ไลฟ์สไตล์

ขุนเขายะเยือก นิด ลายสือ

ขุนเขายะเยือก นิด ลายสือ

15 มี.ค. 2558

ศิลป์แห่งแผ่นดิน : ขุนเขายะเยือก นิด ลายสือ : โดย...ศักดิ์สิริ มีสมสืบ

 
            "ขุนเขายะเยือก" ชื่อหนังสือ บทกวีของผู้สันโดษ ฮั่นซาน พจนา จันทรสันติ แปล ถอดความ
 
            เมื่อผู้คนแลเห็นบุรุษแห่งขุนเขายะเยือก เขาล้วนกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า "นี่คือเจ้าคนบ้า ไม่มีใครอยากมองหน้ามันซ้ำสอง ห่อหุ้มร่างด้วยผ้าขี้ริ้ว สิ่งที่เราพูดมันก็ไม่เข้าใจ สิ่งที่มันกล่าวเราก็ไม่รู้เรื่อง" ถ้อยคำของพวกท่านล้วนไม่น่าใส่ใจ ลองไปเยี่ยมเยือนขุนเขายะเยือกดูสักครั้ง
 
            ผมอ่าน "ขุนเขายะเยือก"(พจนา จันทรสันติ ถอดความ) เมื่อตอนที่เรียนศิลปะอยู่ ร.ร.เพาะช่าง หลังอ่าน "ขลุ่ยไม้ไผ่" หนังสือเล่มเล็กๆ สวยงามด้วย "ตัวเขียน" แทนที่จะใช้ตัวพิมพ์ ภาพประกอบเรียบง่าย ถ้อยคำที่แสนธรรมดาทว่ากินใจ ลึกอย่างตื้น ตื้นอย่างลึก ในวัยหนุ่มลุ่มหลงหนังสือเล่มน้อยนี้อย่างบอกไม่ถูก จากนั้นก็เลยอ่านหนังสือของพจนา จันทรสันติ ทุกเล่ม ไม่ว่าจะงานเขียนหรืองานแปล ถอดความ
 
            จำวันที่ได้พบเจอเขาเป็นครั้งแรกที่บ้านหลังหนึ่งแถวซอยสวนพลู เมื่อประมาณปี 2517 โดยผมติดตาม จ่าง แซ่ตั้งไป
วันนั้นได้พบสมพงษ์ ทวี, วสันต์ สิทธิเขตต์, เตือนจิตต์ นวตรังค์ ด้วย รู้สึกแปลกใจ ที่พจนา จันทรสันติ อายุยังน้อยยังหนุ่ม ตื่นเต้นมากที่ได้พบเขา ช่วงปีนั้นผมเพิ่งเริ่มหัดเขียนหนังสือ
 
            "ขุนเขายะเยือก" เป็นหนังสืออีกเล่มหนึ่งที่เปิดหน้าต่างบานด้านทิศตะวันออกของผม จากนั้นก็ได้อ่าน "เต๋า"
 
            โดยชื่อพ้องกัน "ขุนเขายะเยือก" บทเพลงเพื่อชีวิต ของ "นิด ลายเสือ"
 
            ผมได้ยินชื่อเขามาก่อนหน้านี้ มีเสียงเล่าลือว่าเขาแต่งเพลงได้ ร้องเพลงดี ผมได้มีโอกาสพบเจอเขาที่งานกิจกรรม
 
            "ค่ายวรรณกรรมสัญจร" ครั้งที่ 23 ที่เขาแผงม้า วังน้ำเขียว และได้ฟังเพลง "ขุนเขายะเยือก" ครั้งแรกที่นั่น
 
            "ขุนเขายะเยือก หวังเพียงผู้เดินทางผ่าน ไปให้ไกลสุดไกล คนเดินทางไม่มีวันสิ้น กองเกวียนยังเคลื่อนไหล ชีวิตมีวันสิ้น คนไม่มีวันพอ เฮ้ย เอ็งมาจากไหนห้วงหุบผาไหว เอ็งไปไหนมา ข้าท่องไปในแดนไกล หนทางยาวไกล ภูผาสูงชัน เฮ้ย เอ็งไปทำไร กองเกวียนบ้านไพร ผู้ใดเข็นขับ มีเรื่องราวมากมายจะเล่า เอ็งจงฟังข้าก่อน ผู้คนบนแผ่นดินเดือดร้อน แนวภูผารำพัน หรีดเรไรร้องระงม ลมพัดใบไม้ไหว ใจโอนไหวลู่เอนตามลม...ข้าน้อยผู้ยากไร้ มิเคยหวั่นไหวแม้จำหมองหม่น มีเรื่องราวจะบอก เอ็งจงฟังข้า ยุคกระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย น้ำเต้าน้อยจะถอยจม บ้านเมืองถอยหลังเข้าคลอง  มีจอกน้ำใจให้ผู้คนที่เดินทางผ่าน ใครต้องการเมามาย มีรักยิ่งใหญ่ให้ผู้คนที่เดินทางผ่าน ใครต้องการดื่มกิน ตำนานเพลงแม่น้ำร้อยสาย ขับลำนำเพลงเรือ..มากินเหล้ากันเว้ย มาร้องเพลงยั่วเย้ยจันทรา มาร่ำสุราประสานเพลงกล่อม อ่านบทกวีเย้ยจันทร์ ฝันให้ไกลที่สุด ร่ำสุราเย้ยจนทนทุกข์นานทานทน ชีวิตมีวันสิ้น คนไม่มีวันพอ"
 
            เพลง "ขุนเขายะเยือก" มีที่ไปที่มาอย่างไร ได้แรงบันดาลใจมาจากไหนผมไม่ได้ถามเขา รู้แต่ว่าตอนที่ฟังเพลงนี้ในยามค่ำคืนท่ามกลางป่าเขาพงไพร เพลงนี้ทำให้ผมคิดถึงหนังสือ "ขุนเขายะเยือก" เล่มที่ผมเคยอ่าน คงเพราะชื่อพ้องกันนั้นเอง
 
            "ปราชญ์ยิ่งใหญ่แต่โบราณ มิได้บอกเลยว่าชีวิตนั้นยั่งยืนเป็นอมตะ สิ่งที่เกิดล้วนต้องตาย สรรพสิ่งป่นสลายกลายเป็นเศษธุลี กระดูกกองสูงดั่งภูเขา น้ำตาแห่งความพลัดพรากมากมายดั่งท้องทะเล สิ่งที่หลงเหลืออยู่มีเพียงชื่อ"
 
            คนบ้าแห่งขุนเขายะเยือก  ห่อหุ้มร่างด้วยผ้าขี้ริ้ว ไม่มีใครอยากมองหน้ามันซ้ำสอง มันพูดในสิ่งที่คนไม่เข้าใจ
 
            แต่บุรุษแห่งขุนเขายะเยือกของนิด ลายสือดูเหมือนสติสตังจะฟื้นคืน เขาพูดถึงความหวัง พูดให้เราฟังถึงความเป็นอยู่เป็นไปของสังคม ชวนเราร่ำสุราให้เมามาย แถมยังชวนอ่านบทกวีเย้ยจันทรา หรือว่าบุรุษแห่งขุนเขายะเยือกของเขาจะมิได้เป็นญาติโกโหติกากัน และขุนเขายะเยือกก็มิใช่เทือกภูเดียวกัน นาม "ขุนเขายะเยือก" คงเป็นความพ้องกันโดยคำเท่านั้น หรือไม่เช่นนั้น อาจเพราะบุรุษบ้าแห่งขุนเขาได้กลับกลายมาเป็นคนธรรมดาเช่นเราท่านทั้งหลายเสียแล้ว พูดจากันรู้เรื่องแล้ว
 
            "ขุนเขายะเยือก" เพลงเอกของนิด ลายสือ หนึ่งในชุด"รวม(เพลง)พิเศษจากใจ นิด ลายสือ เป็นเพลงที่น่าสนใจ
 
            บุรุษหนุ่มชาวอุดร  จบรามคำแหง ใช้ชีวิตสถิตกายใจอยู่ขอนแก่น ทำสิ่งที่รัก เดินทางภายใน สื่อสารความรู้สึกนึกคิดผ่านบทเพลง เขาเดินทางมาจากขุนเขายะเยือก เขาเดินไปตามทางที่เขาเชื่อมั่น เขาคุยกับคนทั่วไปรู้เรื่อง เขาพูดเรื่องชีวิต เล่าเรื่องราวผู้คน สังคม บ้านเมือง
 
            เขาชื่อ "นิด ลายสือ"