
ปั้นกระดาษให้เป็นอาร์ต ฟอร์ เดอะ คิง
18 มิ.ย. 2558
ศิลปวัฒนธรรม : ปั้นกระดาษให้เป็น อาร์ต ฟอร์ เดอะ คิง
ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจให้เยาวชนรุ่นใหม่ได้แสดงออกถึงความจงรักภักดีที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยใช้ผลงานศิลปะเป็นสื่อกลางและสอดแทรกคำสอน ขณะเดียวกันก็ช่วยตั้งเตือนใจเป็นศิลป์อนุสรณ์เทิดพระเกียรติ อีกทั้งส่งต่อแรงบันดาลใจไปให้ชาวไทยทุกคน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยร่วมกับ เอ็มไทย และเซ็นทรัลเวิลด์ ร่วมกันสานต่อโครงการ “อาร์ต ฟอร์ เดอะ คิง ปี3” โดยเปิดเวทีให้เยาวศิลปินสร้างสรรค์ผลงานประติมากรรมจากกระดาษหรือ เปเปอร์ มาเช่ แบบ 3 มิติ เข้าประกวดภายใต้หัวข้อ “ข้อความจากใจถึงในหลวง” และแน่นอนว่ากิจกรรมครั้งนี้ได้รับความสนใจจากหนุ่มสาวหัวใจศิลป์จาก 60 สถาบันการศึกษาจากทั่วประเทศส่งงานเข้าประกวด ซึ่งคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากสาขาต่างๆ ได้แก่ ดร.สิงห์ อินทรชูโต, วศินบุรี สุพานิชวรภาชน์, กิตติรัตน์ ปิติพานิช, วุฒิกร คงคา และ ทวีศักดิ์ ศรีทองดี ร่วมกันคัดกรองผลงานจนเหลือเพียง 15 ชิ้นจาก 12 สถาบัน
ภายในงานที่บริเวณลิฟต์แก้ว ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ นอกจากจะนำผลงานประติมากรรมกระดาษ 3 มิติ ทั้ง 15 ชิ้นมาจัดแสดงแล้วยังประกาศผลผู้ชนะเลิศ 9 รางวัล โดย รางวัลประติมากรรมยอดเยี่ยม ผลงานชื่อ “Little Hope” จากทีม One On Try ม.ศิลปากร รางวัลประติมากรรมดีเด่นอันดับที่ 1 ผลงานชื่อ “เรารักในหลวง” จากทีมบ้านนา ม.เทคโนโลยีรัตนโกสินทร์ วิทยาเขตเพาะช่าง รางวัลประติมากรรมดีเด่นอันดับที่ 2 ผลงานชื่อ “ตามรอยต่อ” ทีม Su Team ม.ศิลปากร รางวัลประติมากรรมสร้างสรรค์ จำนวน 6 รางวัล เป็นของ ทีมลูกศิษย์ อ.ชัยวัฒน์ ม.เทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ, ทีมเด็กใต้หัวใจศิลป์ ม.สงขลานครินทร์, ทีมรากไทย โรงเรียนสุโขทัยวิทยาคม, ทีมThe Elephant Number Nine ม.เทคโนโลยีรัตนโกสินทร์ วิทยาเขตเพาะช่าง, ทีม สถ.มน. ม.นเรศวร และ ทีมดินเหนียว ม.นเรศวร รางวัลชมเชย 6 รางวัล ได้แก่ ทีมยากแก้อักเสบ ม.ราชภัฏจันทรเกษม, ทีมจิตรกรรมรากหญ้า ม.ราชภัฏสวนสุนันทา, ทีม ID ANT ม.ราชภัฏอุดรธานี, ทีมเสลา 7 ม.นเรศวร, ทีมด้วยใจรัก ม.เชียงใหม่ และทีมVIVID โรงเรียนตะโหมด จ.พัทลุง
ทั้งนี้ นพดล ภาคพรต ผู้อำนวยการฝ่ยกิจกรรม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เผยถึงวัตถุประสงค์ของการจัดกิจกรรมดังกล่าวว่า ต้องการส่งเสริมและสนับสนุนให้เยาวชนได้ค้นคว้า เรื่องราวเกี่ยวกับพระราชจริยวัตรและพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้มากขึ้น และนำมาต่อยอดสร้างสรรค์เป็นงานศิลปะผ่านเปเปอร์มาร์เช่เพื่อแสดงถึงความจงรักภักดีรักในแบบของตัวเองและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วยในอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งในด้านการท่องเที่ยวถือว่าเป็นการสร้างสรรค์สิ่งดึงดูดความสนใจใหม่ๆ ให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศที่สนใจงานศิลป์ ขณะเดียวกันยังช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับพื้นที่เที่ยวอันจะช่วยดึงดูดให้มีผู้ไปเยี่ยมชมงานศิลป์ภายในประเทศเพิ่มขึ้น และอีกทั้งยังเป็นการช่วยปลูกฝังเยาวชนรุ่นใหม่ในการสร้างสรรค์งานประติมากรรมที่มีคุณค่าให้กับพื้นที่ท่องเที่ยวต่อไปในอนาคต
สำหรับเกณฑ์การตัดสินซึ่งประกอบด้วย 2 ข้อใหญ่ ได้แก่ วิธีคิด (Inspiration) แนวคิดในการสร้างสรรค์ผลงานและกระบวนการผลิต (Practical Process) คือ วิธีการออกแบบชิ้นงานที่วิธีการสร้างงานประติมากรรมที่สร้างสรรค์ไม่เหมือนใคร มีความสวยงาม ความประณีต ความสมบูรณ์ของชิ้นงาน และในฐานะกรรมการตัดสิน “อ.ติ้ว” วศินบุรี สุพานิชวรภาชน์ เผยว่า ตัดสินมาเป็นครั้งที่ 3 รู้สึกว่าน่าตื่นเต้นมาก เพราะหัวข้อแต่ครั้งค่อนข้างเหมือนเดิม คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่ทุกๆ ปีมีการตีโจทย์ที่แตกต่างกันออกไป ทำให้เห็นว่าถึงจะเป็นหัวข้อเดียวกันแต่น้องๆ ในแต่ละรุ่นแต่ละสมัยสามารถนำไอเดียมาสร้างสรรค์ให้เป็นรูปแบบของตัวเองได้ สำหรับในเรื่องเทคนิค ทักษะฝีมือ หรือจินตนาการ ซึ่งเน้นในเรื่องเปเปอร์มาร์เช่ เด็กสมัยนี้มีความหลากหลายมากขึ้นเก่งมากๆ มีการตีโจทย์ในรูปแบบและมุมมองใหม่ๆ หากเทียบกับตัวเองซึ่งเติบโตมาในช่วงที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงงานต่างๆ หนักมาก เราสามารถนำสิ่งเหล่านั้นมาสร้างสรรค์ได้ง่าย แต่เด็กรุ่นหลังอาจจะไม่เคยเห็นถ้าไม่ได้ค้นคว้า หาความรู้จากหนังสือก็ดีหรือจากสื่อต่างๆ ก็ดี แล้วจึงดึงความน่าสนใจจากความรู้เหล่านั้นให้กลายเป็นผลงานที่โดดเด่นขึ้นมา จึงอยากจะบอกน้องๆ ว่าถ้ามีโครงการดีๆ อย่างนี้อีก อยากให้มาร่วม จริงๆ แล้วผลของงานอาจไม่ต้องเน้นรางวัล แต่การได้ถ่ายทอดมุมมองความคิดโดยนำเอาสิ่งต่างๆ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ทรงทำ มันจะเป็นแรงบันดาลใจและขับเคลื่อนการใช้ชีวิตของน้องๆ ต่อไปในอนาคตได้ จุดนี้ตัวเองมองว่าเป็นสิ่งสำคัญมากกว่าผลแพ้ชนะ ถือเป็นโอกาสที่ดีมากๆ ที่อยากให้เด็กรุ่นใหม่ได้ลงมือทำ
อีกหนึ่งศิลปิน “โลเล” ทวีศักดิ์ ศรีทองดี ซึ่งนอกจากนำผลงานประติมากรรมยักษ์ขนาด 3 เมตร ชื่อ “เดอะ เยลโล่ ซี้ด” มาให้ผู้ร่วมงานได้เขียนข้อความจากใจถึงในหลวงแล้ว เขายังทำหน้าที่คณะกรรมการตัดสินผลงานของน้องๆ ด้วย โดยเจ้าตัวให้ความเห็นว่า คะแนนที่ให้นั้นดูจากผลงานที่เคลียร์มีเป้าหมายชัดเจนว่าตัวเองต้องการนำเสนออะไร ใช้เทคนิคทางศิลปะมาใช้อย่างง่าย แต่ที่ดููจากชิ้นงานทุกคนพยายามจะตีความจากโจทย์และสร้างเป็นชิ้นงานขึ้นมา บางคนสำเร็จ บางคนอาจหลงไปกับการสรรหาเทคนิคต่างๆ จึงอยากฝากบอกน้องๆ ว่าถ้าเราคิดงานอยากให้คิดจนหมดจด เพราะเวลาสร้างงานมันอาจจะดูง่ายที่สุดแต่สื่อความหมายได้ชัดที่สุดไม่ต้องคิดอะไรให้ซับซ้อน ไม่อยากให้น้องๆ หลงกับเทคนิคกระบวนการมากนัก พยายามศึกษาให้เยอะเวลาทำงานแล้วให้คิดถึงผลสุดท้ายมากกว่าการสื่อความหมาย