ไลฟ์สไตล์

ชวนเที่ยว : นกเงือก รัก(ษ์)ในป่าใหญ่

ชวนเที่ยว : นกเงือก รัก(ษ์)ในป่าใหญ่

10 พ.ค. 2558

ชวนเที่ยว : นกเงือก รัก(ษ์)ในป่าใหญ่ : ภาพ / เรื่อง ... นพพร วิจิตร์วงษ์

 
                       ละคร หรือบทภาพยนตร์ ส่วนใหญ่มักเขียนให้คู่รักเป็นคน แต่สำหรับธรรมชาติ และป่าใหญ่แล้ว คู่รักอาจจะไม่ใช่เรื่องของคนอีกต่อไป 
 
                       ใครๆ ก็ยกให้ “นกเงือก” เป็นตัวแทนของรักนิรันดร์ เพราะเป็นนกที่ใช้ชีวิตคู่แบบผัวเดียวเมียเดียว และในยามตัวเมียกกไข่ ตัวผู้ก็จะเพียรหาอาหารอาหารมาป้อนตัวเมีย ซึ่งส่งต่อให้ลูกน้อยอีกต่อ โดยไม่ทอดทิ้งไปไหน เว้นแต่จะล้มหายตายจากด้วยเหตุระหว่างทาง แน่นอนว่าอีก 2 ชีวิตในโพรงไม้ก็คงอดอาหารตายตามกันไป
 
                       จึงไม่ใช่เรื่องยากที่นกเงือกจะเป็นพระเอก และนางเอกของเรื่องราวแห่งป่าใหญ่ ที่มีบทบาทในการรักษาระบบนิเวศน์ฉบับนกๆ แต่ได้ผลกว่าสิ่งใด ทั้งการเป็นนักปลูกป่า การเป็นผู้ล่า การเกี้ยวพาราสี จบลงที่การแต่งงาน มีลูกมีเต้า สืบสายพันธุ์ต่อไป
 
                       นกเงือก (Hornbills) เป็นนกที่มีอายุยืนยาว สืบเชื้อสายมาตั้งแต่เมื่อราว 50 ล้านปีมาแล้ว คือนกเงือก Ground Hornbills ในแอฟริกา ส่วนนกเงือกเอเชียก็ไม่น้อยหน้า โดยนกเงือกหัวหงอกเกิดมาเมื่อ 47 ล้านปี อีกชนิดหนึ่งที่อายุอานามไม่ใช่น้อย คือนกชนหิน และเพราะมีการพบฟอสซิลเมล็ดพืชที่เป็นอาหารของนกเงือกที่สุมาตรา ถึงรู้ว่ามีการกระจายของนกเงือกในแถบนี้
 
                       ป่าเมืองไทยยังมีนกเงือกอาศัยอยู่หลากหลายสายพันธุ์ เยอะที่สุดก็คือที่อุทยานแห่งชาติบูโด-สุไหงปาดี ที่พบถึง 13 ชนิด แต่รวมๆ แล้ว จากการเฝ้าติดตาม ศึกษาวิจัยของ “มูลนิธิศึกษาวิจัยนกเงือก” ภายใต้การนำของ ศ.ดร.พิไล พูลสวัสดิ์ (สังกัดภาควิชาจุลชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล) พบว่า ประเทศไทยโดยเฉพาะในผืนป่าตะวันตก ห้วยขาแข้ง มาถึงเขาใหญ่ และที่บูโด สุไหงปาดี รวมๆ แล้ว มีร่วม 3,000 ตัว 
 
                       และก็เป็นโอกาสพิเศษของฉัน ที่ได้ตามคณะวิจัยของ อ.พิไล หรือที่ใครๆ เรียก อ.แมว  ผู้ซึ่งได้ฉายา “มารดาแห่งนกเงือก” เข้าไปดูรังรักของนกเงือก ในป่าเขาใหญ่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ภายใต้การสนับสนุนของผลิตภัณฑ์เครื่องต่างกายฮอนบิลล์ (Hornbill) บริษัทไอซีซี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด(มหาชน)  ซึ่งผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งกายฮอนบิลล์นี่เอง ที่เข้ามาร่วมสนับสนุนการทำงานของคณะวิจัยมูลนิธิศึกาวิจัยนกเงือก และกำหนดให้วันที่ 13 กุมภาพันธ์ของทุกปี เป็น “วันรักนกเงือก” มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2544
 
                       การเข้าไปดูรังรักของนกเงือก ต้องทำตัวกลมกลืน เงียบ และอดทนเฝ้ารอดู ผู้ที่เข้าไป จะแบ่งเป็นกลุ่มเล็กๆ  ตามคนนำเข้าซุ่มตามจุดใกล้รัง ฉันเดินตาม "พี่อ๊อด" พิทยา ช่วยเหลือ พนุ่มพังงาที่เริ่มเข้ามาร่วมทำงานกับ อ.พิไล ตั้งแต่ปี 2533 แต่ทำเต็มตัวชนิดนี้ไม่ต้องปลีกเวลาไปไหนก็ปี 2535 
 
                       “มาทำเพราะชอบ เพราะรัก มีความสุขที่จะทำ แม้จะไม่ได้มีรายได้มากมาย แถมยังมีภาระ มีครอบครัวที่เราต้องดูแล” คำตอบสั้นๆ แต่มากความหมายของการอุทิศตัวให้กับการอนุรักษ์นกเงือก ซึ่งก็หมายถึงการทำให้ธรรมชาติของเราสมบูรณ์
 
                       เขาใหญ่ ได้ชื่อเป็นแหล่งรวมความอุดมสมบูรณ์ของภาคอีสานตอนล่าง เป็นผืนป่ามรดกโลกที่เชื่อมต่อกับป่าตะวันออกเป็นผืนใหญ่ และที่นี่เป็นหนึ่งในพื้นที่วิจัยนกเงือกที่สำคัญ ที่นี่มีนกเงือก 4 ชนิด คือนกกกหรือกาฮัง, นกเงือกกรามช้าง, นกเงือกสีน้ำตาลคอขาว และนกแก็ก เรียกว่ามีทั้งไซส์ขนาดใหญ่และขนาดเล็ก แต่ถ้าเป็นพวกนกรุ่นดึกดำบรรพ์อย่างนกเงือกหัวหงอก และนกชนหินก็ต้องไปหาดูแถวบูโด-สุไหงปาดี 
 
                       พี่อ๊อด เดินนำเข้าชายป่าไปเรื่อยๆ ไม้ใหญ่เริ่มปรากฏให้เห็น จนอดทึ่งไม่ได้ แต่ที่ไม่อยากทึ่งและไม่อยากเจอก็คือพวกพี่ใหญ่แห่งผืนป่า หรือช้างนั่นล่ะ เป็นไปได้ วันนี้ไม่ต้องมาเจอกันนะ 
 
                       ผ่านไป 2-3 หอบ พี่อ๊อดก็ส่งสัญญาณให้หยุด เพราะได้ยินเสียงลูกนกร้อง เป็นไปได้ว่าอาจจะกำลังมีการป้อนอาหารกันอยู่ สักพักก็พาก้มต่ำมุ่งหากำบัง เป็นบังไพรที่สร้างขึ้นสำหรับใช้เฝ้าดูพฤติกรรมนกเงือก 
 
                       การเข้ามาแบบนี้ต้องระมัดระวังอย่างมาก เพราะหากผิดแผน อาจจะทำให้พ่อนกระแวงไม่ยอมเข้ามาป้อนอาหารอีกเลย ผลกระทบที่มากกว่านั้น มันหมายถึงอีก 2 ชีวิตที่ปิดขังตัวเองอยู่ในโพรง คือแม่และลูกจะต้องอดอาหารตามไปด้วย 
 
                       ภาพของนกเงือกคาบงูเขียวมาป้อนปากโพรง ที่ อ.พิไลให้ดู ยังติดตา อยากจะเห็นของจริงบ้าง แต่ทันทีที่เข้าไปในบังไพร พี่อ๊อดรีบชี้ให้ดูบอกว่า เป็น นกเงือกกรามช้าง หรือที่นักดูนกเรียกกันติดปากว่า นกกู๋กี๋ กำลังป้อนอาหารอยู่  .... ตื่นเต้นซิดิฉัน แต่มองหาไม่เจอ (ฮา)
 
                       และไม่นาน ก็จากไป .... พวกเราถึงได้มาส่อง มาเล็งหาปากโพรงกันใหม่ แล้วก็เลยได้รู้ว่า จุดที่เราเข้ามานี่ มีรังนกเงือก 2 แห่ง เป็นของนกเงือกกรามช้างที่เพิ่งผละไป กับอีกรังเป็นของนกกกหรือกาฮัง ที่ยังไม่เผยโฉม  แต่เหมือนมันจะรู้ว่าเราเฝ้าดู จึงส่งเสียงทักทายออกมา ทำนองไม่ต้องสงสัย ฉันอยู่แถวนี้
 
                       ครู่ใหญ่ ก็ได้ยินเสียงกระพือปีก แต่พี่อ๊อดบอกว่า ไปไม่ไกล แต่สักพัก เสียงร้องของมันแผดดังขึ้น ฟังดูก้าวร้าวแกมข่มขู่ จนตกใจ ไม่ใช่เสียง กก ... กก เหมือนเดิม เหมือนเป็นสัญญาณบอกตัวเมียด้วยและประกาศศักดา ตามด้วยเสียงกระพือปีกบินไป  แต่สำหรับพวกเรา จังหวะนี้คือ การเฝ้ารอ ... 
 
                       เจ้ากาฮัง ยังส่งเสียงทักทายอยู่ไกลออกไป เหมือนยังระแวดระวังไม่ไปไหน เราให้โอกาสอีก 20 นาที เพราะต้องกลับยังจุดนัดหมายตามเวลาที่กำหนด 
 
                       การเข้ามาทำงานวิจัยนกเงือก ต้องทุ่มเท อดทน และเผชิญกับความยากลำบากและสัตว์ป่าในพื้นที่ เพราะการเข้าไปเฝ้าดู เก็บข้อมูล มักเดินทางไปตามลำพัง พี่อ๊อดเล่าว่า เคยเจอทั้งงูจงอาง แทบจะเข้ามาติดมุ้ง ในบังไพร หรือเสือ แต่ที่หนักสุดเห็นจะเป็น "พี่กมล" หนึ่งในทีมวิจัยที่โดนกระทิงขวิด ระหว่างเข้าไปเก็บข้อมูลวิจัยนกเงือก  
 
                       ฉันเหลือบมองกล้องส่งทางไกลที่ตั้งไว้ อยู่เรื่อยๆ เห็นเจ้าตัวเมียโผล่ปากออกมา เหมือนทำความสะอาดรัง เก็บขี้ของลูก เก็บเมล็ดผลไม้โยนทิ้งออกมานอกโพรง ... เจ้านี่รักสะอาดจริงๆ 
 
                       และแล้ว ก็ได้ยินเสียงกระพือปีกอีกครั้ง  อยากจะกรี๊ดแต่กรี๊ดไม่ได้ ... ทำได้แค่กระซิบ กวักมือเรียกเพื่อน เจ้ากู๋กี๋กลับมาอีกรอบ วินาทีแรกที่เห็นมันขย้อนเม็ดผลไม้ ก่อนจะเข้าไปเกาะปากโพรงป้อนตัวเมีย ...ฉันรู้แล้วว่า ทำไมมันถึงได้ชื่อว่า เป็นตัวแทนของรักแท้   
 
                       เจ้ากู๋กี๋ไปแล้ว แต่เจ้ากาฮังยังไปไม่ถึงไหน  ระหว่างรอยังได้ยินเสียงเหนือหัวขึ้นไป พี่อ๊อดบอกว่าเป็นเสียงนกเงือกสีน้ำตาล ...ไม่เห็นตัวแค่ได้ยินเสียงก็ยังดี เพราะมันหมายถึงความสมบูรณ์ของผืนป่าแห่งนี้ 
 
                       เขาใหญ่เป็นพื้นที่วิจัยเพื่อการอนุรักษ์นกเงือกมาตั้งแต่ปี 2521 แต่เริ่มมีคนเข้ามาช่วยในปี 2524 
 
                       33 ปีผ่านมา พบว่า มีนกเงือกเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 2,000 ตัว ณ ป่าใหญ่แห่งนี้  เพราะนอกจากการวิจัย เฝ้าดูพฤติกรรมจะเห็นถึงการเลือกคู่ เกี้ยวพาราสี การเลือกโพรงรัง การทำรัง-เลี้ยงลูก(มค.-พค.) และฤดูรวมฝูง(กค.-ตค.) ภารกิจที่สำคัญของทีมวิจัยอีกอย่าง คือ การซ่อมโพรงรัง เพราะนกเงือกเป็นนกที่ทำโพรงรังเองไม่ได้ และยังมีพฤติกรรมกลับมาเลือกใช้โพรงรังเดิม 
 
                       ถ้าพูดถึงสิ่งมีชีวิตที่มีอิทธิพลต่อสภาวะแวดล้อมที่อาศัยอยู่ หรือ (Keystone Species) อันดับ 1 คือเสือ ในฐานะผู้ล่า นกเงือกก็เป็นผู้กระจายพันธุ์และเป็นผู้ล่าแทนเหยี่ยว ด้วยพื้นที่หากินกว้างไกลถึง 1,000 ตารางกิโลเมตร ทำให้ผืนป่ามีความหลากหลายของพืชพันธุ์ ทั้งยังจัดเป็นสัตว์ที่โดดเด่นด้านระบบนิเวศ ป่าไหนมีนกเงือก 500 ตัวขึ้นไป ก็จัดได้ว่าเป็นผืนป่าที่สมบูรณ์ 
 
                       เห็นเก่งๆ เจ๋งๆ แบบนี้ มันก็ยังตกเป็นเหยื่อของผู้ล่าอีกทอดคือหมาไม้และหมีขอ เพียงเท่านี้ก็คุมประชากรนกเงือกซะอยู่หมัดแล้ว 
 
                       มนุษย์เราอย่าได้เพิ่มตัวเองเข้าไปเป็นศัตรูของมัน ไม่ว่าจะทางตรงคือการล่า หรือทางอ้อมคือการตัดไม้ทำลายป่า ทำลายธรรมชาติกันอีกเลย
 
 
 
 
 
--------------------------
 
(ชวนเที่ยว : นกเงือก รัก(ษ์)ในป่าใหญ่ : ภาพ / เรื่อง ... นพพร วิจิตร์วงษ์)