ตะลุย 'เวียดนาม' ดูอาชีพทำนาในน้ำ | คมชัดลึก

 

                     ย่างหน้าฝนช่วงนี้หลายพื้นที่เริ่มเข้าสู่ฤดูทำนา ในขณะเวียดนามเพิ่งเข้าสู่ฤดูกาลเก็บเกี่ยว โดยเฉพาะในแถบพื้นที่ราบลุ่มแม่น้ำแดงทางตอนใต้ของกรุงฮานอย เมืองหลวงของประเทศเวียดนาม จะสังเกตเห็นรวงข้าวสุกเหลืองอร่ามอยู่เต็มท้องทุ่ง สลับพื้นที่เริ่มทำนาเป็นระยะๆ ระหว่างนั่งรถไปยัง จ.นิงห์บิงห์ อยู่ห่างจากกรุงฮานอยไปทางตอนใต้ประมาณ 100 กิโลเมตร

 

                     “ท่องโลกเกษตร” อาทิตย์นี้หลบร้อนเมืองไทยตาม "ดรีม เดสติเนชั่นทัวร์” (0-2245-4526-8) ร่วมกับสายการบินเวียดนามแอร์ไลน์ ไปสัมผัสวิถีเกษตรของประเทศเวียดนาม ที่ได้รับการกล่าวขานว่ากำลังมาแรงแซงประเทศไทยไปแล้วโดยเฉพาะพืชเศรษฐกิจที่สำคัญอย่าง "ข้าว” ที่ช่วงนี้เข้าสู่ฤดูการเก็บเกี่ยวพอดี บริเวณพื้นที่ราบลุ่มปากแม่น้ำแดง ถือเป็นแหล่งปลูกข้าวที่สำคัญของเวียดนาม  

 

                     “ที่เวียดนามทำนาปีละ 4 ครั้ง ปลูกข้าวอายุสั้นมีรอบการผลิตประมาณ3 เดือน ในแต่ละพื้นที่จะปลูกไม่พร้อมกัน อย่างที่ จ.นิงห์บิงห์ ช่วงนี้เริ่มเข้าสู่ฤดูเก็บเกี่ยว พอเก็บเกี่ยวเสร็จก็จะลงมือปลูกต่อเนื่องเลย ไม่มีหยุด”

 

                     ยุทธ ไกด์เวียดนามที่พูดไทยได้ชัดแจ๋วให้ข้อมูลระหว่างเดินทางจากกรุงฮานอยสู่ จ.นิงห์บิงห์ โดยใช้เวลาเดินทางประมาณเกือบสองชั่วโมง ซึ่งเขาบอกว่าการเดินทางในปัจจุบันเร็วกว่าเมื่อก่อนมาก แม้ว่าตามกฎหมายของเวียดนามจะกำหนดให้รถยนต์ใช้ความเร็วไม่เกิน 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เนื่องจากการเดินทางระหว่างเมืองของเวียดนามปัจจุบันค่อนข้างสะดวกรวดเร็ว เนื่องจากรัฐบาลเวียดนามมีนโนบายก่อสร้างทางด่วนระหว่างเมืองเกือบเสร็จทั้งหมดแล้วและจะแล้วเสร็จเรียบร้อยภายในสิ้นปีนี้เพื่อต้อนรับการเข้าสู่เออีซี 

 

                     หลังเพลิดเพลินกับธรรมชาติสองข้างทางไปยัง จ.นิงห์บิงห์ที่เต็มไปด้วยนาข้าวที่ยังคงไว้วิถีการเกษตรแบบดั้งเดิม โดยสังเกตได้จากการใช้ควายไถนาและมีการทำนาดำในพื้นที่ปลูกใหม่ ขณะพื้นที่ข้าวสุกพร้อมเก็บเกี่ยวนั้นจะใช้คนแทนเครื่องจักร ระหว่างนี้ไกด์คนเดิมยังให้ข้อมูลว่าเวียดนามเริ่มให้ความสำคัญกับการปลูกข้าวเพื่อการส่งออกเมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง เมื่อก่อนจะปลูกเพื่อบริโภคในครัวเรือนเท่านั้น

 

                     เผลอแป๊บเดียวก็ถึงที่หมายคืออ่าวฮาลองบนแผ่นดิน หรือตามก๊ก ในภาษาเวียดนามหมายถึงถ้ำสามถ้ำ ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองนิงห์บิงห์ไปทางทิศใต้ประมาณ 7 กิโลเมตร จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าซอยแคบๆ ประมาณ 1 กิโลเมตรระหว่างทางจะสังเกตบ้านเกือบทุกหลังมีลานปูนไว้บริเวณบ้านสำหรับตากข้าวหลังเก็บเกี่ยว ซึ่งประชากรใน จ.นิงห์บิงห์ ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมโดยการทำนาเป็นอาชีพหลัก

 

                     ไม่เพียงเท่านั้นลานจอดรถบริเวณท่าเรือก็ถูกดัดแปลงเป็นลานตากข้าวของชาวบ้านไปโดยปริยาย เนื่องจากช่วงนี้เป็นฤดูเก็บเกี่ยว โดยเมล็ดข้าวที่้นำมาตากส่วนใหญ่นำมาจากผืนนาของชาวบ้านที่ปลูกในแม่น้ำฮาลอง หลังทุกคนมาพร้อมกันที่ท่าเรือเพื่อล่องชมความงามทางธรรมชาติของทั้งสองฝั่งแม่น้ำโดยมีไฮไลท์สำคัญคือการปลูกข้าวในน้ำที่ขณะนี้อยู่ในระหว่างการเก็บเกี่ยวพอดี

 

                     “เวียดนามมีพื้นที่ราบน้อย ดังนั้นทุกตารางนิ้วจึงต้องนำมาใช้ประโยชน์อย่างสูงสุด อย่างที่นี่ในน้ำก็ยังมีการปลูกข้าวกัน” ไกด์หนุ่มฉายภาพให้เห็นก่อนนำไปสัมผัสความอลังการของผืนนาข้าวที่ปลูกในน้ำตลอดเส้นทางระหว่างล่องเรือชมความงามที่ฮาลองบก

 

                     ไกด์คนเดิมยังย้อนประวัติของ จ.นิงห์บิงห์ ว่าเป็นเมืองเก่าแก่ที่มีความโดดเด่นทางธรรมชาติ มีพื้นที่ชุ่มน้ำในอาณาเขตอันไพศาลจนถูกขนานนามว่า อ่าวฮาลองบนแผ่นดิน หรือฮาลองบก เป็นเมืองที่มีภูมิทัศน์แปลกตา ทั้งเทือกเขา เนินเขาหินปูน ที่ราบต่ำ และนาข้าวล้อมรอบด้วยยอดเขา 99 ยอด 

 

                     ระหว่างล่องเรือไปตามลำน้ำจะสังเกตเห็นผืนนาข้าวทั้งสองฝั่งที่สุกเหลืองอร่าม โดยมีชาวบ้านกำลังเก็บเกี่ยวโดยใช้เคียวตัดทั้งกอเสร็จแล้วก็ใส่ในลำเรือล่องมาขึ้นบนฝั่งจากนั้นก็นำมาสีด้วยเครื่องจักรเพื่อแยกเมล็ดข้าวออกจากกอ

 

                     ส่วนแปลงที่เก็บเกี่ยวเสร็จแล้วคงเหลือไว้แต่ตอซัง ก็จะมีตาข่ายกั้นคอกไว้สำหรับเลี้ยงเป็ด ซึ่งมีให้เห็นอยู่เป็นระยะๆ ของทั้งสองฝั่งแม่น้ำตลอดการเดินทาง ไกด์ยุทธบอกว่าชาวบ้านจะปลูกข้าวได้เฉพาะหน้าแล้งเท่านั้น ส่วนในฤดูน้ำหลากจะปลูกไม่ได้ ทำให้ต้องรีบเก็บเกี่ยวก่อนฤดูฝนจะมาเยือนในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

 

                     “มาช่วงนี้ถือว่าโชคดีได้เห็นข้าวที่สุกเหลืองอร่ามไปตลอดการล่องเรือของทั้งสองฝั่งแม่น้ำแล้วก็ได้เห็นวิถีเกษตรของชาวบ้านในทุกมุม เห็นภาพที่สวยงามมาก ถ้ามาช่วงอื่นจะได้เห็นแค่ต้นข้าวเขียวๆ แค่นั้นเอง” ไกด์คนเดิมเผยพร้อมเชิญชวนให้มาเยี่ยมเยือนอีกหากมีโอกาส

 

                     ฮาลองบก ใน จ.นิงห์บิงห์ นอกจากเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันเลื่องชื่อยังคงเป็นเมืองอู่ข้าวที่สำคัญของประเทศเวียดนามที่หลงเหลือความเป็นวิถีเกษตรกรรมดั้งเดิมที่รอวันผู้มาเยือนได้สัมผัส

 

 

 

 

 

-------------------

 

(ท่องโลกเกษตร : ตะลุย 'เวียดนาม' ดูอาชีพทำนาในน้ำ ล่องเรือสัมผัสวิถีชาวนาที่ 'ฮาลองบก' : โดย...สุรัตน์ อัตตะ)