มหาวิทยาลัยอิหม่ามมูฮัมหมัดฯซาอุฯ
เปิดโลกการศึกษามุสลิม ตอน: มหาวิทยาลัย อิหม่ามมูฮัมหมัด -บิน สูอุด อัล-อิสลามิยะฮ์ กรุงริยาด ประเทศซาอุฯ
“ตอนนี้ผมจบปริญญาเอกแล้ว สาขาการเมืองการปกครองในอิสลาม ทำวิทยานิพนธ์ด้านการเมืองระหว่างประเทศ ศึกษาเปรียบเทียบระหว่างกฎหมายอิสลามและกฎหมายโลก อยากจะเป็นอาจารย์ประจำในมหาวิทยาลัยในประเทศไทย เพื่อมีส่วนร่วมในการเผยแผ่ศาสนาอิสลามควบคู่ไปกับกฎหมายทั้งด้านศาสนาและสากล ผมอยากจะเป็นส่วนหนึ่งในผู้พัฒนาประเทศชาติ พัฒนาสังคม พัฒนาคนให้อยู่กันอย่างมีความสุข บนความแตกต่างที่ไม่แตกแยก” นายอุสมาน ยูนุ กล่าว
หนุ่มลูกชาวสวน จาก จ.นราธิวาส “อุสมาน ยูนุ” ลูกของ มือลี ยูนุ กับ สิตีดือลีเยาะ ดือราแม เป็นลูกคนที่ 4 จากพี่น้องทั้งหมด 7 คน เริ่มต้นการศึกษาชั้นมัธยมปีที่ 1-3 ที่โรงเรียนอัครศาสตร์วิทยา อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส หลังจากนั้นต่อชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 ที่โรงเรียนบำรุงอิสลาม ต.ปูยุด จ.ปัตตานี จบที่บำรุงอิสลามชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 พร้อมระดับซะนาวี (ชั้น 10) ก่อนจะลัดฟ้าไปยังต่างประเทศ
“อุสมาน” เล่าว่า ตอนแรกได้รับคัดเลือกเข้าสอบเพื่อชิงทุนเพื่อศึกษาที่มหาวิทยาลัยมาดีนะห์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย แต่ชื่อออกช้า เลยตัดสินใจไปเรียนต่อที่ประเทศจอร์แดนด้วยทุนตัวเอง เรียนด้านภาษาอาหรับล้วนๆ เป็นเวลา 1 ปีเต็ม หลังจากนั้นได้รับทุนการศึกษาเพื่อไปศึกษาต่อที่ “มหาวิทยาลัยอิหม่ามมูฮัมหมัด บิน สูอุด อัล-อิสลามิยะห์ กรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย ชีวิตการเป็นนักศึกษาของ “อุสมาน” ในประเทศซาอุฯ ก็เริ่มขึ้น เริ่มแรกจะต้องเรียนในชั้นเตรียมภาษาอาหรับก่อน 2 ปี
หลังจากนั้นจะได้ทุนเข้าไปเรียนในระดับปริญญาตรี ซึ่งผู้ที่จะได้ทุนเรียนปริญญาตรีได้นั้น ต้องได้รับคัดเลือกจากระดับเตรียมภาษา คือ ต้องได้เกรดเฉลี่ย ดีมาก เท่านั้น และอุสมานเป็นนักศึกษาไทยกลุ่มแรกที่ได้รับทุนการศึกษาจากซาอุฯ หลังจากการตัดขาดด้านทุนการศึกษามานานเกือบ 10 ปี เมื่อกลายเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย “อุสมาน” ได้เลือกเรียนสาขากฎหมายอิสลาม เพราะส่วนตัวชอบสิ่งนี้ เพื่อนำไปเผยแผ่ศาสนาอิสลามที่ถูกต้องในบ้านเรา ซึ่งมีหลายสาขาที่ให้เลือก เช่น สาขาดะวะฮ์ (แนวทางการเผยแผ่ศาสนาอิสลาม) สาขาอูซูลุดดีน (หลักการศาสนาอิสลาม) สาขาภาษาอาหรับ ภาษาอังกฤษ การสื่อสาร สังคมศาสตร์ ประวัติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์อิสลาม
มหาวิทยาลัยอิมามฯ แห่งนี้ เป็นมหาวิทยาลัยขนาดใหญ่ มีนักศึกษาจากทั่วโลก จุดเด่นของมหาวิทยาลัยนี้คือ จะเคร่งครัดด้านวิชาการศาสนา เรียนยาก เข้มงวดในเรื่องระเบียบการเป็นอยู่ในมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะในบริเวณรั้วหอพักของมหาวิทยาลัย เป็นมหาวิทยาลัยที่มีการบริการด้านหอพักที่ดีที่สุด หนึ่งคนต่อหนึ่งห้อง ทุกอย่างไม่มีค่าใช้จ่าย และภายในรั้วหอพักจะมีการบริการและอำนวยความสะดวกแก่นักศึกษาทุกอย่าง ดังนั้นการทำอาหารเองในห้องพักเป็นที่ต้องห้าม เรื่องนี้ทำให้เด็กไทยเราต้องอดทนกับการกินอาหารอาหรับตลอดเทอม ยกเว้นบางช่วง ซึ่งอาจจะหลบๆ ซ่อนๆ ทำอาหารไทยบ้าง แต่ก็ต้องระวัง เพราะจะมีผู้ดูแลมาตรวจสอบเป็นระยะๆ
ส่วนการแต่งกาย จะแต่งกายอย่างอิสระ แล้วแต่ อาจจะใส่โต๊ปแบบคนอาหรับบ้าง หรือใส่แบบบ้านเรา แล้วแต่ความต้องการของเรา เพราะมหาวิทยาลัยไม่ได้บังคับอะไรในเรื่องนี้ ช่วงเวลาเรียนก็จะคลุกคลีกับเพื่อนอาหรับ เพราะนักศึกษาส่วนมากจะเป็นคนอาหรับ อีก 5% คือนักศึกษาต่างชาติ จุดนี้เองทำให้นักศึกษาที่จบจากที่นี้จะมีความชำนาญทักษะด้านภาษาอาหรับ เมื่อเทียบกับนักศึกษาที่จบจากมหาวิทยาลัยอื่นในซาอุฯ
ชีวิตการศึกษาที่แห่งนี้สนุก มีบรรยากาศที่ต่างจาก ต้องใช้ความอดทนในการเรียนสูง แต่ก็มีความสะดวกมากมาย เพราะมหาวิทยาลัยให้บริการทุกอย่าง ทั้งเงินเดือน ค่าตั๋วไปกลับทุกปี การพบปะระหว่างนักศึกษาก็มีเป็นระยะๆ ในนาม “ชมรมนักศึกษาไทย” ภายใต้การดูแลของสถานเอกอัครราชทูตไทยกรุงริยาด ท่านอุปทูตที่ปรึกษา ให้ความสำคัญกับนักศึกษาไทยอย่างดีมาโดยตลอด กิจกรรมส่วนมากจะจัดในนามชมรม หรือในนามมหาวิทยาลัย เช่น การจัดอบรม แข่งกีฬา
ขณะนี้ชมรมนักศึกษาไทยมีสมาชิกทั้งหมดเกือบ 85 คนแล้ว รวมทั้งหมดชายหญิง มุมมองของอุสมานต่อประเทศซาอุฯ ประเทศซาอุ เป็นประเทศหนึ่งที่มีการปกครองแบบระบบอิสลาม ซึ่งบางทีก็มีผลต่อนักศึกษาไทยมาก จะทำอะไรต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ยิ่งกฎหมายที่เกี่ยวกับการจัดระเบียบคนนอก การปราบอาชญากรรม และการค้ายาเสพติดจะเคร่งครัด นิสัยของอาหรับซาอุฯ จะออกแนวแข็งกระด้างนิดๆ ไม่ค่อยอ่อนโยนเหมือนคนไทย แต่ก็ทำให้ได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างจากสังคมที่นี้ เช่น ความกล้าหาญ กล้าแสดงออก ความใจบุญ การเคร่งครัดในเรื่องศาสนา
“อุสมาน” ทิ้งท้ายว่า หากจะมาเรียนที่นี้ หรือในประเทศซาอุดีอาระเบีย สิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึงคือ ความบริสุทธิ์ใจ ความอดทน ตั้งใจทุ่มเทกับการศึกษา ปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด ความสำเร็จก็อยู่แค่เอื้อมเท่านั้นเอง