
"แอโรบิก"ปลูกข้าวแบบใหม่ ทางเลือกชาวนาในที่ไม่มีน้ำ
ปัญหาการขาดแคลนน้ำนับเป็นอุปสรรคใหญ่หลวงของชาวนา แม้จะมีน้ำจากระบบชลประทาน แต่ไม่พอแบ่งปันให้ทั่วถึง เหตุนี้ ศ.ดร.เบญจวรรณ ฤกษ์เกษม หัวหน้ากลุ่มวิจัยทรัพยากรพันธุกรรมและธาตุอาหารพืช แห่งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และเมธีวิจัยอาวุโส สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจั
ศ.ดร.เบญจวรรณกล่าวว่า การปลูกข้าวแอโรบิกนี้แตกต่างตรงที่เป็นระบบเพาะปลูกสมัยใหม่ ที่มีการดูแลรักษาและให้ปัจจัยการผลิต อาทิ ปุ๋ย น้ำ อย่างพอเพียง มีการกำจัดศัตรูพืช เป็นการปลูกเชิงการค้าอย่างได้ผลมาแล้วในประเทศบราซิลและจีนทางเหนือที่ขาดแคลนน้ำทำนา โดยเฉพาะจีนมีแผนจะขยายพื้นที่ปลูกข้าวชนิดนี้ให้ได้ 55 ล้านไร่ หรือร้อยละ 30 ของพื้นที่ปลูกข้าวทั้งประเทศ เพราะเป็นการปลูกที่ไม่ให้น้ำขังแต่ให้พอดินชุ่มเหมือนพืชไร่ชนิดอื่น
"ข้อได้เปรียบของข้าวแอโรบิก คือ ช่วยประหยัดน้ำ อีกทั้งปลูกได้ในพื้นที่มากกว่า ปีไหนฝนดีข้าวแอโรบิกอาจต้องการน้ำชลประทานเสริมเพียง 1-2 ครั้ง แต่ในช่วงวิกฤติน้ำอาจพอเพียงปลูกข้าวแอโรบิกได้ถึง 5-10 ไร่ อย่างในฤดูแล้งที่ฝนตกเพียงเล็กน้อยหรือแทบไม่มีฝนเลย น้ำที่ใช้ทำนาปรัง 1 ไร่ จะพอเพียงปลูกข้าวแอโรบิกได้ถึง 3-4 ไร่" ศ.ดร.เบญจวรรณแจง
อย่างไรก็ตาม การทำนาแบบเดิมด้วยขังน้ำไว้ในกระทงนาเป็นการพัฒนาระบบนิเวศมาเพื่อแก้ปัญหาหลายอย่างเกี่ยวกับการเพาะปลูก เมื่อเปลี่ยนไปเป็นการปลูกข้าวโดยไม่ขังน้ำ ปัญหาเหล่านั้นจึงจำต้องได้รับการแก้ไข มี 3 กลุ่ม คือศัตรูพืช ธาตุอาหารในดินและการดูดธาตุอาหาร พันธุ์ข้าวและวิธีการเพาะปลูก ศ.ดร.เบญจวรรณและคณะจึงได้รับทุนจาก สกว. เพื่อวิจัยการพัฒนาระบบปลูกข้าวแบบประหยัดน้ำ
"การทำเทือกและการขังน้ำเป็นวิธีการกำจัดควบคุมวัชพืช ไส้เดือนฝอย และแมลงศัตรูในดินที่ได้ผล ศัตรูพืชเหล่านี้เป็นปัญหาใหญ่ของข้าวแอโรบิก กลุ่มวิจัยได้ค้นพบพันธุ์ข้าวไร่พื้นเมืองที่ยับยั้งการเจริญเติบโตของวัชพืชได้ในระดับหนึ่ง และกำลังศึกษาระบบการปลูกพืช และการใช้พืชคลุมดิน/ปุ๋ยพืชสด เพื่อลดการสะสมของศัตรูพืชในแปลงปลูกข้าวแบบแอโรบิก” เมธีวิจัยอาวุโส สกว.กล่าวสรุป
นอกจากนี้ ดินที่ไม่ขังน้ำจะมีธาตุอาหารสำคัญ โดยเฉพาะฟอสฟอรัสที่ละลายน้ำได้น้อยลง ต้นข้าวดูดไปใช้ได้ยากขึ้น การจัดการปุ๋ยในระบบข้าวแอโรบิกจึงจำต้องประณีตแม่นยำ การศึกษากลไกควบคุมระบบการปรับตัวของรากข้าวและสมรรถนะในการดูดธาตุอาหารของข้าวต่างพันธุ์โดยกลุ่มวิจัยจะช่วยให้การปรับปรุงพันธุ์ข้าวให้เหมาะสมกับสภาพดินไม่ขังน้ำได้ดีขึ้น และจัดระเบียบการใส่ปุ๋ยให้ได้ประโยชน์มากที่สุดและมีการสูญเสียน้อยที่สุด
ขณะที่พันธุ์ข้าวและวิธีการเพาะปลูกก็ต้องพัฒนาให้เหมาะสมสำหรับแต่ละพื้นที่และโอกาส ดังที่นายอรรถพล เขียวแก้ว นักศึกษาปริญญาโทสาขาวิชาพืชไร่ ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ทดลองปลูกข้าวแอโรบิกพันธุ์ปทุมธานี 1 ได้ผลดี คาดว่าจะเก็บเกี่ยวได้ในเดือนกรกฎาคมนี้
การปลูกข้าวแอโรบิกมีความเหมาะสมกับการเพาะปลูกสมัยใหม่ โดยเฉพาะปัจจุบันที่ใช้เครื่องจักรตลอดทุกขั้นตอน ดังนั้นการปลูกข้าวชนิดนี้จึงน่าจะพัฒนาระบบการเพาะปลูกที่ประหยัดแรงงานและใช้เครื่องจักรได้มากขึ้น แต่ต้องศึกษาการปรับตัวของพันธุ์ข้าวไทยที่หลากหลายต่อสภาพดินน้ำไม่ขัง/ดินน้ำขังไปพร้อมๆ กัน เพื่อสนับสนุนพัฒนาการระบบการปลูกข้าวแอโรบิกประหยัดน้ำนี้ให้ได้ผล