
สาละวิน...สายน้ำยังไม่เปลี่ยนที่แดนชายขอบ
01 มี.ค. 2558
ชวนเที่ยว : สาละวิน...สายน้ำยังไม่เปลี่ยนที่แดนชายขอบ : เรื่อง / ภาพ ... สมศักดิ์ ลํ่าพงศ์พันธุ์
สายน้ำที่ไหลสงบเงียบท่ามกลางธรรมชาติป่าเขามาช้านาน บางครั้งก็เกิดเหตุการณ์สงครามของชนชาติคุโชนขึ้นมาเป็นครั้งคราว บนแผ่นดิน สายน้ำสาละวิน อันเป็นขอบประเทศด้านตะวันตกที่แบ่งกั้นแนวเขตแดนไทย-พม่า ด้วยสายน้ำที่ล้ำลึกแห่งชีวิตและการต่อสู้ บทเพลงแห่งสายน้ำสาละวินมีความเข้มข้น และดุดันประดุจสายน้ำที่ไหลปั่นป่วนในยามหน้าฝน จนเมื่อถึงหน้าแล้งสายน้ำแห่งนี้ก็หาได้หยุดความดุดันลงไปได้ อาจแตกต่างเพียงแค่สีสันของสายน้ำที่ใสและเย็นเยือก รวมทั้งสงครามแห่งชนชาติและผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นได้ตลอดฤดูกาล
เส้นทางท่องเที่ยวขอบเขตแนวป่าสาละวิน เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวน้อยคนจะรู้จัก หรือจะกล้าเข้าไปในพื้นที่มีภัยสงครามแฝงเร้นอยู่ ตลอดสายน้ำสาละวินจะมีพื้นที่อนุรักษ์ โดยเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสาละวินที่อยู่ทางตอนเหนือจนสิ้นสุดแนวเขตประเทศไทย ส่วนตอนกลางจากบ้านท่าตาฝั่งมาจนถึงบ้านแม่สามแลบ จะเป็นพื้นที่อุทยานแห่งชาติสาละวิน
เนื่องจากสายน้ำสาละวินที่ไหลผ่านประเทศไทยเป็นเส้นแบ่งเขตประเทศ เราเลยได้สำรวจบริเวณจุดแรกที่แม่น้ำสาละวินไหลเข้าประเทศ แล้วจะล่องเรือต่อไปยังตอนล่างจนสิ้นสุดลำน้ำสาละวินที่ไหลผ่านไทย บริเวณสบเมย ก่อนจะไหลพ้นเขตประเทศไทยออกไป
เรากำหนดเส้นทางเข้าไปยังแม่น้ำสาละวินทางตอนบน ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสาละวิน หมู่บ้านโพซอ มุ่งหน้าสู่สาละวิน ทางด้านซ้ายจะเห็นลำห้วยแงะไหลอยู่ในหุบเขาด้านล่าง เป็นลำห้วยใหญ่ไหลคดโค้งไปตามแนวป่า ก่อนจะไหลออกไปบรรจบกับแม่น้ำสาละวินที่ "สบแงะ"
บนเนินเขาสูงก็เป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์ป่าสบแงะสามารถมองเห็นสายน้ำห้วยแงะไหลลงสาละวิน ที่ไหลมาทางตอนเหนือผ่านแนวโตรกเขาคดโค้งลงไปทางตอนล่าง นานๆ ทีจะมีเรือหางยาววิ่งผ่านขึ้นลงส่งสียงคำรามกึกก้องไปทั่วขุนเขาและหุบลำน้ำ เนื่องจากช่วงสาละวินตอนบนค่อนข้างไกลและมีหมู่บ้านอยู่น้อย ต่างจากตอนล่างที่มีหมู่บ้านกระจายริมฝั่งน้ำทั้งไทยและพม่า ดังนั้นการสัญจรทางน้ำในช่วงตอนบนจึงมีน้อย
เราพักค้างแรมที่หน่วยสบแงะท่ามกลางธรรมชาติที่สงบเงียบคงมีสรรพเสียงสัตว์ป่าและสายน้ำที่ไหลไม่ขาดจังหวะวันรุ่งขึ้นเราก็ออกเดินทางขึ้นเหนือไปตามสายน้ำสาละวินไปให้ถึงสุดเขตแดนไทย
ออกเรือมาได้ประมาณ 20 นาที ก็มาถึงหน่วยฯ แม่แต๊ะหลวง เป็นหน่วยย่อยอีกหน่วยหนึ่งของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสาละวิน และถัดขึ้นมาไม่ไกลจะเป็นหน่วยฯ หน่อปานา ตั้งอยู่บนทำเลเนินสูง ในบริเวณหน่วยจะพบต้นไม้ผลเก่าแก่ คล้ายว่าที่แห่งนี้เคยเป็นหมู่บ้านมาก่อน แล้วมีการอพยพย้ายออกไป อย่างเช่น หมู่บ้านจอท่า เป็นหมู่บ้านกะเหรี่ยงอพยพที่เคยเป็นชุมชนใหญ่ แต่ถูกทหารพม่าเข้ามาโจมตีและเผาหมู่บ้าน เมื่อปี 2535 จนเหลือแต่พื้นที่ป่าว่างเปล่า
เราใช้เวลาเดินทางทวนกระแสน้ำสาละวินที่บางช่วงจะมีโขดแก่งน่ากลัว ต้องอาศัยความชำนาญของคนขับเรือ บางครั้งสวนทางกับเรือหางยาวขนาดใหญ่ที่ดัดแปลงไว้สำหรับขนวัวควายล่องลงมาขายในฝั่งไทย เป้าหมายปลายทางน่าจะเป็นบ้านแม่สามแลบ
ตามสายน้ำสาละวินมาจนถึง หน่วยผาแดง บรรยากาศค่อนข้างสงบเงียบและอ้างว้าง เป็นดินแดนที่ห่างไกลทุกสิ่งทุกอย่าง แต่กลับมีธรรมชาติที่สวยงาม เช่น น้ำตกผาแดง ที่อยู่หลังหน่วยฯ เดินไปไม่เกิน 10 นาที ก็จะได้เห็นแอ่งน้ำสีมรกตอยู่ท่ามกลางร่มเงาไม้ ประกอบด้วยสายน้ำตกขนาดเล็กไหลอย่างไม่ขาดสาย ที่เกิดจากห้วยผาแดง
เช้าวันรุ่งขึ้นจะเป็นวันที่ต้องเดินทางขึ้นไปพิสูจน์ธรรมชาติในดินแดนที่เร้นลับ การเดินทางอันแสนไกลที่เราต้องไปให้ถึงที่สุดเขตแดน และระหว่างทางจะแวะชม "บ่อกินรี" เป็นธรรมชาติที่สรรค์สร้างไว้ให้เราได้เยี่ยมชม
จากริมน้ำเหนือตลิ่งสูงขึ้นไปบนหาดชั้นบน เราจะพบกับแอ่งน้ำสีมรกต ขนาดไม่ใหญ่นัก กว้างประมาณ 4-5 เมตร ส่วนยาวขนานกับลำน้ำประมาณ 20 เมตร แอ่งน้ำสีมรกตแห่งนี้เกิดจากน้ำซับ เป็นน้ำหินปูนไหลมารวมเป็นแอ่งที่เกิดจากการสะสมของหินปูนและก่อตัวเป็นรูปทรงแอ่งน้ำขึ้นมา
ผืนน้ำสีเขียวมรกตเป็นเงาสะท้อนให้เห็นถึงความใสและระดับความลึก เลยขอบบ่อกินรีก็เป็นแม่น้ำสาละวินที่มีสีขุ่น ถัดไปเบื้องหลังเป็นเทือกเขา และผืนสีฟ้าในยามฟ้าใส จึงทำให้บรรยากาศของบ่อกินรีมีความงามอันบริสุทธิ์
เลยจากบ่อกินรีขึ้นไปไม่ไกลนักก็จะเป็นแนวเขตแดนไทย-พม่า และถือเป็นจุดเริ่มต้นของแม่น้ำสาละวินที่ไหลเข้าสู่เขตแนวชายแดนไทยกับพม่า ซึ่งดูตามภูมิประเทศแล้วก็ไม่เห็นอะไรที่จะบ่งบอกแนวเขตแดนที่ชัดเจนเลย
ขากลับเราเริ่มต้นจับระยะทางแม่น้ำสาละวินกันอย่างจริงจัง กด GPS กิโลเมตรที่ 0 แล้วล่องตามสายน้ำสาละวินลงไป โดยมีปลายทางที่สบเมย คาดว่าเราจะถึงให้ทันก่อนมืดแน่นอน
ล่องเรือมาสบแงะใช้เวลาสองชั่วโมงนิดๆ ได้ระยะทางไปประมาณ 66.7 กิโลเมตร จากนั้นมาแวะบ้านท่าตาฝั่ง ก็ยังเห็นโรงพักเก่าแก่ที่มีอายุร่วมร้อยปี อันแสดงให้เห็นความรุ่งเรืองของชุมชนในอดีต แม้กระทั่งบ้านแม่สามแลบที่เราได้พบเห็นความเปลี่ยนแปลงไปมาก อันดับแรกก็เป็นถนนราดยางเข้าไปถึง มีรถโดยสารประจำทาง ร้านค้าริมหาดถูกย้ายขึ้นมาอยู่ด้านบน บ้านเรือนปลูกสร้างถาวรมากขึ้น มีเสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือ
บ้านแม่สามแลบ เป็นศูนย์กลางการค้าทางน้ำสาละวินทั้งตอนบนและตอนใต้ อีกทั้งยังมีเส้นทางบกเชื่อมโยงไปยังหมู่บ้านกะเหรี่ยง บริเวณท่าเรือบ้านแม่สามแลบจะมีเรือหางยาวจอดกันหนาตา หากเป็นเรือลำใหญ่จะเป็นเรือที่ใช้บรรทุกวัวควายนำเข้ามาจากเขตพม่า ส่วนเรือบริการท่องเที่ยวแม่น้ำสาละวินก็จะมีป้ายบอกราคาเหมาลำไว้ชัดเจน ส่วนใหญ่แล้วนักท่องเที่ยวจะขึ้นไปเที่ยวที่บ้านท่าตาฝั่ง บ้านแม่กองคา หรืออุทยานแห่งชาติลุ่มน้ำคง (แม่น้ำสาละวิน) และเส้นทางตอนล่างก็เป็นสบเมย
จากบ้านแม่สามแลบมายังสบเมย เป็นระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตร ก็ถึงเป้าหมายปลายของการเดินทางบนสายน้ำสาละวิน เป็นจุดสิ้นสุดแนวเขตพรมแดนไทย-พม่ารวมเบ็ดเสร็จของการเดินทางบนสายน้ำสาละวินจากจุดบนสุดจนถึงจุดล่างสุด มีระยะทางประมาณ 129 กิโลเมตร
หาดสบเมย มีพื้นที่กว้างใหญ่ ด้านบนเนินมีบ้านพักหลายหลัง มีแม่น้ำเมยไหลชนแม่น้ำสาละวิน ที่เรียกว่า สบเมย จะลงไปข้างล่างอีกไม่ได้แล้ว เพราะเป็นเขตแดนพม่า แต่สามารถทวนน้ำเมยขึ้นไปได้ เพราะแม่น้ำเมยจะเป็นเส้นแบ่งเขตประเทศไทยกับพม่าอีกช่วงหนึ่ง
สบเมย เป็นภาพทัศนียภาพที่สวยงามตามธรรมชาติ ในยามเช้าจะมีสายหมอกแผ่ปกคลุมอย่างหนาทึบ มองเห็นสายน้ำสาละวิน ไหลเลือนหายจมไปกับม่านหมอกที่สบเมย ซึ่งเป็นการสิ้นสุดเขตแดนไทย แล้วเดินทางต่อไปไหลลงสู่มหาสมุทรอินเดียที่อ่าวเมาะตะมะ
การสำรวจเส้นทางแนวตะวันตกบนสายน้ำสาละวิน ยังคงเห็นภาพลักษณ์ของสายน้ำ ป่าเขา ชีวิตชนเผ่าที่ยังคงความเป็นธรรมชาติ แต่อนาคตข้างหน้าใครจะรู้ว่าสายน้ำแห่งนี้จะให้คำตอบออกไปทางใด หากมีโครงการเขื่อนใหญ่ๆ ผุดขึ้นมา
-------------------------
(ชวนเที่ยว : สาละวิน...สายน้ำยังไม่เปลี่ยนที่แดนชายขอบ : เรื่อง / ภาพ ... สมศักดิ์ ลํ่าพงศ์พันธุ์)