
ลุยสวนมะม่วงที่เชียงดาว ส่งออกตปท.โกยเงิน 126 ล้านต่อปี
12 ก.ค. 2558
ท่องโลกเกษตร : ลุยสวนมะม่วง 'ฤทัยรักษ์' ที่เชียงดาว ส่งออกตปท.โกยเงิน 126 ล้านต่อปี : โดย...นิศานาถ กังวาลวงศ์
อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ เดิมมีพื้นที่ปลูกมะม่วงโชคอนันต์และมะม่วงแก้ว อยู่เป็นจำนวนมาก แต่ประสบปัญหาต้นทุนการผลิตที่มีราคาสูงขึ้น แต่ตลาดที่รับซื้อมีน้อยและผลผลิตราคาตกต่ำ เกษตรกรจึงรวมกลุ่มกันเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวด้วยการศึกษาดูงานและหาพันธุ์มะม่วงที่ตลาดมีความต้องการเข้ามาปลูกทดแทนจนประสบความสำเร็จ มีรายได้ปีละนับล้านบาท
ท่องโลกเกษตรอาทิตย์ขึ้นเหนือไปที่ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ไปตะลุยสวนมะม่วงน้ำดอกไม้สีทองของ ประพันธ์ หมูทา เจ้าของสวนมะม่วงฤทัยรักษ์ หนึ่งในเกษตรกรที่เคยประสบปัญหาต้นทุนการผลิตสูงและผลผลิตราคาตกต่ำ โดยในอดีตได้ปลูกมะม่วงพันธุ์โชคอนันต์มาตั้งแต่ปี 2534 แต่ประสบปัญหาด้านราคา และตลาดจำกัดอยู่เฉพาะในประเทศไทยและมาเลเซีย ประกอบกับต้นทุนการผลิตมีราคาแพงขึ้น ผลผลิตขายได้ไม่เต็มที่แต่ค่าแรงเพิ่มมากขึ้น จึงปรึกษากันในกลุ่มเกษตรกรที่ปลูกมะม่วง เพื่อหาผลผลิตตัวใหม่ที่ขายได้ราคาเข้ามาปลูกทดแทน
หลังจากได้เข้าไปศึกษาหาความรู้ รวมทั้งดูงานในพื้นที่ใกล้เคียงที่ประสบความสำเร็จจากการปลูกมะม่วงเพื่อการส่งออก จึงตัดสินใจปลูกมะม่วงพันธุ์น้ำดอกไม้สีทองเมื่อปี 2549 เริ่มด้วยการทยอยเปลี่ยนยอดจากมะม่วงพันธุ์โชคอนันต์ที่มีอยู่เดิม โดยการซื้อยอดมะม่วงน้ำดอกไม้สีทองจากกลุ่มเกษตรกรที่ประสบความสำเร็จในการปลูกมะม่วงเพื่อการส่งออก โดยการเริ่มเปลี่ยนทีละครึ่ง เพื่อให้ยังมีผลผลิตจากสายพันธุ์เดิมออกจำหน่ายเป็นรายได้เลี้ยงครอบครัว
เนื่องจากในช่วงปีแรกที่ทำการเปลี่ยนยอดมาเป็นน้ำดอกไม้สีทองจะยังไม่ให้ผลผลิต หลังจากนั้นเมื่อมะม่วงน้ำดอกไม้สีทองเริ่มทยอยให้ผลผลิตในปีแรก จึงเริ่มเปลี่ยนยอดจากมะม่วงโชคอนันต์เป็นน้ำดอกไม้สีทองทั้งหมด ในช่วงที่ผลผลิตออกมาในปีแรกต้องนำไปฝากขายกับพื้นที่ใกล้เคียงที่เข้าไปศึกษาดูงาน เนื่องจากยังมีผลผลิตน้อย หลังจากนั้นในปี 2555 ผลผลิตเริ่มมีเพิ่มมากขึ้นเกษตรกรในพื้นที่เริ่มหันมาปลูกมะม่วงน้ำดอกไม้สีทองเพิ่มมากขึ้น จึงได้ร่วมกลุ่มกันเพื่อให้พ่อค้าคนกลางเข้ามารับซื้อผลผลิตเอง โดยไม่ต้องนำไปฝากขายกับพื้นที่ใกล้เคียงอีกต่อไป
สำหรับตลาดหลักที่ส่งมะม่วงออกไปจำหน่าย คือ ตลาดญี่ปุ่น เป็นตลาดที่เกษตรกรต่างมุ่งมั่นเพื่อให้ผลผลิตของตัวเองได้เข้าไปจำหน่ายในตลาดดังกล่าว โดยเชื่อว่าหากสามารถส่งผลิตออกไปจำหน่ายที่ญี่ปุ่นได้ถือว่าประสบความสำเร็จในการส่งออก นื่องจากเป็นตลาดที่มีความละเอียด มีการกำหนดมาตรฐานที่เข้มงวดและต้องเป็นสินค้าที่มีความปลอดภัยสูง สวนที่จะสามารถส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่นได้จะต้องปลูกให้ได้ตามมาตรฐานการส่งออก โดยยึดหลักกระบวนการมะม่วงปลอดภัย ส่วนจีนเป็นตลาดรองลงมา นอกจากนั้นยังส่งออกไปยังมาเลเซีย สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย
“การที่จะส่งผลผลิตเข้าไปจำหน่ายที่ญี่ปุ่นได้จะต้องทำมาตรฐานให้ตามที่ญี่ปุ่นกำหนด ทางกรมวิชาการเกษตรได้เข้ามาช่วยในการเรื่องการพัฒนาผลผลิตให้ได้มาตรฐานส่งออกโดยการรับรองระบบการจัดการคุณภาพและการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับพืช (จีเอพี) ผลผลิตร้อยละ 60 ส่งออกไปญี่ปุ่น ร้อยละ 30 ส่งไปเกาหลี จีน สิงคโปร์ มาเลเซีย และร้อยละ 10 จำหน่ายในประเทศ” นายประพันธ์ กล่าว
เจ้าของสวนมะม่วงฤทัยรักษ์เปิดเผยต่อว่า ผลผลิตของสวนเริ่มส่งออกมาตั้งแต่ปี 2552 เบื้องต้นการส่งออกผลผลิตมีไม่มากนัก จึงต้องขนผลผลิตออกไปฝากจำหน่ายยังอำเภอข้างเคียง หลังจากนั้นเมื่อผลผลิตเริ่มเพิ่มมากขึ้นจากการรวมกลุ่มเป็นวิสาหกิจแล้ว มีผลผลิตรวมประมาณ 1,000 ตัน พ่อค้าคนกลางจึงเข้ามารับซื้อผลผลิตในพื้นที่จำหน่ายในราคากิโลกรัมละ 53-55 บาท ทำให้ อ.เชียงดาว มีรายได้จากการจำหน่ายมะม่วงเข้าพื้นที่ไม่ต่ำกว่าปีละ 126 ล้านบาท ในปีนี้ผลผลิตติดลูกน้อย แต่ได้คุณภาพที่ดี ลูกใหญ่ จึงทำให้ผลผลิตไม่แตกต่างจากปีที่ผ่านมามากนัก ทั้งนี้ มะม่วงจะเริ่มออกช่อในเดือนมกราคม และเริ่มเก็บได้ในเดือนพฤษภาคม-มิถุนายนของทุกปี สำหรับผลผลิตต่อไร่ที่สามารถดำเนินการได้เฉลี่ยประมาณ 2,000 กิโลกรัม ถือเป็นรายได้ที่น่าสนใจที่จะลงทุนปลูกมะม่วงเพื่อการส่งออก
ปัจจุบันนี้ทางกลุ่มเกษตรกรเริ่มจะขยายพื้นที่การปลูกมะม่วงจากน้ำดอกไม้สีทอง ซึ่งเป็นมะม่วงรับประทานผลสุก มาเริ่มปลูกมะม่วงที่รับประทานผลดิบ เช่น พันธุ์มันขุนศรี พันธุ์มหาชนก ซึ่งประเทศในแถบอาเซียนให้ความนิยมสั่งซื้อไปเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะที่ทางเวียดนามและสิงคโปร์ รับซื้อทั้งหมดของผลผลิตที่มีอยู่จึงถือเป็นตลาดใหม่ที่น่าสนใจ ทำให้เกษตรกรเริ่มที่จะขยายพื้นที่การปลูกเพื่อทำตลาดส่งออกมะม่วงดิบที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน
หลังจากประสบความสำเร็จในการปลูกมะม่วงเพื่อการส่งออก จึงเข้าไปทำความเข้าใจกับกลุ่มเกษตรกรที่ยังไม่ได้เปลี่ยนมาปลูกมะม่วงที่ได้ราคาสูงกว่าพันธุ์ดั้งเดิมที่ปลูกอยู่ เนื่องจากต้องการส่งเสริมให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้น หากไม่พร้อมที่จะส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ ก็สามารถส่งขายในประเทศ ซึ่งจะได้ราคาดีกว่าพันธุ์ดั้งเดิมที่ปลูกอยู่ เช่น มะม่วงแก้ว ปัจจุบันราคาอยู่ประมาณ 2-3 บาทต่อกิโลกรัมเท่านั้น หากเกษตรกรเปลี่ยนทัศนคติหันมาปลูกมะม่วงที่มีคุณภาพจะสามารถทำราคาได้และมีรายได้จากการจำหน่ายผลผลิตเพิ่มขึ้น
นับเป็นความสำเร็จของสวนมะม่วงฤทัยรักษ์ที่เปลี่ยนจากมะม่วงพันธุ์ดั้งเดิมมาเป็นน้ำดอกไม้สีทอง เพื่อเป้าหมายในด้านราคาที่ดีและมีตลาดรองรับชัดเจน ทั้งยังเป็นสวนตัวอย่างในการศึกษาดูงานของเกษตรกรในพื้นที่และใกล้เคียงอีกด้วย
------------------------
(ท่องโลกเกษตร : ลุยสวนมะม่วง 'ฤทัยรักษ์' ที่เชียงดาว ส่งออกตปท.โกยเงิน 126 ล้านต่อปี : โดย...นิศานาถ กังวาลวงศ์)