
มหาสมุทร & ทะเลทราย ใน 'นามิเบีย'
15 ก.พ. 2558
เที่ยวนี้ขอเล่า : มหาสมุทร & ทะเลทราย ใน 'นามิเบีย' : โดย...กาญจนา หงษ์ทอง [email protected]
นอกจากเรื่องของทะเลทรายนามิบ มหาสมุทรแอตแลนติก และนางงามนามิเบียที่มาคว้ามงกุฎมิสยูนิเวิร์สเมื่อคราวไทยเป็นเจ้าภาพการประกวดแล้ว ฉันแทบไม่รู้อะไรอีกเลยเกี่ยวกับประเทศนามิเบีย
แต่เมื่อถูกสายการบินเซาท์ แอฟริกัน แอร์เวย์ส์ (0-2635-1413) เชื้อเชิญให้เดินทางไปร่วมสำรวจประเทศนามิเบีย ฉันแทบไม่มีอะไรให้รั้งรอ เพราะรู้ดีว่า นามิเบียคือจุดหมายที่ใฝ่ฝันมานาน
อาจไม่ใช่ครั้งแรกที่ไปแอฟริกาใต้ แต่เป็นครั้งแรกที่บินกับสายการบินที่ใหญ่ที่สุดของแอฟริกาใต้ ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าค่อนข้างแปลกใจกับการบริการและความบันเทิงเริงใจบนเครื่อง ไปจนถึงสภาพเครื่องที่ดีกว่าที่จินตนาการไว้เยอะ เรียกว่าสะดวกสบายมาก แถมสายการบินนี้เขายังเป็นพันธมิตรเครือข่ายสายการบินสตาร์อัลไลแอนซ์อีกด้วย
ก่อนอื่น จากกรุงเทพฯ บินด้วยสายการบินคาเธ่ย์แปซิฟิก(0-2263-0606) ไปออกตัวที่ฮ่องกง เพราะเซาท์ แอฟริกัน แอร์เวย์ส์ เขามีเที่ยวบินไปโจฮันเนสเบิร์กและนามิเบียทุกวัน แต่ต้องบินจากฮ่องกงไปตั้งหลักที่โจฮันเนสเบิร์ก จากนั้นค่อยบินต่อไปหานครหลวงของนามิเบียอย่างเมืองวินด์ฮุก อาจจะบินหลายตลบหน่อย แต่พูดได้คำเดียวว่าคุ้มค่ากับการนั่งเครื่องบินนานๆ แน่นอน
เที่ยวนี้ได้ผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยวในแอฟริกาอย่างบริษัททอมสันส์ เกทเวย์ (www.thompsonsafrica.com) มาช่วยวางแผนการเดินทางในครั้งนี้ ทำให้ทริปนี้สะดวกและง่ายดายขึ้นเยอะ เพราะเขาจัดการให้ทั้งเรื่องเส้นทาง รถรา ไกด์ ไปยันที่พัก
จากโจฮันเนสเบิร์กไปราวๆ 2 ชั่วโมงเท่านั้น ก็ถึงวินด์ฮุก เมืองที่ได้ยินชาวเมืองออกเสียงแล้วอาจสงสัยเล็กน้อย เพราะเขาจะออกเสียงไปทางวินด์ทุก แทนที่จะเป็นวินด์ฮุก
บ้านเมืองของวินด์ฮุกสะอาดสะอ้านสมกับเป็นเมืองที่ใครๆ ก็บอกว่านี่คือเมืองที่สะอาดที่สุดในทวีปแอฟริกา
และมองผาดๆ แทบไม่น่าเชื่อว่านี่คือเมืองที่อยู่ในแถบแอฟริกาใต้ เพราะมีชาวต่างชาติอาศัยอยู่ในนามิเบียค่อนข้างเยอะ ทั้งหลายทั้งปวงเป็นเพราะนามิเบียเคยเป็นเมืองขึ้นของเยอรมนีมาก่อน
ซึ่งถ้าจะสืบสาวราวเรื่องของนามิเบียก็ต้องบอกว่า เป็นประเทศที่มีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจไม่ใช่น้อย เพราะก่อนเยอรมนีจะเข้ามาปกครอง โปรตุเกสเป็นชาติแรกที่เดินทางมาเจอแผ่นดินนามิเบียตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 แต่ตอนนั้น พวกโปรตุเกสไม่ได้สนใจ เพราะขึ้นเรือมาสำรวจแล้วเห็นว่าที่นี่ร้อนเหลือเกิน ร้อนเกินกว่าที่จะลงหลักปักฐาน
แต่หลังจากนั้นนามิเบียก็ตกเป็นสมบัติของเยอรมนีมาได้พักใหญ่ และถัดมาก็มาถูกครอบครองโดยแอฟริกาใต้อีกนานอยู่ 70 กว่าปี เพิ่งมาเป็นอิสระจากแอฟริกาใต้ ประกาศเป็นประเทศใหม่ของโลกเมื่อ 25 ปีที่ผ่านมานี้เอง จะเรียกได้ว่าเป็นประเทศน้องใหม่รุ่นราวคราวเดียวกับพวกโคโซโว บอสเนีย & เฮอร์เซโกเวนา
ถ้าจะสืบประวัติกันแน่นๆ คงต้องหาพิพิธภัณฑ์ดีๆ ซักแห่งในนามิเบีย แต่ความที่ทริปนี้ฉันมีภารกิจต้องไปสำรวจหลายมุมของนามิเบีย เรื่องอดีตของนามิเบียขอยกไว้สืบสาวกันทีหลัง
รถเคลื่อนมาถึง เมืองสวาคอปมุนด์ เมืองตากอากาศที่มีชื่อเสียงของนามิเบีย เมืองที่เห็นแล้วแทบไม่น่าเชื่อว่านี่คือเมืองที่อยู่บนแผ่นดินนามิเบีย เพราะอาคารบ้านเรือนที่เห็นอยู่ตรงหน้าอาบไว้ด้วยสีสัน
ใช่ ใช้คำว่าเมืองน่ารัก น่าจะเหมาะกับสวาคอปมุนด์ที่สุด
ฉันใช้เวลาสำรวจสวาคอปมุนด์ในระยะเวลาอันจำกัด ทั้งสำรวจสีสันของเมืองและเลยเถิดไปแวะที่พิพิธภัณฑ์คริสตัล ซึ่งเป็นของดีของเด่นของนามิเบีย จากนั้นจึงมุ่งหน้าไปยังวัลวิส เบย์ เมืองริมทะเลที่อังกฤษเคยแทรกตัวเข้ามาครอบครอง
ระหว่างทางอย่าได้เผลอหลับเชียว เพราะจังหวะนี้จะเห็นว่าไฮเวย์ที่วิ่งจากวัลวิส เบย์นั้น ด้านขวาเป็นมหาสมุทรแอตแลนติก ด้านซ้ายขนาบไว้ด้วยทะเลทรายนามิบ จึงเป็นความเพลิดเพลินของผู้โดยสารที่พากันลั่นชัตเตอร์ไม่หยุด เพราะนามิบคือทะเลทรายแห่งเดียวในโลกที่อยู่ริมมหาสมุทร
เพราะวิวงามแบบนี้ จึงแทบไม่มีใครเผลอหลับไปจนถึงวัลวิส เบย์ ที่นี่เป็นเมืองท่าใหญ่ที่สุดของนามิเบียที่ไม่ได้สายลมและแสงแดดคอยต้อนรับขับสู้นักท่องเที่ยวเท่านั้น แต่หากใครมีเวลาจะไปสำรวจสัตว์ในทะเลก็น่าสนุกไม่ใช่น้อย เพราะที่นี่มีทั้งนกหลายชนิด โลมาและแมวน้ำให้นักท่องเที่ยวได้ไปสำรวจกัน
แต่ร้อยทั้งร้อยของคนมานามิเบีย ไฮไลท์ที่ทุกคนหมายมั่นอยู่ที่ทะเลทรายนามิบ สำรวจวัลวิส เบย์กันเสร็จ จึงมุ่งหน้าไปหาทะเลทรายอันยิ่งใหญ่ของแอฟริกา
ค่าที่ทะเลทรายนามิบเก่าแก่และมีเนินทรายสูงชันที่สุดในโลก ทำให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกพากันแห่แหนมาที่นี่ เพื่อมาปีนไปบนสันทรายที่สูงกว่า 300 เมตรภายในอุทยานแห่งชาตินามิบ-นอคลัฟท์
เนินทรายอาจจะเป็นไฮไลท์ของการมาเยือนที่นี่ แต่ระหว่างทางที่ไปสู่อุทยานนั้น ต้องบอกว่ามีสีสันที่น่าใจไม่ใช่น้อย ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ป่าที่อาศัยอยู่ในเขตร้อนแล้ง โตรกผา หินสี และพืชที่ใช้ชีวิตอยู่ในทุ่งแล้งได้
ย้ำอีกที ว่าเป็นการเดินทางที่อาจจะยาวไกล แต่พลันที่เห็นทรวดทรงและสีสันของทะเลทราย พูดได้คำเดียวว่า คุ้มค่าเหลือเกิน
----------------------
(เที่ยวนี้ขอเล่า : มหาสมุทร & ทะเลทราย ใน 'นามิเบีย' : โดย...กาญจนา หงษ์ทอง [email protected])