
จับตาร่างรัฐธรรมนูญ สิทธิด้านสิ่งแวดล้อม
19 เม.ย. 2558
หลากมิติเวทีทัศน์ : จับตาร่างรัฐธรรมนูญ สิทธิด้านสิ่งแวดล้อม สาระสำคัญที่ต้องเพิ่มเติม : โดย...ภาคภูมิ วิธานติรวัฒน์
คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญได้จัดทำร่างรัฐธรรมนูญร่างแรกเสร็จอย่างเป็นทางการและจะรับฟังความเห็นจาก สภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) และคณะรัฐมนตรี ก่อนนำไปแก้ไขเพิ่มเติม แล้วนำกลับไปขอความเห็นชอบจากสภาปฏิรูปแห่งชาติอีกครั้ง
ในการพิจารณาครั้งที่สอง สภาปฏิรูปแห่งชาติ ต้องพิจารณาให้ความเห็นชอบหรือไม่ให้ความเห็นชอบทั้งฉบับ ถ้าเห็นชอบก็ผ่านไปสู่ขั้นตอนการประกาศใช้ หากไม่เห็นชอบจะมีผลให้สภาปฏิรูปแห่งชาติ และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญสิ้นสุดลง เริ่มต้นกระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญกันใหม่
สำหรับประชาชน มีสิทธิที่จะให้ความเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญ ตลอดเวลาจนกว่าการร่างจะแล้วเสร็จ เพราะอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย
ร่างรัฐธรรมนูญฉบับของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ บัญญัติสิทธิด้านสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ สิทธิการพัฒนา ดีขึ้นกว่าเดิมหรือไม่ มีสาระสำคัญอะไรที่ต้องบัญญัติให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ก็นับว่าน่าสนใจ
รัฐธรรมนูญฉบับที่ผ่านมา บัญญัติสิทธิและเสรีภาพในฐานะสิทธิของชนชาวไทย ในร่างรัฐธรรมนูญ แยกสิทธิและเสรีภาพ เป็นสิทธิมนุษยชน นัยว่า เป็นสิทธิของคนทุกคน และสิทธิพลเมืองในความหมายว่าเป็นสิทธิของชนชาวไทย
ตอนที่ว่าด้วย สิทธิมนุษยชน ระบุสิทธิ ความเสมอภาค เสรีภาพ ของบุคคลไว้หลายประการ ซึ่งดูดี แต่จบตอนว่า “บุคคลซึ่งไม่มีสัญชาติไทยและมีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยจะมีสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม เพียงใด ให้เป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติหรือตามที่รัฐจัดให้” การจบแบบนี้อาจทำให้สิทธิมนุษยชน ซึ่งตั้งใจรับรองสิทธิของคนทุกคน รวมถึง ผู้ตั้งถิ่นฐานมานาน เช่น ชนเผ่า กลุ่มชาติพันธุ์ ผู้ไร้สถานะบุคคล อาจไม่สามารถอ้างสิทธิมนุษยชนตามรัฐธรรมนูญได้ ที่ว่าดูดีอาจไม่ดี
ด้านสิทธิในสิ่งแวดล้อม มีบัญญัติไว้ในหลายมาตรา เช่น พลเมืองย่อมมีสิทธิในด้านสาธารณสุข คือ ดำรงชีวิตในสิ่งแวดล้อมและสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อสุขภาพที่ดี
สิทธิของพลเมืองที่จะมีส่วนร่วมกับรัฐและชุมชน ในการได้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพอย่างเป็นธรรมและในการคุ้มครอง ส่งเสริม และรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ดำรงชีพอยู่ได้อย่างปกติและต่อเนื่องในสิ่งแวดล้อมที่ดีและไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ สวัสดิภาพ หรือคุณภาพชีวิตของตน ย่อมได้รับการคุ้มครอง
กำหนดให้เป็นหน้าที่ของรัฐในการส่งเสริม คุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน และส่งเสริมความเข้มแข็งของชุมชนท้องถิ่น ในการสงวน ดูแลรักษา และใช้ประโยชน์ในทรัพยากรธรรมชาติในชุมชนอย่างยั่งยืน คุ้มครองและรักษาสิ่งแวดล้อม คุ้มครองชนพื้นเมืองและชนกลุ่มน้อยให้ดำรงอัตลักษณ์ของตนได้อย่างมีศักดิ์ศรี
ชุมชน ย่อมมีสิทธิปกป้อง ฟื้นฟู อนุรักษ์ สืบสาน และพัฒนาขนบธรรมเนียมและจารีตประเพณี ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญาอันดีงามของท้องถิ่นและของชาติ และมีส่วนร่วมในการจัดการ การบำรุงรักษา และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม รวมทั้งความหลากหลายทางชีวภาพอย่างสมดุลและยั่งยืน
หรือการบัญญัติให้ ทรัพยากรธรรมชาติเป็นสมบัติของชาติเพื่อประโยชน์สาธารณะ และบุคคล พลเมือง และชุมชน สามารถยกสิทธิและเสรีภาพเพื่อใช้สิทธิทางศาลได้โดยตรง
ดูดี แต่ก็มีบทบัญญัติบางประการขาดหายไป หรือไม่ชัดเจนเพียงพอ ที่จะทำให้สิทธิในสิ่งแวดล้อมที่กำหนดไว้แล้วมีความหมายในทางปฏิบัติ
เช่น การดำเนินโครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชน ที่ต้องศึกษาและประเมินผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ยังคงใช้คำ “อย่างรุนแรง” ซึ่งในข้อเท็จจริง ความรุนแรง มีปัจจัยที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก ทั้งภาวะภายในของชุมชน ที่ในร่างรัฐธรรมนูญใช้คำว่า ภูมิสังคม และปัจจัยทางกายภาพ ความเปราะบางของระบบนิเวศในแต่ละพื้นที่ และด้วยเจตนาของบทบัญญัตินี้ก็เพื่อให้โครงการหรือกิจกรรม ที่จะทำให้ส่งผลดีต่อคุณภาพชีวิตของชุมชน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ดังนั้นเมื่ออาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนไม่ว่าระดับใด ก็ควรจะมีการศึกษาและประเมินผลกระทบ
คำว่า “อย่างรุนแรง” จึงไม่ควรบัญญัติในรัฐธรรมนูญ แต่มาจำแนกในกฎหมายระดับรอง จะทำให้มีความยืดหยุ่น เหมาะสมกับสภาพของแต่ละท้องถิ่น และปรับแก้ได้ง่าย
สำหรับผู้ทำการศึกษากำหนดไว้ให้เป็น “ผู้ไม่มีส่วนได้เสีย” และ “ประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์” ทั้ง 2 ประการนี้ยังขาดความชัดเจน ข้อสรุปในทางวิชาการ คือ ต้องมีหน่วยงานเฉพาะขึ้นจัดจ้าง และควบคุมการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ไม่ใช่เจ้าของโครงการจัดจ้างเอง เป็นลักษณะนายจ้างลูกจ้าง เอื้อประโยชน์กันอย่างที่เป็นอยู่
ในส่วนของการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ เป็นการกำหนดทิศทาง ทางเลือกการพัฒนาของแต่ละพื้นที่ ต้องมีหรือทำไว้ก่อนที่จะมีการริเริ่มกิจกรรมหรือโครงการใด ดังนั้นจึงควรเปลี่ยนเป็นว่า โครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชน ทั้งทางด้านคุณภาพ สิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพ จะกระทำมิได้ เว้นแต่จะเป็นกิจกรรมหรือโครงการที่สอดคล้องกับผลการศึกษาประเมินสิ่งแวดล้อมในระดับยุทธศาสตร์ และได้ศึกษาและประเมินผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนในชุมชนโดยหน่วยงานที่เป็นอิสระ และจัดให้มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้เสียก่อน รวมทั้งได้ให้องค์การอิสระซึ่งประกอบด้วยผู้แทนองค์การเอกชนด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ และผู้แทนสถาบันอุดมศึกษาที่จัดการการศึกษาด้านสิ่งแวดล้อมหรือทรัพยากรธรรมชาติหรือด้านสุขภาพ ให้ความเห็นประกอบก่อนมีการดำเนินการดังกล่าว
ในด้านสิทธิในการพัฒนา หรือสิทธิในการวางแผนพัฒนาท้องถิ่นของตนเอง ร่างรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ในระดับสิทธิในการเสนอเรื่องราวร้องทุกข์ การมีส่วนร่วม การรับรู้ข้อมูล และการเสนอความเห็นเพื่อประกอบการตัดสินใจ ซึ่งไม่มีหลักประกันใดที่รัฐจะนำความเห็นไปพิจารณา หรือประกอบการตัดสินใจ
การระบุเช่นนี้อาจเพียงพอสำหรับการที่บุคคล พลเมืองจะมีส่วนร่วมในนโยบายสาธารณะทั่วไป แต่สำหรับชุมชน ที่จะได้รับผลกระทบโดยตรงพวกเขาต้องมีส่วนร่วมระดับตัดสินใจ
นอกจากนี้ร่างรัฐธรรมนูญยังขาดบทบัญญัติที่วางแนวให้รัฐปฏิบัติตามข้อตกลงระหว่างประเทศที่ไทยเป็นรัฐภาคี เช่น การมีกฎหมายและมาตรการต่อเอกชน หรือหน่วยงานของรัฐที่ไปละเมิดสิทธิมนุษยชน สร้างปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม กระทำการทุจริต ในต่างประเทศ โดยอย่างน้อยต้องมีการปฏิบัติตามมาตรฐานกฎหมายของไทย หรือการคุ้มครองบุคคล กลุ่มบุคคล และองค์กรทางสังคม ที่ดำเนินงานในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน และเสรีภาพขั้นพื้นฐานซึ่งรับรองโดยรัฐธรรมนูญนี้ จากการใช้ความรุนแรง การข่มขู่ การตอบโต้ และการเลือกปฏิบัติ เป็นต้น
ประเทศไทยมีการค้า การลงทุน กับต่างประเทศจำนวนมาก และได้รับคำเตือนจากสหภาพยุโรปสำหรับการส่งออกสินค้าประมง เพราะมีการทำผิดหรือไม่ถูกกฎหมาย และมีคำถามสำคัญว่า เรือประมงไทยที่ไปทำผิดหรือทำไม่ถูกกฎหมายของไทย หรือกฎหมายระหว่างประเทศ หรือกฎหมายของประเทศที่ไปทำการประมง กฎหมายหรือรัฐบาลไทยจะควบคุมหรือดำเนินการเอาผิดได้หรือไม่ คำตอบคือ ไม่แน่ใจ ไม่เคยทำ เพราะเป็นการกระทำความผิดในต่างประเทศ
ประเทศไทยเข้าร่วมโลกาภิวัตน์ กฎหมายไทยก็ต้องมีความรับผิดชอบที่เป็นสากลเช่นกัน
---------------------
(หลากมิติเวทีทัศน์ : จับตาร่างรัฐธรรมนูญ สิทธิด้านสิ่งแวดล้อม สาระสำคัญที่ต้องเพิ่มเติม : โดย...ภาคภูมิ วิธานติรวัฒน์ ประธานสมัชชาองค์กรเอกชน ด้านการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ)