาเช่าห้องไม่รู้ตัว
21 ก.ค. 2558
เปิดซองส่องไทย : ต่อสัญญาเช่าห้องไม่รู้ตัว
ลูกได้ทำสัญญาเช่าห้องพักของกรีนไลฟ์เพลส สัญญาเช่าเป็นปีต่อปี มีเงินประกัน 7,000 บาท จะคืนให้ในวันย้ายออก แต่ต้องแจ้งก่อนย้ายออกก่อน 45 วัน และวันย้ายออกต้องจ่ายให้กับทางหอพักอีก 1,800 บาท (กรณีต้องจ่ายทุกห้องที่ย้ายออก) เขาบอกเป็นค่าทาสีห้องใหม่ ค่าซักผ้าม่าน ค่าล้างแอร์ ทั้งๆ ที่ตอนย้ายเข้าไป ห้องก็ไม่ได้ทาสีใหม่ สภาพเดิมๆ ต่อจากผู้เช่ารายเก่า ลูกก็อยู่มาเรื่อยๆ ตั้งแต่ตอนอยู่ปี 2 พอใกล้ครบปีผู้ให้เช่าก็จะเรียกไปทำสัญญาเช่าต่อ
จนมาถึงปี 2558 ก่อนจบ ประมาณต้นเดือนเมษายนก่อน 45 วัน ก็ได้แจ้งกับเจ้าของหอพักว่าจะย้ายออกสิ้นเดือนมิถุนายน 2558 เพื่อเอาเงินประกันคืน ทางเจ้าของหอพักก็บอกไม่ได้เงินประกันคืน ลูกก็สงสัยว่าทำไมเพราะได้ทำตามสัญญาแล้ว โดยแจ้งก่อน 45 วัน เจ้าของหอพักบอกว่า ลูกได้เซ็นอยู่ต่อไปแล้ว ก็เลยงงว่าไปทำสัญญาตอนไหน เพราะยังไม่ถึงเวลาก่อนจะครบปี เขาก็เรียกให้ไปดูลายเซ็นของลูก ลูกพอจะนึกออกว่าได้เซ็นประมาณเดือนธันวาคม 2557 โดยเขามาเคาะห้องถามว่าจะอยู่ต่อไหม ลูกก็ตอบไปว่าอยู่ต่อถึงเดือนมิถุนายน 2558 เขาก็ให้เซ็นชื่อลงในกระดาษเพราะจะเรียนจบประมาณเดือนพฤษภาคม หรือเดือนมิถุนายน 2558 แต่กลายเป็นสัญญาอยู่ต่ออีก 1 ปี ก็เลยได้โทรไปคุยกับทางเจ้าของหอพัก บอกว่าลูกไม่ได้เซ็นต่อสัญญา ลูกเซ็นว่าจะอยู่ต่อแค่เดือนมิถุนายน เพราะจะจบภายในปีการศึกษานี้แล้ว (เหมือนรู้แล้วว่าเด็กจะจบและต้องย้ายกลับบ้าน) เพื่อที่จะกันห้องไว้ให้กับนักศึกษาที่จะเข้ามาเรียนใหม่ที่จะมาขอเช่า ถ้าไม่เตรียมไว้เขาจะเสียโอกาส
ก็เลยตอบเขาไปว่าจะเสียโอกาสได้อย่างไร เพราะตอนนี้นักศึกษาที่จะเข้ามาเรียนใหม่อยู่ในระหว่างหาที่เรียนกันอยู่เลยและสัญญาของลูกก็ยังไม่หมดสัญญาเก่าที่ทำไว้ (1 มิ.ย.2557-1 มิ.ย.2558) และถ้ามีคนมาขอจองก็ให้ห้องนี้แก่เขาได้เลย ซึ่งจะเปิดเทอมอีกทีก็เดือนสิงหาคม คงไม่มีใครมาอยู่ตอนนี้ อย่างเร็วก็ประมาณเดือนกรกฎาคมที่เด็กจะมาเรียนปรับพื้นฐานก่อนเปิดเทอม ซึ่งลูกก็ไม่ได้ผิดสัญญาก็น่าจะได้เงินคืน เขาบอกไม่ได้เพราะเซ็นไปแล้ว เราก็บอกงั้นก็ยกเลิกได้ เพราะสัญญาเก่ายังไม่ครบ เขาก็อ้างว่าลูกเซ็นอยู่ต่อไปแล้ว ซึ่งลูกบอกไปแล้วว่าอยู่ต่อถึงเดือนมิถุนายน เขาก็ไม่ยอม
แล้วเขาก็ให้ข้อเสนอมาว่าให้ลูกเช่าต่อถึงเดือนธันวาคมแล้วเขาจะคืนเงินให้ หรือไม่ก็หาคนมาเช่าต่อจากลูกแล้วจะคืนให้ครึ่งหนึ่ง ก็เลยต่อรองว่าขอคืนสักหน่อยได้ไหม ได้ค่าน้ำมันรถย้ายของก็ยังดี ซึ่งลูกบอกไปแล้วว่าอยู่ต่อถึงเดือนมิถุนายน เขาก็ไม่ยอม แล้วเขาก็ให้ข้อเสนอมาว่าให้ลูกเช่าต่อถึงเดือนธันวาคมแล้วเขาจะคืนเงินให้ หรือไม่ก็หาคนมาเช่าต่อจากลูกแล้วจะคืนให้ครึ่งหนึ่ง ก็เลยต่อรองว่าขอคืนสักหน่อยได้ไหม ได้ค่าน้ำมันรถย้ายของก็ยังดี เขาบอกไม่ได้ ขอไม่จ่าย 1,800 บาทได้ไหม เพราะได้ไปตั้ง 7,000 บาทแล้ว เขาบอกว่า 1,800 บาท เขาต้องเอาไปจ้างช่างมาทาสีห้องใหม่ เราก็เลยพูดไปว่าตอนลูกย้ายเข้ามาก็ไม่เห็นทาสีให้ใหม่เลย สภาพห้องก็เดิมๆ มุ้งลวดก็ขาด เอาเศษมุ้งลวดมาปะไว้ วันนี้ก็ยังใช้มุ้งลวดปะอยู่เลย ผ้าม่านก็ไม่เห็นซักให้เลย ฝ้าห้องน้ำรั่วซึมลงมาจากห้องชั้นบนก็ยังรั่วซึมเหมือนเดิม เขาก็ตอบไม่ได้ จากนั้นก็ตัดสายทิ้ง
รู้สึกว่าโดนเอาเปรียบสิ้นดี ไม่ใช่กรณีนี้รายเดียว ที่รู้มาแทบทุกคนที่ย้ายออก ไม่มีใครได้เงินประกันคืนเลย ซึ่งช่องทางของเขาก็คือ เอกสารแผ่นเล็กๆ ที่ให้เด็กเซ็นไว้ โดยเด็กไม่คิดว่าเป็นใบต่อสัญญา คิดแต่ว่าต้องย้ายออกก่อน 45 วัน ถ้าบริสุทธิ์ใจ ทำไมไม่ไปเรียกต่อที่ห้องทำงาน ทั้งๆ ที่ปีก่อนๆ เวลาจะต่อสัญญาต้องไปทำกันที่ห้องทำงาน ซึ่งห้องทำงานอยู่ทางเดินเข้า-ออก ยังไงก็ต้องผ่านทางนั้นอยู่แล้ว
อยากให้ทุกส่วนที่มีสิทธิตรวจสอบเข้ามาดู จัดระเบียบ อย่าเอาเปรียบเด็กๆ เลย พ่อแม่ ผู้ปกครอง ไม่ใช่จะร่ำรวยกันทุกคน อดออมเพื่ออนาคตลูก เงินประกันเป็นหมื่นเขาก็หวังจะได้คืน เป็นค่าขนย้ายก็ยังดี รู้สึกไม่เป็นธรรมเลย
ยุวภารัตน์
ตอบ
นายไพโรจน์ คนึงทรัพย์ ผู้อำนวยการกองคุ้มครองผู้บริโภคด้านสัญญา สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ชี้แจงว่า สำหรับปัญหาเกี่ยวกับสัญญาการเช่าหอพักดังกล่าวสามารถมองได้ 2 ประเด็น คือ
1. เรื่องของการต่อสัญญาเช่าห้อง
2. เรื่องเก็บเพิ่มเงินตอนย้ายออกอีก 1,800 บาท
สำหรับด้านการต่อสัญญาเช่าห้องต่อ จะต้องมีเอกสารที่เป็นใบสัญญาที่ทำขึ้นโดยสมบูรณ์ หากเป็นกระดาษธรรมดาทั่วไปจะไม่ถือเป็นใบต่อสัญญา ทั้งนี้จะต้องดูว่าใบสัญญาที่ทางบุตรของผู้ร้องเรียนเซ็นไว้เป็นใบสัญญาลักษณะใด ทั้งนี้ การต่อสัญญาอยู่ต่อไม่มีความจำเป็นต้องมีจำนวนเวลาเทียบเท่ากับใบสัญญาแรก ผู้เช่าสามารถมีอำนาจในการเลือกจำนวนเวลาที่จะเช่าต่อได้ เช่น ต่อ 3 เดือน 6 เดือน หรือขึ้นอยู่กับผู้เช่าเป็นผู้กำหนด
ด้านการเก็บเงินในตอนย้ายออกจำนวน 1,800 บาทนั้น ทางผู้เช่าไม่มีความจำเป็นจะต้องชำระเงินดังกล่าวแต่อย่างใด ไม่ว่าจะเป็นค่าทาสี ค่าทำความสะอาด เป็นต้น เว้นเพียงแต่ว่า ผู้เช่าได้สร้างความชำรุดเสียหายให้แก่ห้องพักตามสัญญาที่กำหนดไว้
ทั้งนี้ หากในสัญญาไม่ระบุไว้ว่าผู้เช่าจะต้องชำระเงิน 1,800 บาท ทางผู้เช่าสามารถแจ้งเรื่องเข้ามาทางสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคได้ (สคบ.) และทางสคบ.จะดำเนินการเรียกคืนเงินดังกล่าวให้ทันที