ไลฟ์สไตล์

ร้องแก้ปัญหาผลกระทบขุดท่อก๊าซปตท.

ร้องแก้ปัญหาผลกระทบขุดท่อก๊าซปตท.

11 ก.พ. 2558

เปิดซองส่องไทย : ร้องแก้ปัญหาผลกระทบขุดท่อก๊าซปตท.

 
                           มูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรฯ นำทีมลงพื้นที่ชี้แจงถึงความเสียหาย กรณีมีโคลนสังเคราะห์ (เบนโทไนท์) ซึ่งเป็นสารที่ใช้ในการหล่อลื่นเพื่อการขุดเจาะท่อก๊าซจำนวนมากไหลเข้าท่วมพื้นสวนสมุนไพรหายาก สูงกว่า 5 นิ้ว กินพื้นที่ประมาณ 2 ไร่ ตลอดจนพื้นที่ทำกินของชาวบ้านที่ ต.เนินหอม อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี สร้างความเสียหายแก่สมุนไพรหายากอย่างน้อย 88 ชนิด ที่มูลนิธิสะสมองค์ความรู้จากหมอยาพื้นบ้านด้วยความยากลำบากมาเป็นเวลานาน 
 
                           สมุนไพรที่ได้รับความเสียหายส่วนใหญ่เป็นสมุนไพรที่ใช้ในงานวิจัยและอนุรักษ์จากภูมิปัญญาท้องถิ่น จากทุกภาคของประเทศ มูลค่าความเสียหายครั้งนี้จึงไม่สามารถประเมินค่าได้ ซึ่งที่ผ่านมาทางมูลนิธิไม่เคยได้รับคำเตือนถึงผลกระทบมาก่อน และแม้ขณะนี้จะแก้ปัญหาโคลนสังเคราะห์ทะลักเข้าสวนสมุนไพรได้แล้ว แต่ก็ยังคงต้องดูแลฟื้นฟูต้นสมุนไพรต่อไป 
 
                           ทางมูลนิธิจึงได้ร่วมกับประชาชนในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี จำนวนมากรวมตัวกันร้องเรียน กรณีได้รับผลกระทบจากการดำเนินการก่อสร้างวางท่อส่งก๊าซธรรมชาติ โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติ เส้นที่ 4 (ระยอง-แก่งคอย) ของ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ซึ่งนอกจากเรื่องโคลนสังเคราะห์แล้ว ยังมีผลกระทบรูปแบบอื่นที่ส่งผลต่อการดำรงชีพของคนในพื้นที่ด้วย อาทิ หน้าดินถูกทำลายไม่สามารถใช้ปลูกพืชใดๆ ได้ เกิดน้ำทะลักเข้าท่วมสวน การขุดเจาะของโครงการปิดเส้นทางสัญจรของชาวบ้าน ทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างยากลำบาก หรือแม้กระทั่งในเรื่องค่าชดเชยที่ไม่คุ้มค่ากับความเสียหายที่เกิดขึ้น 
 
                           ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร เลขาธิการมูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรฯ กล่าวว่า “ทางมูลนิธิได้ซื้อพื้นที่บริเวณเชิงเขาใหญ่แห่งนี้ เพื่อให้เป็นแหล่งรวบรวมสมุนไพรหายากและไว้เป็นแหล่งเรียนรู้ให้ประชาชนมาศึกษาและพัฒนาต่อยอด หรือสร้างแรงบันดาลใจในการที่จะรักและหวงแหนพันธุ์พืชสมุนไพร
 
                           โดยในพื้นที่ดังกล่าวมีการเพาะพันธุ์สมุนไพรและเก็บสะสมสมุนไพรไว้ประมาณ 1,095 ชนิด จากสมุนไพรที่มีอยู่ทั้งหมดอย่างน้อย 2,000 ชนิด ซึ่งในตำราต่างๆ มีบันทึกไว้เพียง 800 กว่าชนิดเท่านั้น ซึ่งทางมูลนิธิตั้งใจว่าจะส่งต่อมรดกเหล่านี้ให้แก่คนรุ่นหลังต่อไป 
 
                           สถานที่แห่งนี้นอกจากจะเป็นแหล่งสะสมสมุนไพรหายากแล้ว ทางมูลนิธิกำลังดำเนินโครงการอภัยภูเบศรเวชนคร ซึ่งจะเป็นแหล่งเรียนรู้สมุนไพรที่เชื่อมโยงกับภูมิปัญญาสมุนไพร สรรพคุณการรักษาแบบโบราณที่ใหญที่สุดในอาเซียน เป็นสถานที่ดูแลผู้สูงอายุแบบองค์รวม เป็นที่ศึกษาด้านการแพทย์แผนไทย เป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องของสมุนไพร มีการจัดนิทรรศการให้ความรู้ประชาชน ซึ่งในขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพันธุ์สมุนไพร ที่ดินที่เราซื้อจึงมีความสำคัญต่อการปฏิรูประบบสุขภาพในอนาคต ซึ่งในประเทศไทยเอง สมัชชาสุขภาพ ธรรมนูญสุขภาพก็ระบุชัดเจนว่า ให้บริการรักษาด้วยการแพทย์แผนไทยคู่ขนานกับแพทย์แผนปัจจุบัน ทั้งหมดนี้คือวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนที่ทางมูลนิธิซื้อที่ดิน
 
                           อภัยภูเบศรทำงานเกี่ยวกับสมุนไพรมากว่า 30 ปี เราทำมาอย่างต่อเนื่อง สมุนไพรไม่ได้อยู่ในแง่เศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว แต่มันคือภูมิปัญญาที่บรรดาหมอยาพื้นบ้านได้เก็บสั่งสมมาอย่างยาวนาน ผลกระทบที่ทำให้ต้นสมุนไพรตายในวันนี้ จึงเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเรามาก เพราะสมุนไพรบางชนิดอาจไม่สามารถหาได้อีกแล้ว”
การประชุมดังกล่าวทั้งสองฝ่ายได้มีการเสนอแนวทางร่วมกัน 2 ข้อ คือ 
 
                           1.ปตท.สามารถดำเนินโครงการในจุดเดิมได้ โดยการบริจาคเงินให้มูลนิธิไปซื้อที่ดินแปลงใหม่ในราคาประเมินปัจจุบันและจำนวนที่ดินเท่าเดิม หรือ 300 ล้านบาท ซึ่งพื้นที่เก่า ปตท.สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ตามเห็นสมควร
 
                           2.ย้ายแนวขุดเจาะไปเป็นตามแนวตะเข็บชายแดนด้านล่างของพื้นที่มูลนิธิ โดยทางจังหวัดจะช่วยเจรจากับเจ้าของพื้นที่ที่จะตัดผ่านก่อนถึงแนวถนน
 
                           ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายจะนำทั้ง 2 แนวทางไปพิจารณาและจะมีการประชุมหาข้อสรุปอีกครั้งในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2558 ในส่วนของเรื่องการฟ้องร้องที่ทางมูลนิธิได้ดำเนินการในเรื่องให้ย้ายแนวเขตวางท่อ และเรื่องค่าชดเชยที่ไม่เป็นธรรม ไปตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม 2556 นั้น ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการรอศาลปกคลองพิจารณา 
 
                           ชาวบ้านจังหวัดปราจีนบุรีที่ได้รับผลกระทบได้ไปยื่นหนังสือร้องเรียนที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) 
 
 
 
ตอบ
 
 
                           นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารความยั่งยืนและวิศวกรรมโครงการ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ชี้แจงว่า ปตท.เสียใจในเหตุที่เกิดขึ้นในพื้นที่ของมูลนิธิ ซึ่งเป็นผลมาจากการก่อสร้างของโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติเส้นที่ 4 (ระยอง-แก่งคอย) ซึ่งเชื่อมต่อโครงข่ายก๊าซธรรมชาติให้แก่ภาคไฟฟ้า อุตสาหกรรมในอนาคต 
 
                           สำหรับบริเวณที่เกิดเหตุมีเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ จากพื้นที่ 7 ไร่ ซึ่งอยู่ในการประกาศเขตระบบของโครงการ มีแนวเขตความกว้าง 20 เมตร ขนานไปกับเขตระบบสายส่งไฟฟ้าแรงสูงของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ตามได้รับความเห็นชอบของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ปตท.ได้ประสานงานชี้แจงขอโอกาสเข้าทำงานในพื้นที่ของมูลนิธิ แต่ ปตท.ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าดำเนินการ 
 
                           ดังนั้น เพื่อลดผลกระทบระหว่างการก่อสร้าง จึงจำเป็นต้องใช้การวางท่อโดยวิธีดึงท่อลอดใต้ดิน หรือ Horizontal Directional Drilling (HDD) โดย ปตท.ได้ส่งหนังสือชี้แจงให้ทราบความจำเป็นและแสดงเจตนาขอรับผิดชอบหากเกิดผลกระทบใดๆ ซึ่ง ปตท.พร้อมที่จะเข้าพื้นที่ทันทีเพื่อให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด 
 
                           อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทางจังหวัดได้เข้ามาร่วมแก้ไขปัญหา โดยแต่งตั้งคณะทำงานแก้ไขปัญหาโครงการวางท่อส่งก๊าซธรรมชาติเส้นที่ 4 (ระยอง-แก่งคอย) ปตท.ยินดีให้ความร่วมมืออย่างดีที่สุดเพื่อให้สามารถร่วมสร้างชื่อของแหล่งสมุนไพรไทย ควบคู่ไปกับการสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้แก่ประเทศได้ตามแผนพลังงานของชาติ
 
                           “จากเหตุที่เกิดขึ้นนี้ ปตท.เชื่อว่า หากได้รับโอกาสจากทางมูลนิธิ ปตท.จะสามารถควบคุมสถานการณ์และจำกัดผลกระทบไว้ได้ และจนถึงขณะนี้ ปตท.ยังขอยืนยันเจตนารมณ์ที่จะเข้าร่วมหารือกับมูลนิธิ เพื่อบรรเทาและเยียวยาเหตุที่เกิดขึ้น โดย ปตท.ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อพืชพันธุ์ไม้สมุนไพร โดยที่ ปตท.ได้ปลูกและดูแลพืชสมุนไพร ณ สวนสมุนไพรสมเด็จพระเทพฯ จ.ระยอง นานกว่า 30 ปีแล้ว และได้นำผลิตภัณฑ์ของอภัยภูเบศรซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ดี มาจำหน่าย ณ สวนสมุนไพรสมเด็จพระเทพฯ อีกด้วย โดยโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติเส้นที่ 4 (ระยอง-แก่งคอย) จะสร้างโครงข่ายและความมั่นคงทางด้านพลังงานเพื่อเศรษฐกิจของประเทศ ปตท. ขอยืนยันอีกครั้งว่า เรามีความจริงใจและตั้งใจเข้าไปแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นเพื่อประโยชน์ของประเทศในทุกด้าน” นายอรรถพล กล่าว
 
 
 
ต้องใช้หนี้แทน
 
 
                           ดิฉันมีปัญหาเรื่องค้ำประกันซื้อรถให้เพื่อนค่ะ คือว่า เพื่อนอยากออกรถเพื่อเอามาใช้ขายของ เนื่องจากเขาไม่มีเงินเดือนเป็นรายได้ประจำ ทำให้ไม่สามารถค้ำประกันได้ โดยใช้ชื่อของเพื่อนเป็นคนซื้อ แล้วดิฉันค้ำให้ ก็เห็นว่าเป็นเพื่อนที่คบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือตั้งแต่เด็กๆ แล้วดูแล้วก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร จึงได้ช่วยเหลือกัน 
 
                           หลังจากส่งรถได้ประมาณปีกว่า เพื่อนดิฉันก็ได้รับอุบัติเหตุเสียชีวิต ดิฉันก็เห็นสามีเขายังขับรถเรื่อยมา ก็ไม่เคยคิดว่า จะมีปัญหาเรื่องขาดส่ง จนกระทั่งเมื่อเดือนที่แล้ว มีเจ้าหนี้มาทวงกับดิฉันว่าจะมายึดรถ และถ้าไม่มีรถดิฉันต้องใช้หนี้เพราะเขาตามลูกหนี้ไม่ได้ 
 
                           ทำให้ดิฉันเครียดมากค่ะ เพราะสามีก็ไม่รู้เรื่องนี้ แล้วดิฉันมีลูก 2 คน มีภาระของตัวเองอยู่แล้ว หลังจากที่ทราบเรื่องก็พยายามติดตามสามีของเพื่อน แต่หาตัวไม่เจอเหมือนกันค่ะ พยายามไปที่อยู่ที่เขาเคยอยู่กับเพื่อนก็ปรากฏว่า เขาย้ายออกไปแล้ว เนื่องจากเป็นบ้านเช่า 
 
                           อยากทราบว่า ดิฉันต้องรับใช้หนี้แทนจริงๆ หรือคะ แล้วจะทำอย่างไรได้บ้าง หรือมีวิธีไหนที่จะต้องใช้หนี้แทนเขาได้บ้าง 
 
 
อรทัย
 
 
ตอบ
 
 
                           ศูนย์ปรึกษากฎหมายชุมชน อาจารย์ชลธิชา สมสอาด คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต แนะนำว่า เรื่องนี้เป็นปัญหาที่ยากต่อการจะปัดความรับผิดชอบ ซึ่งก็เหมือนกับที่เคยบอกในหลายๆ ครั้งว่า เมื่อได้ไปค้ำประกันให้ใคร ก็เท่ากับว่า คุณเป็นลูกหนี้คนที่สองตามกฎหมาย สามีของเพื่อนเป็นลูกหนี้คนที่หนึ่ง ในเมื่อเจ้าหนี้ตามลูกหนี้คนที่หนึ่งไม่ได้ เขาก็มีสิทธิที่จะมาตามกับคุณซึ่งเป็นลูกหนี้คนที่สอง 
 
                           ในเบื้องต้นพยายามติตตามหาสามีของเพื่อนให้ได้ โดยอาจจะคุยกับเจ้าหนี้ก่อนแล้วขอดูเอกสารทะเบียนบ้านขณะที่ใช้เพื่อซื้อรถว่า เป็นที่อยู่ที่ไหน แล้วหลังจากนั้นก็ตามตามที่อยู่ ถ้าเป็นที่อยู่ตามภูมิลำเนาก็อาจจะตามไปที่จุดนั้น เพื่อที่จะได้รู้ว่า เขาจะเอาอย่างไร หรือได้เพียงแต่รถมาคืนก็ยังดี เพราะจะทำให้คุณต้องชดใช้หนี้น้อยลง 
 
                           ถ้าเจ้าหนี้ไม่ตามหา คุณช่วยตามหา ถ้าเจอก็บอกให้เจ้าหนี้ไปตามเอาเอง อย่างนี้ก็จะช่วยได้มาก แต่ถ้าไม่ตามหา หรือตามหาแล้วไม่เจอ สุดท้ายแล้ว เจ้าหนี้ก็คงต้องฟ้องคุณและสามีของเพื่อน เจ้าหนี้มักจะฟ้องทั้งสองคนพร้อมกันเลย 
 
                           เมื่อถึงเวลานั้น ก็คงต้องอยู่ที่การพิจาณาของศาลว่าคุณจะต้องใช้หนี้แทนเพื่อนมากน้อยแค่ไหน