ไลฟ์สไตล์

พลิกสวนเกษตรผสมผสานปลูกส้ม ย้อนสู่วิถีเดิมเกษตรกร 'หนองเสือ'

พลิกสวนเกษตรผสมผสานปลูกส้ม ย้อนสู่วิถีเดิมเกษตรกร 'หนองเสือ'

29 ม.ค. 2558

ทำมาหากิน : พลิกสวนเกษตรผสมผสานปลูกส้ม ย้อนสู่วิถีเดิมเกษตรกร 'หนองเสือ' : โดย...สุรัตน์ อัตตะ

 
                              ใครจะไปนึกว่า ส้มเขียวหวานแห่งทุ่งรังสิต ที่หลายคนคิดว่าจะเหลือเพียงตำนาน อันเป็นผลมาจากโรคระบาดอย่างต่อเนื่องโดยไม่ทราบสาเหตุเมื่อปี 2538 หรือที่ชาวสวนเรียกกันติดปากว่า ”เอดส์ส้ม” นั้น จะหวนกลับคืนมาอีกครั้ง หลังเกษตรกรจำนวนไม่น้อยไม่ประสบผลสำเร็จในการปลูกพืชชนิดอื่น แล้วหันมาปลูกส้มเขียวหวานดังเดิม เพียงแต่เปลี่ยนส้มพันธุ์ใหม่ จากพันธุ์บางมดและพันธุ์บางกรวยเดิม มาเป็นพันธุ์เขียวดำเนิน ที่ปัจจุบันบางรายก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้แล้ว 
 
                              อย่าง ลุงบุญล้อม พ่วงคล้าย เกษตรกรวัย 80 ปี อยู่บ้านเลขที่ 11/4 หมู่ 8 ต.นพรัตน์ อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี หนึ่งในเกษตรกรรุ่นบุกเบิกทำสวนส้มในทุ่งรังสิตรุ่นแรกๆ เมื่อกว่า 50 ปีที่แล้ว โดยเริ่มจากนำส้มพันธุ์บางมดมาทดลองปลูก จนประสบความสำเร็จ ก่อนขยายพื้นที่ปลูกเพิ่มในเวลาต่อมา
 
                              “ลุงเป็นคนราชบุรีอพยพมาอยู่หนองเสือเมื่อ 50 ปีที่แล้ว สมัยนั้นแถบนี้เป็นทุ่งนาและป่ารกร้าง ราคาที่ตอนนั้นไร่ละไม่กี่พันบาท ก็เลยซื้อไว้ 30 ไร่ ทดลองเอาส้มบางมดมาปลูก เพราะตอนนั้นส้มบางมดมีชื่อมาก ขายได้ราคาดี รสชาติอร่อยไม่แพ้แหล่งปลูกเดิม ตอนนั้นออกมาเท่าไหร่ขายหมด มีพ่อค้าแม่ค้ามารอรับซื้อถึงหน้าสวน”
 
                              ลุงบุญล้อม ย้อนอดีตอันหวานชื่นกับอาชีพทำสวนส้ม ก่อนจะต้องประสบปัญหาโรคระบาดอย่างหนักในปี 2538 จนเกือบสิ้นเนื้อประดาตัวเช่นเดียวกับเกษตรกรชาวสวนส้มรายอื่นๆ กระทั่งในปี 2547 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมพัฒนาที่ดินและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าไปดำเนินการแก้ปัญหาเพื่อหาทางพัฒนาสวนส้มร้างนับแสนไร่ในปี 2547 โดยมีการดำเนินการใน 2 แนวทาง คือ พัฒนาที่ดินเพื่อปลูกปาล์มน้ำมันและส่งเสริมทำการเกษตรแบบผสมผสานตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ทว่า ลุงบุญล้อมหันมาใช้แนวทางที่สอง พร้อมเร่งฟื้นฟูปรับสภาพดินให้กลับมามีความอุดมสมบูรณ์ดังเดิมเพื่อหวังจะมีโอกาสกลับมาทำสวนส้มใหม่อีกครั้ง  
 
                              “ตอนนั้นชาวสวนส้มส่วนใหญ่หันไปปลูกปาล์มน้ำมันกัน แต่ลุงไม่เอา เพราะไม่ถนัด เราทำสวนส้มมาเกือบทั้งชีวิตแล้วจะให้มาปลูกปาล์มน้ำมัน ปลูกพืชที่เรารู้และถนัดไม่ดีกว่าหรือ”
 
                              จากนั้นลุงบุญล้อมก็พลิกพื้นที่สวนส้มที่เจอปัญหาโรคระบาด โดยโค่นต้นส้มเก่าทิ้งแล้วหันมาปลูกพืชผักและไม้ผลแทน โดยเน้นพืชอายุสั้นจำพวกพืชผักเพื่อสร้างรายได้รายวัน และไม้ผล อาทิ กล้วย มะละกอ มะม่วง และมะนาว โดยใช้ร่องสวนเดิมที่ปลูกส้มเขียวหวาน ถึงแม้จะไม่มีรายได้เป็นกอบเป็นกำ เหมือนเมื่อครั้งปลูกส้ม แต่ครอบครัวพ่วงคล้ายก็สามารถอยู่รอดได้ ไม่อดตายและมีรายได้เข้ามาทุกวันเฉลี่ยวันละ 300-500 บาทจากการจำหน่ายพืชผักสมุนไพร อาทิ ขิง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด มะเขือ พริก ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีไม้ผลที่ให้ผลผลิตตลอดทั้งปี 
 
                              กว่า 20 ปีที่ลุงบุญล้อมและป้าลำไย พ่วงคล้าย สองสามีภรรยา ที่พลิกฟื้นแปลงสวนส้มเก่าทำเกษตรผสมผสาน ก่อนเริ่มต้นทำสวนส้มอีกครั้ง จนวันนี้ส้มพันธุ์ดำเนินที่ปลูกไว้มากว่า 3 ปี เริ่มให้ผลผลิตอีกครั้ง แม้ผลผลิตจะไม่ดีเหมือนก่อน แต่อย่างน้อยเป็นการเริ่มต้นที่ดี คาดกันว่าผลผลิตจากสวนน่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ 
 
                              “ที่คิดไว้ตอนนั้นทำตรงนี้แค่ทางผ่าน แล้วจะกลับมาทำสวนส้มอีกครั้ง แต่มันกลับทำให้เราอยู่รอดได้มาถึงทุกวันนี้ สิ่งที่ตั้งใจไว้ก็กลับมา นั่นก็คือสวนส้ม เพียงแต่เปลี่ยนพันธุ์จากบางมดเป็นพันธุ์ดำเนิน เนื่องจากลูกดก ลูกใหญ่ทนต่อโรคดีกว่า ไม่ร่วงหล่นง่าย” เจ้าของสวนส้มรายเดิมเผย 
 
                              พร้อมย้ำว่า สิ่งที่ได้มาอีกอย่างนั่นก็คือ พืชผักสมุนไพรและไม้ผลที่ปลูกแซมตามร่องสวน ซึ่งสามารถสร้างรายได้ระหว่างส้มให้ผลผลิตเป็นอย่างดี และที่สำคัญการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ที่ผลิตเองแทนปุ๋ยเคมี นอกจากช่วยลดต้นทุนแล้วยังเป็นผลดีต่อสุขภาพด้วย
 
                              ลุงบุญล้อมและป้าลำไย พ่วงคล้าย นับเป็นเกษตรกรชาวสวนส้มทุ่งรังสิตยุคแรกๆ แต่ไม่ยอมแพ้ภัยโรคร้าย จนในที่สุดก็หวนกลับมาปลูกไม้ผลที่ตัวเองถนัดอีกครั้ง
 
 
 
 
 
-------------------------
 
(ทำมาหากิน : พลิกสวนเกษตรผสมผสานปลูกส้ม ย้อนสู่วิถีเดิมเกษตรกร 'หนองเสือ' : โดย...สุรัตน์ อัตตะ)