ไลฟ์สไตล์

'เมืองสายน้ำ บ้านสายลม บรรจง บุรินประโคน กากะเยียสำนักพิมพ์'

'เมืองสายน้ำ บ้านสายลม บรรจง บุรินประโคน กากะเยียสำนักพิมพ์'

05 เม.ย. 2558

'เมืองสายน้ำ บ้านสายลม บรรจง บุรินประโคน กากะเยียสำนักพิมพ์' : คอลัมน์ ศิลป์แห่งแผ่นดิน โดย... ศักดิ์สิริ มีสมสืบ

 
 
          ผมเคยเป็น "กวีหนุ่ม" ในความหมายว่า กวีเยาว์วัย ระลึกนึกย้อนวันเวลาคราใดยังหอมกรุ่นกลิ่นความฝัน สายลมแห่งรุ่งอรุณโชยกลิ่นบุปผานานาพรรณบานที่สล้างอยู่ริมทางสายวรรณศิลป์ ความรู้สึกหอมหวานซ่านซึ้งหวนคืนใจอีกคราเมื่อได้อ่าน "เมืองสายน้ำ บ้านสายลม" ของกวีหนุ่ม "บรรจง บุรินประโคน"
 
          "อีกเช้าที่ผลิพราวเป็นเม็ดฝน ร่วงหล่นบนผืนดิน กลิ่นยุคสมัย ย่างเหยียบยืนรื่นรมย์พรมผืนใจ ทิ้งรอยเห็นเป็นน้ำใสไล้ใบบาง"
 
          กวีหนุ่มได้เปิดอ่าน "พินัยกรรมธรรมชาติ" 
 
          "พินัยกรรมธรรมชาติฝากไว้ ฝังในแฝงนอกพรหมลิขิต เพียงใช้ใจแทนตาเพ่งพินิจ กรรมสิทธิ์อาจป่งใบใต้ร่มเท้า"
 
          เขาเขียนถึงฤดูกาล เส้นทางทราย ดอกบัว ดอกคูนที่บานตระการสู้ลมแล้ง ดอกจานที่กล้าแกร่งกลางเปลวแดด ระย้าระยับของดอกปีบบ้าน ลั่นทมที่ร่วงหล่นพรมลาน ลำดวนที่หวนรำพึงกึ่งรำพัน เขียนถึงบ้าน โลกวัยเยาว์ โบกใบเก่า โลกใบใหม่ โลกความจริง โลกความฝัน บ้านความรัก จากไป หวนคืน การเดินทางของสายน้ำ สายลมที่ลอยล่องล่องลอยดั่งไร้จุดหมาย สายน้ำที่ไหลไปไหลไกลสุดใจฝัน 
 
          บรรจง บุรินประโคน กวีหนุ่มจากประโคนชัย บุรีรัมย์ เมล็ดพันธุ์ที่งอกเงยงอกงามบนแปลงนาความฝัน เอกภาษาไทยคณะมนุษยฯ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ที่ก่อกำเนิดต้นกล้าวรรณกรรม รุ่นแล้วรุ่นเล่า เขาเริ่มก้าวกล้าด้วยการพิมพ์งานของตนเองด้วยมือทำ
 
          หนังสือทำมือ "รวมบทกวี" ลมหายใจของสายลม, "หลงกลิ่นกาแฟ", "เสียงลมหล่นใบไม้", รวมเรื่องสั้น "เข็นครกขึ้นหลังเขา" เป็นต้น
 
          "ธรรมชาตินั้นงดงามเสมอ เพียงเราเรียนรู้ที่จะอยู่อย่างเข้าใจ...หากเราเข้าใจธรรมชาติ เราก็จะอยู่กันได้อย่างสุขสงบสันติ"
 
          ผมเองก็เริ่มบทกวีบทแรกๆ จากการเฝ้ามองธรรมชาติ ดอกไม้ สายน้ำ ผืนแผ่นดิน ถนนหนทาง ฟังเสียงสายลม
 
          อาบแสงอุ่นอรุณรุ่ง ดื่มสายรุ้งหลังฝน ยินยลเสียงขับขานแห่งวิหค ลำนำเพลงพื้นบ้าน ฟังเรื่องเล่าตำนานพื้นถิ่น 
 
          กลิ่นควันไฟ หอมกลิ่นข้าวใหม่ น้ำพริกแม่ โอบกอดต้นยางนาแนบหน้าซบ ฝันถึงเส้นทางสายใหม่ ก้าวเดินออกไปข้างนอกและเดินเข้าไปข้างใน หลับไหลในบ้านของความฝัน
 
          "บ้านของความรัก ฟูมฟักใจให้รู้จักสมัครสมาน ที่เลี้ยงดูทั้งชีวิตจิตวิญญาณ ที่ดอกไม้ยิ่งเบ่งบานบนลานใจ" บทกวีสามสิบเอ็ดบท ในฉันทลักษณ์กลอนสุภาพ และกาพย์ฉบังจำนวนหนึ่ง
 
          "ลั่นทมเบ่งบานอวยกลิ่น เพียงสัมผัสยิน เสียงแห่งทรงจำรำพัน...ยามไผ่ออกดอกสุดท้าย เสมือนแทนความหมาย หมดสิ้นอายุดำรง ธรรมชาติสอนศาสตร์พิศวง ความตายซื่อตรง บริสุทธิ์ตามกฎชีวิต"
 
          ผมเข้าใจหัวจิตหัวใจของกวีหนุ่ม ผมเคยเป็นหนุ่มมาก่อน สว่างไสว ร่าเริง ทรงพลัง รุ่มร้อน กล้าหาญ
 
          ฝ่าฟันไปในความสับสน ผจญภัยทางความคิด ไม่หวั่นกลัวถูกผิด แม้เดินตามทางขนบแต่ก็ไม่วายแวะลงข้างทาง
 
          บางที่ลัดเลาะลงทางเปลี่ยวเที่ยวเตร็ดเตร่เสียหน่อย โดยไม่เดินห่างทางสายหลักไปไกลนัก แต่ด้วยพลังของวัยหนุ่ม ไม่ช้านนานเขาย่อมพบหนทางของตนเอง  
 
          "เมื่อเติบใหญ่จึงรู้ว่าโลกนี้ กว้างเกินเหลือที่จะค้นหา" แต่เมื่อเติบกล้าก็จะพบว่าหนทางอันยาวไกลนั้นพาตนเองกลับมายังบ้าน "สู่อ้อมกอด ดิน น้ำ นา มาต่อเติม เพิ่มแรงใจปลุกแรงกายอย่างง่ายงาม"
 
          กวีหนุ่มนาม "บรรจง บุรินประโคน" ฝากรอยเท้าไว้ให้ปรากฏบนถนนสายวรรณศิลป์ 
 
          กวีนิพนธ์ย้อนรอยวัยเยาว์ของเขา ทับซ้อนบนรอยเท้าวัยเยาว์ของผม ทำให้ผมอ่าน "เมืองสายน้ำ บ้านสายลม"อย่างมีความสุข