
ย้อนยุค2ล้อรุ่งเรืองในเฮือนรถถีบ
12 มี.ค. 2558
ศิลปวัฒนธรรม : ย้อนยุค 2 ล้อรุ่งเรือง ใน เฮือนรถถีบ
"ของเก่า" คำสั้นๆ ที่สามารถกระตุ้นความอยากรู้เรื่องราวการเดินทางของวัตถุหนึ่งได้มากมายมหาศาล จึงไม่แปลกที่ปัจจุบันสิ่งของที่ผ่านระยะเวลามาเนิ่นนานจะยังเป็นที่ต้องการ และถวิลหาของใครหลายคนเพียงเพราะต้องการเก็บเรื่องราวอันทรงคุณค่าที่ฝังเอาไว้ทุกรายละเอียด เรื่องเก่าๆ ในวันนี้จึงขออิงกระแสพาหนะสองล้ออย่าง "จักรยาน" ที่ยังครองใจมนุษย์มาหลายยุคสมัย ปัจจุบันเราใช้งานในการเดินทาง ออกกำลังกาย และพักผ่อนหย่อนใจ แต่ในอดีตก่อนยุค 4 ล้อจะรุ่งเรือง จักรยานมีบทบาทในสังคมในหลายสถานการณ์ ตามที่เราได้มีโอกาสมาศึกษากันใน "เฮือนรถถีบ" พิพิธภัณฑ์ขนานย่อม ที่รวบรวมจักรยานเก่าไว้หลายรุ่น ใจกลางเสน่ห์ชุมชนวินเทจของ ถ.เจ้าฟ้า อ.เวียงสา จ.น่าน และเปิดรับผู้ที่สนใจศึกษาจริงจังให้เข้ามาชมเท่านั้น
โกดังไม้เล็กๆ ถูกตั้งไว้ในบริเวณบ้านของครอบครัว "เต็งไตรัตน์" มีพื้นที่ด้านหน้ากว้างขวาง ส่วนด้านในเต็มไปด้วยจักรยานโบราณนับร้อยคัน ดูแลโดยลูกหลานของตระกูลจากรุ่นสู่รุ่น พร้อมให้ข้อมูลกับนักปั่นรุ่นเก่าและใหม่อย่างเป็นกันเอง โดยปัจจุบัน สุพจน์ เต็งไตรัตน์ เจ้าของอาณาจักรรถถีบเป็นผู้เผยแพร่ความรู้หลัก และในชีวิตประจำวันตัวเขาเองก็ยังใช้จักรยานระบบไร้โซ่อายุมากกว่า 50 ปีอยู่ พร้อมบอกว่ายังมีจักรยานโบราณอีกหลายคันที่ยังใช้ได้ดี แม้เวลาจะผ่านมานานเพราะได้รับการดูแลอย่างดีมาตั้งแต่รุ่นคุณย่าสมัยเปิดร้านจักรยานอยู่ใน อ.เมืองน่าน เมื่อประมาณ 60 ปีก่อน
สุพจน์ เล่าว่า การขนส่งรถจักรยานจากกรุงเทพฯ มาขายที่ภาคเหนือในสมัยก่อน จะเป็นการส่งมาแบบชิ้นส่วนย่อย ทางร้านของครอบครัวจึงลงมือประกอบชิ้นส่วนก่อนขาย ตั้งแต่สานซี่ล้อจักรยาน ขึ้นโครงรถ ลูกหลานที่เกิดในครอบครัวนี้จึงคุ้นเคยกับอะไหล่รถจักรยานเหมือนเป็นของเล่นชนิดหนึ่งที่พ่อแม่สรรหามาให้ลูกเล่นอย่างดี แต่ยุคสมัยเปลี่ยนไปจักรยานยนต์เริ่มเข้ามาแทนที่ทางร้านต้องเก็บอะไหล่แล้วหันมาขายรถจักรยานยนต์ตามยุคสมัย กระทั่งเดือนสิงหาคม 2549 จ.น่าน เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ จึงได้รื้ออะไหล่ชิ้นส่วนจักรยาน ที่เก็บไว้จนเกือบจะลืมเลือนมาทำความสะอาดอีกครั้ง หลายชิ้นยังสภาพดีและมีเรื่องราวให้รำลึกถึงมากมาย จึงเกิดแรงบันดาลใจรวบรวมจักรยานโบราณที่ส่วนมากส่งตรงมาจากยุโรป มีอยู่หลายรุ่น หลายยี่ห้อ รวบไว้เป็นอนุสรณ์ชีวิตและพร้อมให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาหาความรู้ต่อไป
ราเลย์ กาเชีย โรบินฮูด ฟิลิปส์ นิวฮัทสัน...ฯลฯ แต่ละแบรนด์ถูกวางเรียงตามขนาดล้อตั้งแต่ใหญ่สุดอย่าง Hochrad 1880 จักรยานล้อหน้าโตใช้กลไกเดินหน้าด้วยเพลาเล็กๆ มีหลายเหตุผลที่กำลังถกเถียงว่าทำไมจึงมีจักรยานล้อโตในสมัยก่อน เด็กๆ ที่เขามาชมมักจะบอกว่าเป็นการโชว์ในสวนสนุก ส่วนผู้ใหญ่บอกว่ายิ่งเส้นรอบวงมากเวลาปั่น 1 รอบก็ไปได้ไกล และอยู่สูงได้เห็นทิวทัศน์ จนมีชาวอังกฤษคนหนึ่งได้มาเยี่ยมเยือนมาที่นี้และได้แลกเปลี่ยนในมุมของบ้านเมืองตัวเองว่าสมัยก่อนตอนที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ จะมีเจ้าหน้าที่ปั่นจักรยานล้อโตคอยจุดไฟหน้าบ้านแต่ละบ้าน และไฟถนน จะได้ไม่ต้องปีนหลายๆ ครั้ง
อีกหนึ่งชิ้นที่หาดูยากคือจักรยานดับเพลิง Fire man 1905 ใช้ในประเทศอังกฤษเพื่อดับไฟในซอกซอยที่เข้าถึงยาก โดยตัวรถทำจากเหล็กทาสีแดง มีไซเรน ขวาน และสายยางขดอยู่กลางตัวรถ โดยเมื่อถึงจุดเกิดเหตุก็ต่อสายกับท่อส่งน้ำใกล้ๆ ได้ทันที คันนี้ถูกประมูลนำมาให้คนไทยได้เห็นกันในสภาพสมบูรณ์เละยังใช้งานได้ นอกจากนี้ยังมีนวัตกรรมสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 กับจักรยานพับได้รุ่นแรกโดยประเทศอังกฤษ ทหารพลร่มจะพับจักรยานมัดติดที่อกขณะโดดร่ม เมื่อถึงภาคพื้นก็ไขน็อตหางปลาสองตัวต่อกันที่โครงรถก็ใช้งานได้ ส่วนประเทศญี่ปุ่นในยุคสงครามก็ไม่น้อยหน้าได้ผลิตจักรยานที่มีน้ำหนักเบา โครงบางเพื่อขนส่งได้สะดวกซึ่งในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก็สามารถหาชมได้เช่นกัน
สิ่งที่มาคู่กับตัวรถถีบคือการตกแต่ง ที่ทางครอบครัวยังพยายามรวบรวมเก็บเอาไว้ ทั้งการติดธงชาติและธงไตรรงค์ข้างๆ แฮนด์ที่นิยมมากในสมัยก่อน ค่านิยมคล้ายรถเก๋งติดสปอยเลอร์ในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีตะเกียงที่ใช้พลังงานจากแก๊สก้อนอะเซตทีลีน ด้วยกระบวนการปล่อยนำลงมาที่ก้อนแก๊สให้ระเหิดออกมาเป็นไฟส่องทาง และยังมีรถในยุคนิยมมีกล่องอเนกประสงค์ใช้เก็บของด้านท้าย และยังมีแผ่นโฆษณาของรถจักรยานทั้งไทยและต่างประเทศให้ชมทั่วทั้งอาคารแสดงอีกด้วย
เรื่องราวการเดินทางของสองล้อถีบยังมีอีกมาก พร้อมให้ผู้รักจักรยานเข้ามาศึกษา โดยที่นี่เน้นย้ำเสมอว่า "ไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยว" ที่แวะเวียนมาได้ทุกเมื่อ แต่ยินดีให้ผู้ที่สนใจจริงๆ สามารถรวมกลุ่มหรือติดต่อขอเข้าชมแลกเปลี่ยนข้อมูลเรื่องจักรยานได้เต็มที่ โดยจะเปิดให้เข้าชมในเวลา 09.00-11.00 น. และ 14.00-16.30 น. โทรติดต่อสอบถามได้ที่ 0-5478-1359