ไลฟ์สไตล์

บวงสรวงเจ้าฟ้า‘สยามมกุฎราชกุมาร’พระองค์แรกของไทย

บวงสรวงเจ้าฟ้า‘สยามมกุฎราชกุมาร’พระองค์แรกของไทย

16 เม.ย. 2558

บวงสรวงเจ้าฟ้า ‘สยามมกุฎราชกุมาร’ พระองค์แรกของไทย

 
           “สยามมกุฎราชกุมาร” องค์แรกของสยามประเทศ หรือประเทศไทย สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร หรือ สมเด็จพระบรมราชปิตุลาธิบดี เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ เป็นพระราชโอรสพระองค์ใหญ่ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ประสูติแต่สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี พระองค์ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นสยามมกุฎราชกุมารพระองค์แรกของประเทศไทย แต่หลังจากดำรงตำแหน่งสยามกุฎราชกุมารได้เพียง 8 ปี ก็เสด็จสวรรคต ขณะมีพระชนมายุ 15 พรรษา ซึ่งในปัจจุบันพระราชานุสาวรีย์ประดิษฐานอยู่ ณ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ โดยได้จัดพิธีบวงสรวงถวายราชสักการะไปเมื่อเร็วๆ นี้
 
           พระภาวนาวิริยคุณ (ไสว ธีรโสภโณ) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ และผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาและปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานนานาชาติ กล่าวว่า วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ได้จัดพิธีบวงสรวงพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร ขึ้นเพื่อเป็นการถวายราชสักการะและเพื่อแสดงพระบุญญาธิการและพระเดชานุภาพของพระองค์ ให้ทรงคุ้มครองพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ตลอดจนประชาชนและประเทศชาติให้มีสุขสวัสดิ์พิพัฒน มงคลชัย ปลอดภัยทุกภยันตราย
 
 
           “พระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ ณ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ บริเวณด้านหน้าอาคารเบญจมราชวรานุสรณ์ โดยบริเวณหน้าบันได้จารึกอักษรย่อพระราชปณิธาน “ร.จ.บ.ต.ว.ห.จ.” อันหมายถึง “เราจะบำรุงตระกูลวงศ์ให้เจริญ” คือพระราชปณิธานของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมารพระองค์แรกแห่งราชวงศ์จักรี โดยพระองค์มีพระประสูติกาลเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 27 มิถุนายน 2421 เป็นพระราชโอรสพระองค์ใหญ่ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 กับสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี โดยฐานันดรศักดิ์แล้วทรงเป็นพระบรมราชปิตุลา(ลุง) ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระนาม “มหาวชิรุณหิศ” ซึ่งแปลว่า มงกุฎเพชรใหญ่ อันหมายถึงพระราชโอรสองค์ใหญ่ที่จะสืบทอดพระราชบัลลังก์" รองเจ้าอาวาสให้ข้อมูล
 
 
           พร้อมกันนี้ยังเล่าด้วยว่า เมื่อมีพระชนมายุ 5 พรรษา ได้รับพระราชทานสมุดบันทึกจากพระราชบิดา จึงเกิดความสนพระทัยในการจดบันทึกเรื่องราวแม้ยังทรงพระเยาว์ ทรงได้รับการสถาปนาเป็น สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2429 ขณะพระชนมายุ 7 พรรษา ซึ่งถือเป็นการสถาปนารัชทายาท ตำแหน่ง สยามมกุฎราชกุมาร ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทย แทนการสถาปนาตำแหน่ง มหาอุปราช หรือ วังหน้า ครั้นพระชนมายุ 13 พรรษา ทรงผนวชแล้วประทับจำพรรษาเพื่อศึกษาพระธรรมวินัยและปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ณ วัดบวรนิเวศวิหาร โดยมีสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อพระองค์มีพระชนมายุเข้าสู่วัยหนุ่ม มีพระสิริโฉมงดงาม มีพระสติปัญญารอบรู้ในศาสตร์ทุกแขนงและแกล้วกล้าอาจหาญประดุจจอมทัพไทย
 
           ตลอดพระชนมชีพทรงได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยจากพระราชบิดาให้ปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการ อาทิ เสด็จออกรับแขกเมืองและรับฎีกาของราษฎรแทนพระองค์ รวมทั้งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เสด็จฯ เป็นผู้แทนพระองค์ในงานต่างๆ อยู่เสมอ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จสวรรคตเมื่อวันศุกร์ที่ 4 มกราคม 2437 ขณะมีพระชนมายุ 15 พรรษา 6 เดือน กับอีก 7 วัน สร้างความโทมนัสโศกเศร้าพระราชหฤทัยอย่างยิ่งแก่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี และเพื่อเป็นการบำเพ็ญกุศลอุทิศถวาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชทรัพย์ของพระราชโอรสอันเป็นที่รักยิ่งนี้ อุทิศถวายพระพุทธศาสนา โดยการบูรณปฏิสังขรณ์วัดมหาธาตุฯ อันเป็นวัดเก่าแก่ที่ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์โดยพระมหาอุปราชหรือ วังหน้า อยู่เสมอ กาลครั้งนั้นได้พระราชทานเติมสร้อยนามของวัดมหาธาตุต่อท้ายว่า ยุวราชรังสฤษฎิ์ เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งพระราชโอรส และเพื่อดำรงไว้ซึ่งชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ ตามพระราชปณิธาน “ร.จ.บ.ต.ว.ห.จ.” อันหมายถึง “เราจะบำรุงตระกูลวงศ์ให้เจริญ” สืบไป