
สัมผัสวิถีชาวนารู้คุณค่าข้าวสวนลุงเขียนกับอนุบาลสร้างสรรค์
30 มิ.ย. 2558
สัมผัสวิถีชาวนารู้คุณค่าของข้าวที่สวนลุงเขียนกับอนุบาลสร้างสรรค์
“ข้าวทุกจาน อาหารทุกอย่าง อย่ากินทั้งขว้าง เป็นของมีค่า ชาวนาเหนื่อยยาก ลำบากหนักหนา กว่าจะได้ข้าวมา เปลืองแรงเปลืองทุน ขอบคุณพ่อแม่ ขอบคุณคุณครูปรานีเกื้อหนุนหนูทดแทนพระคุณด้วยการทำดี” เสียงเจื้อยแจ้วท่องบทขอบคุณข้าวของหนูน้อยวัยใสชั้นอนุบาล 1-3 จากโรงเรียนอนุบาลสร้างสรรค์ กรุงเทพฯ กว่า 30 ชีวิต ดังมาจากศาลาโรงนา อาหารเที่ยงมื้อนี้พิเศษกว่ามื้อไหนๆ เพราะวันนี้คุณครูยกโรงอาหารของหนูๆ มาไว้กลางทุ่งนา ภายใน “สวนลุงเขียด” (สวนเกษตรอินทรีย์สุขใจของสามพรานริเวอร์ไซด์) เพื่อมาร่วมสนุกกับกิจกรรม “รู้คุณค่า-สำนึกคุณข้าว” นั่นเอง
นอกจากเป็นมื้อพิเศษสุดแสนประทับใจสำหรับเด็กน้อยแล้ววันนี้พวกเขายังได้ร่วมสนุกกับการเรียนรู้เรื่องคุณค่าของข้าวและที่มาของอาหารอินทรีย์ ผ่านฐานกิจกรรมต่างๆ โดยมีลุงเขียด พี่เจี๊ยบพี่ทราย และพี่ๆ ทีมงานจากโรงแรมสามพรานริเวอร์ไซด์ มาทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงคอยแนะนำให้ข้อมูล และพาไปทำกิจกรรมสนุกๆ กัน เริ่มจากเรียนรู้เรื่องที่มาของอาหารปลอดภัย โดยการทำเกษตรแบบไม่พึ่งพาสารเคมี ดูการเลี้ยงไส้เดือน การทำชีวภัณฑ์ชนิดต่างๆ จากนั้นไปเก็บผัก เก็บไข่ และไฮไลท์ของกิจกรรมวันนี้คือการเรียนรู้วิถีชีวิตชาวนากับลุงเขียด ตั้งแต่ปลูก จนปรุง ซึ่งทุกกิจกรรมทั้งสนุกสนาน ตื่นเต้น และสร้างความประทับใจให้เด็กจดจำ
อรุษ นวราช เลขานุการมูลนิธิสังคมสุขใจ กล่าวว่า นับตั้งแต่เปิดสวนลุงเขียด ซึ่งเป็นสวนเกษตรอินทรีย์ของโรงแรมให้เป็นแหล่งเรียนรู้ ก็มีหน่วยงานต่างๆ ทั้งโรงเรียน มหาวิทยาลัย ภาครัฐ ภาคเอกชน ชาวต่างประเทศขอมาเรียนรู้วิถีชีวิตไทย วิถีการทำเกษตรอินทรีย์เช่นเดียวกันกับกิจกรรม “รู้คุณค่า–สำนึกคุณข้าว” ที่จัดขึ้นตามความประสงค์ของโรงเรียนอนุบาลสร้างสรรค์ ที่อยากให้เด็กๆ ได้เข้ามาสัมผัสวิถีชีวิตชาวนาแบบดั้งเดิม
ได้เรียนรู้ที่มาของข้าวตั้งแต่ขั้นตอนการปลูกจนปรุงเป็นอาหาร และสอดแทรกความรู้เกี่ยวกับที่มาของอาหารอินทรีย์ โดยเน้นให้เขาได้ลงมือปฏิบัติจริงด้วยตัวเอง ซึ่งทางโรงแรมมีนโนบายส่งเสริมเรื่องนี้อยู่แล้ว ก็มีความยินดีที่จะปรับฐานการเรียนรู้ต่างๆ เพื่อให้ภายใน 1 วันที่เขาเข้ามาใช้ชีวิตที่สวนลุงเขียด มีคุณค่ามากที่สุด
“เป็นเรื่องที่ดีมากๆ ที่โรงเรียนอนุบาลสร้างสรรค์อยากปลูกฝังให้นักเรียนรู้ได้เรียนคุณค่าของอาหารรู้ที่มาของข้าว ชี้ให้เห็นถึงความยากลำบากของชาวนาที่กว่าจะได้ข้าวมาแต่ละเม็ด ก็เชื่อว่ากิจกรรมนี้จะทำให้เด็กๆ รู้สำนึกคุณค่าของข้าวและเห็นความสำคัญของการเลือกรับประทานอาหารปลอดภัยด้วยตัวของเขาเอง”
ด้าน ครูปวีณา พลวิทย์ (ครูกบ) ครูใหญ่ของโรงเรียน บอกว่า การที่โรงแรมเปิดพื้นที่ให้แก่เด็กๆ ได้เข้ามาเรียนรู้วิถีชาวนา นับเป็นประสบการณ์ใหม่ที่ล้ำค่าสำหรับเด็กๆ รวมถึงผู้ปกครองและคุณครู เพราะที่นี่มีกิจกรรมหลากหลายให้ได้เรียนรู้และลงมือทำกันจริงๆ โดยเฉพาะการดำนา ซึ่งเด็กๆ จะตื่นเต้นและชอบมากไม่เคยสัมผัสโคลนกันมาก่อน เลยกลายเป็นเรื่องสนุกไม่ยอมขึ้นจากนา
“ลุงเขียด” หรือ อนิรุทธิ์ ขาวสนิท ผู้ทำหน้าที่ดูแลสวนแห่งนี้ และเป็นผู้มีความรู้เรื่องกระบวนการทำนาเป็นอย่างดีบอกว่า การปลูกฝังสำนึกคุณค่าข้าวที่ดีที่สุด ก็คือเปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้ลงมือทำตั้งแต่กระบวนการแรก เรียนรู้เส้นทางที่มาของข้าว ตั้งแต่ขั้นตอนการคัดเลือกเมล็ดพันธุ์การเพาะต้นกล้า การดำนา การเกี่ยวข้าว ฝัดข้าว สีข้าวด้วยเครื่องสีโบราณ จากนั้นเข้าสู่ขั้นตอนการหุงข้าว โดยใช้หม้อดินหุงด้วยเตาถ่านแบบโบราณให้เด็กได้ดูและได้ชิมกันจริงๆ พยายามชี้ให้เด็กๆ เห็นความยากลำบากของชาวนา ที่กว่าจะได้ข้าวมาให้เด็กๆ กินเป็นอาหารเลี้ยงร่างกายจนเติบโต ให้เขารู้สำนึกถึงคุณค่าของข้าวและอาหารที่รับประทานในแต่ละมื้อ
ด้วยประสบการณ์แปลกใหม่ท่ามกลางท้องทุ่งนาเช่นนี้ ทำให้เด็กๆ ตื่นเต้น อยากรู้อยากเห็น อยากทดลองทำ บางคนขอลงดำนาสองรอบสามรอบ บ้างก็ไม่ยอมออกจากเล้าเป็ดบางคนก็ขอสนุกกับการเก็บผัก ลุงเขียด พี่เจี๊ยบ พี่ทราย รวมทั้งคุณครู ผู้ปกครอง ช่วยกันหุงหาอาหาร มีทั้งเมนูไข่เจียว ไข่เจียวมะเขือยาว ผัดผัก ที่เด็กๆ ช่วยกันเก็บ แล้วนั่งล้อมวงรับประทานกันในศาลาโรงนา เด็กๆ ช่วยกันเก็บไข่ เก็บผัก ด้วยสองมือของพวกเขาเอง และปลูกมะลิในกระถางกาบมะพร้าวมอบให้คุณครูเพื่อเป็นการขอบคุณก่อนกลับ
“เห็นแต่คนทำนาในโทรทัศน์ ลุงเขียดบอกว่า กว่าชาวนาจะได้ข้าวมาให้กินยากลำบากนัก เพราะฉะนั้นต้องกินข้าวให้หมดชาม อย่าให้เหลือ และหนูได้เห็นการหุงข้าวกับหม้อดินที่ไม่ต้องใช้ไฟฟ้าแปลกดีสนุกทุกกิจกรรมเลยค่ะ” น้องจันทร์เจ้า หรือ ด.ญ.ศศิธารา สิงห์คำ อายุ 5 ขวบ ชั้นอนุบาล 3 บอกเล่าความสุขที่ได้สัมผัสในวันนี้ให้ฟัง น้องไททั่น หรือ ด.ช.พจวัฒน์ วิริยะนันท์ ชั้นอนุบาล 2 บอกว่า เป็นครั้งแรกที่ได้มาทำกิจกรรมแบบนี้ ตื่นเต้นมาก ได้เก็บผัก ได้เห็นการเลี้ยงไส้เดือนได้ทำนา และมีการสีข้าวด้วยเครื่องสีข้าวแบบโบราณ อยากทดลองทำบ้าง แต่ลุงบอกว่าหนูยังตัวเล็ก อีกอย่างที่หนูชอบได้เข้าไปเก็บไข่เป็ดมาทำไข่เจียว อร่อยมากๆ เลยอยากให้คุณครูพามาอีกครับ
“สังคมในยุคปัจจุบัน พ่อแม่ไม่มีเวลา โรงเรียนเองไม่มีพื้นที่ให้เด็กเรียนรู้การท่องบทขอบคุณข้าวมันไม่เห็นภาพ เด็กจินตนาการไม่ได้ และการที่เขาได้ออกมาสัมผัสของจริงด้วยตัวเองแบบนี้ อย่างน้อยช่วงหนึ่งของชีวิตเขาได้ซึมซับสิ่งดีๆ ซึ่งมันเป็นประสบการณ์ที่สร้างความประทับใจให้เด็กจดจำได้อย่างดี” ครูกบ กล่าว สำหรับโรงเรียนและผู้ปกครองที่ต้องการให้นักเรียนสัมผัสวิถีชีวิตชาวนา เรียนรู้การทำนาปลูกข้าวแบบวิถีดั้งเดิม ชมกิจกรรม“ตะลุยสวนลุงเขียด ดำนาวันแม่ เกี่ยววันพ่อ” ในวันที่ 12 สิงหาคม ดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ www.sampranriverside.com สอบถามโทร.0-3432-2588-93 000