
ร้านเหล้ารอบสถานศึกษาถึงเวลาควบคุมอย่างจริงจัง
ร้านเหล้ารอบสถานศึกษา ถึงเวลาควบคุมอย่างจริงจัง : ภก.สงกรานต์ ภาคโชคดี ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.)
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รอบสถานศึกษา เป็นปัจจัยสำคัญในการดื่มของเยาวชน นิสิต นักศึกษา และส่งผลกระทบสร้างความสูญเสีย อย่างกรณีที่เกิดขึ้นกับนักศึกษาและนักฟุตบอลของมหาวิทยาลัยรังสิต ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตขณะขี่รถจักรยานยนต์พร้อมเพื่อนกลับจากร้านเหล้าใกล้มหาวิทยาลัยในช่วงใกล้สว่าง แม้คดีจะคืบหน้าสามารถจับคนร้ายได้ แต่เหตุการณ์น่าเศร้าลักษณะนี้คาดว่าจะไม่ลดลงและยังคงซ้ำซาก หากไม่มีการออกกฎหมายมาควบคุมอย่างจริงจัง
หากย้อนดูความหนาแน่นสถานที่ตั้งของร้านเหล้าทั้งร้านแบบนั่งดื่ม ร้านอาหาร คาราโอเกะผับ ยังไม่นับรวมร้านที่ซื้อกลับไปดื่ม เช่น ร้านสะดวกซื้อ ร้านขายของชำ ต่างรายล้อมรอบสถานศึกษาไว้เกือบจะครบทุกจุด จึงไม่แปลกที่การเข้าถึงแอลกอฮอล์ของเยาวชนจะเป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกสบาย สะท้อนได้จากข้อมูลงานวิจัย “การกระจายตัวของจุดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รอบมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ และปริมณฑล” ของ ผศ.ดร.ภัทรภร พลพนาธรรม อาจารย์คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ที่ลงพื้นที่สำรวจ ปี 2557 ในรัศมี 500 เมตร จากรั้วสถาบัน จำนวน 15 แห่ง ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มรภ.สวนดุสิต มรภ.สวนสุนันทา มรภ.บ้านสมเด็จเจ้าพระยา มรภ.ธนบุรี มรภ.จันทรเกษม ม.ศรีนครินทรวิโรฒ (ประสานมิตร) ม.หอการค้าไทย มทร.กรุงเทพ ม.รามคำแหง ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ ม.เกษตรศาสตร์ ม.รังสิต ม.ธรรมศาสตร์ (รังสิต) ม.หัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ ม.มหิดล (ศาลายา) และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
พบว่า มีทั้งสิ้น 2,869 ร้าน เมื่อเปรียบเทียบเฉพาะ 11 พื้นที่ที่เคยสำรวจเมื่อปี 2552 พบว่า ในระยะ 5 ปี มีจุดจำหน่ายเพิ่มขึ้น 1,036 ร้าน คือเพิ่มจาก 1,448 ร้าน ในปี 2552 เป็น 2,484 ร้าน ในปี 2557 คิดเป็น 72% หรือ เติบโต 14.4% ต่อปี โดย ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ เป็นพื้นที่ที่มีร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้นมากที่สุด คือ 125% รองลงมาคือ มทร.กรุงเทพ 119% และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง 118%
ทั้งนี้เมื่อโฟกัสไปที่สถานบันเทิงพบว่า ขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 12% ต่อปี ขณะที่ในส่วนของหอพักยังคงพบว่ามีการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสัดส่วน 7% ของจุดจำหน่ายทั้งหมด ซึ่งลักษณะนี้มีความผิดตามกฎหมายชัดเจน และแต่ละร้านก็โหมโฆษณาลดแลกแจกแถม โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย เพื่อจูงใจบรรดานิสิตนักศึกษา ด้วยโปรโมชั่นลด แลก แจก แถมกันเต็มที่ อาทิ “สาวๆ 4 คนมาก่อน 3 ทุ่ม รับเหล้าฟรีหนึ่งขวด” “วันเกิดรับเหล้าฟรี” เป็นต้น มิหนำซ้ำยังมีการแอบแจกใบปลิวเชิญชวนกันถึงหอพัก ยันหน้าประตูมหาวิทยาลัยเลยทีเดียว
สอดคล้องกับข้อมูลที่เครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ลงพื้นที่สำรวจความคิดเห็นนักศึกษาที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ส่วนใหญ่ให้เหตุผลว่า เพราะเข้าถึงง่าย ร้านเหล้าอยู่ใกล้หอพักและใกล้สถานศึกษา จึงไม่แปลกที่นักดื่มหน้าใหม่แต่ละปีมีเพิ่มขึ้นถึง 2.5 แสนคน ในขณะที่ทุกๆ ปีจะมีเด็กและเยาวชนมากกว่า 5 หมื่นคน ที่ต้องคดีเข้าสู่สถานพินิจฯ ซึ่งงานวิจัยพบว่า ผู้ก่อเหตุกว่า 40% ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระหว่างก่อเหตุและไม่เกิน 5 ชั่วโมงหลังจากดื่ม
น.ส.เบญจพร บัวสำลี อาจารย์คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ และสวัสดิการสังคม มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ ได้วิเคราะห์ถึงกลยุทธ์ของธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไว้อย่างน่าสนใจว่า สภาพปัญหาที่เห็นได้ชัดของร้านเหล้ารอบรั้วมหาวิทยาลัย คือ การปล่อยปละละเลย ไม่ควบคุมดูแล ส่งผลต่อทัศนคติกระตุ้นพฤติกรรมของนักศึกษาให้เข้าใช้บริการเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้กลยุทธ์ที่ร้านเหล้านิยมนำมาใช้คือ โฆษณาป้าย จัดโปรโมชั่น ลดแลกแจกแถม สร้างกลุ่มตามสื่อโซเชียล เฟซบุ๊ก ไลน์ ดึงดูดนักศึกษาให้ช่วยแชร์ช่วยบอกต่อโดยไม่เสียค่าโฆษณา การสร้างเครือข่ายเพื่อนบอกเพื่อน รุ่นพี่บอกรุ่นน้อง ใช้กลยุทธ์สร้างพนักงานขายนุ่งน้อยห่มน้อย เพื่อมาเอนเตอร์เทนลูกค้า และที่เป็นปัญหาใหญ่ คือ ดึงศิลปินดารานักร้องมาแสดงหรือจัดคอนเสิร์ตในร้าน ลงทุนครั้งเดียวได้สองต่อ ที่น่าห่วงไปกว่านั้น ธุรกิจเหล่านี้จะพยายามสร้างนักศึกษา หรือ คนในชุมชนให้เป็นภาคี เพื่อเป็นเกราะป้องกันหากร้านเกิดปัญหา
“จากการลงพื้นที่สอบถามเจ้าของธุรกิจร้านเหล้า เขายอมรับว่า เน้นลูกค้าให้ได้จำนวนมากเป็นหลัก ทำทุกทางให้ลูกค้ารู้จักร้าน ส่วนผลกำไรจะตามมาเอง ดังนั้น จึงไม่แปลกที่ร้านเหล้ากลายเป็นช่องทางเพิ่มนักดื่มหน้าใหม่ มีวิธีเอาเปรียบสังคมใช้กลยุทธ์ต่างๆ หรือทำผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ในส่วนมหาวิทยาลัยหัวเฉียวฯ ที่บังคับใช้กฎระเบียบและประสบความสำเร็จ คือ ออกคำสั่งห้ามนักศึกษาเข้าไปมั่วสุมในสถานบันเทิงหรือแหล่งอบายมุขรอบสถานศึกษา โดยจะมีการตัดคะแนนความประพฤติ หรือผิดร้ายแรงถึงขั้นพักการเรียน เรามีทีมคณะกรรมการป้องปรามอบายมุขในสถาบัน โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สรรพสามิต ท้องถิ่นเป็นภาคี เมื่อไม่มีลูกค้าร้านเหล้าก็อยู่ไม่ได้ ต้องปิดตัวไปแล้วกว่า 10 ร้าน” น.ส.เบญจพร กล่าว
ด้าน ดร.นพพล วิทย์วรพงศ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยปัญหาสุรา คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อธิบายว่า การดื่มสุราของเยาวชนก่อให้เกิดผลกระทบ แยกเป็น 1.ปัญหาที่เกิดขึ้นกับตนเอง ได้แก่ ผลการเรียนตกต่ำ 2.ปัญหาที่เกิดกับคนรอบข้าง คือ ทะเลาะกับคู่รัก มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ตั้งใจ และทะเลาะวิวาท 3.ปัญหาที่เกิดกับสังคม คือ เมาแล้วขับรถทำให้เกิดอุบัติเหตุ 4.ปัญหาด้านสุขภาพ ความสัมพันธ์ในครอบครัว และการกระทำผิดกฎหมาย ซึ่งอาจก่อให้เกิดความพิการหรืออันตรายถึงแก่ชีวิต รวมทั้งสูญเสียทางเศรษฐกิจเป็นจำนวนมาก
“การบังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่และออกกฎหมายใหม่ที่ส่งเสริมและตอบเจตนารมณ์ของกฎหมายเดิม ถือเป็นสิ่งจำเป็น โดยจะช่วยลดปัญหาการดื่มของเยาวชนได้ คือการไม่อนุญาตให้ร้านค้ารอบสถานศึกษาขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เริ่มจากรัศมีในระดับมหาวิทยาลัยก่อน และค่อยขยายสู่สถานศึกษาระดับอื่น ทั้งนี้ การตีวงรัศมีการควบคุมให้กว้างย่อมดีกว่ารัศมีที่แคบ มีหลักฐานทางวิชาการทั้งในและต่างประเทศที่ชี้ว่า สถานที่ตั้งและจำนวนร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เยาวชนดื่ม ในประเทศไทย พบว่าหากใช้เวลาในการเดินทางจากที่พักไปร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้น 1 นาที ความน่าจะเป็นในการดื่มจะลดลงราวร้อยละ 2 อย่างไรก็ตามหากพิจารณาผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เช่น ธุรกิจและห้างร้าน ก็ควรอนุญาตให้ร้านค้ามีระยะเวลาเปลี่ยนผ่านไปประกอบธุรกิจอย่างอื่น ที่จะเป็นการลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นลงได้” ดร.นพพล กล่าว
อย่างไรก็ดี การสะท้อนปัญหาต่างๆ ของทุกฝ่าย ทั้งผู้บริหารแต่ละสถาบัน นักเรียน นักศึกษา นักวิชาการ ชาวบ้าน ภาคประชาชน โดยล่าสุดเครือข่ายเยาวชนฯ ได้เข้าพบ ศ.ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ เพื่อนำเสนอข้อมูลปัญหา พร้อมทั้งติดตามความคืบหน้าการออกประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในรัศมี 500 เมตร รอบมหาวิทยาลัย อาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 มาตรา 27 โดยรอมาตรการนี้มานานกว่า 7 ปี
จากนั้นเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน ที่ประชุมคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งมี นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุข เป็นประธาน มีมติเห็นชอบให้ออกประกาศห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใกล้สถานศึกษาระดับอุดมศึกษาและอาชีวศึกษาในระยะ 300 เมตร ตลอด 24 ชั่วโมง แต่มี 2 ข้อยกเว้น ได้แก่ 1 โรงแรม
คงต้องจับตาดูว่า ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองจะเห็นความสำคัญ กล้าปกป้องลูกหลาน ลดปัญหาผลกระทบสู่การจัดระเบียบโซนนิ่งร้านเหล้ารอบสถานศึกษาได้หรือไม่ !!!