ไลฟ์สไตล์

‘บรรณาธิการ’กับการท้าทายของสื่อใหม่!

‘บรรณาธิการ’กับการท้าทายของสื่อใหม่!

25 ม.ค. 2558

อมหมึก-เคี้ยวกระดาษ : ‘บรรณาธิการ’ กับการท้าทายของสื่อใหม่! จิตวิญญาณของ ‘บัณฑิต จันทศรีคำ’

 
              ท่านนายกสมาคมสมาคมภาษาและหนังสือแห่งประเทศไทยฯ เพื่อนนักเขียน นักข่าวและท่านผู้มีเกียรติทั้งหลาย
 
              การที่ท่านมาชุมนุมกันในที่นี้ เพื่อยืนยันคุณค่าและแบบอย่างของความเป็น "ครู" ของคุณนิลวรรณ ปิ่นทอง บรรณาธิการผู้มีคุณภาพที่สุดท่านหนึ่งของประเทศไทย ผมเองในฐานะผู้ที่ได้รับรางวัล รู้สึกภาคภูมิใจที่ได้รับเกียรติอันสูงส่งนี้
 
              เท่าที่จำความได้ ผมรู้จักคุณนิลวรรณ ปิ่นทอง และนิตยสารสตรีสาร จากพี่สาวที่นิยมอ่าน "สตรีสาร" และนิตยสารอื่นๆ ในยุควัฒนธรรมการอ่านที่เข้มแข็ง แต่วัยหนุ่มอันเร่าร้อน "นิตยสารการเมือง" ดูหอมหวานกว่า ชวนให้หลงใหลมากกว่า จึงนำพาชีวิตให้เดินไปบนเส้นทางอุดมการณ์ และความเชื่อ
 
              บนเส้นทางหนังสือพิมพ์ของผม เริ่มต้นด้วยประโยคที่ว่า "ใจรักที่จะทำ" มาแต่วัยเยาว์ แต่ก็ไม่เคยเรียนนิเทศศาสตร์-วารสารศาสตร์จากสำนักใด ได้เรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างจากการทำงานเป็นนักข่าว-นักเขียนอิสระ กับบรรณาธิการหลายคน ?บรรณาธิการเหล่านั้น ล้วนยืนยันในคำว่า ประสบการณ์เป็นสิ่งจำเป็นของนักหนังสือพิมพ์ทุกคน และการที่ได้เป็น
 
              "บรรณาธิการ" ล้วนอาศัยต้นทุนชีวิตคือ "ประสบการณ์" จากการอ่าน เขียน และการลงมือปฏิบัติอย่างมุ่งมั่นและอดทน
 
              ในอดีต ปรัชญาของบรรณาธิการ จะต้องมีศีลธรรม และมีรสนิยมที่ดี โดยหน้าที่ของบรรณาธิการนั้น ไม่เพียงแต่รับผิดชอบทางกฎหมายอย่างเดียว หากแต่รับผิดชอบทางศีลธรรม และมโนธรรมด้วย
 
              สำหรับปัจจุบัน เวลาเปลี่ยน โลกเปลี่ยน บรรณาธิการต้องมีภาระเพิ่มขึ้น ด้วยการแบกรับ "ความอยู่รอด" ขององค์กรหนังสือพิมพ์ด้วย และเมื่อจำเป็นที่ต้อง "เลือก" บรรณาธิการก็เลือกที่จะให้ความอิสระของหนังสือพิมพ์ดำรงอยู่ได้ ไม่เช่นนั้นความน่าเชื่อถือก็จะสิ้นไป
 
              การจัดการความสัมพันธ์ระหว่างกองบรรณาธิการกับฝ่ายจัดการทางธุรกิจ เป็นเรื่องที่พูดกันมานานแล้ว แต่มักจะปิดห้องคุยกันแบบ "วงใน" และเชื่อว่านักหนังสือพิมพ์ส่วนใหญ่ยังแยกแยะเรื่องดังกล่าวได้ เพื่อความอิสระแห่งวิชาชีพ และรักษาอาชีวะปฏิภาณ ให้คงไว้
 
              สิ่งที่ท้าทายอาชีพ "บรรณาธิการ" อีกอย่างหนึ่งคือ การเติบโตของสื่อใหม่ จากเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่ท้าทายสื่อเก่าอย่างหนังสือพิมพ์ และนิตยสาร จึงเกิดเป็นคำถามขึ้นบ่อยครั้งว่า ทิศทางของวารสารศาสตร์แห่งอนาคตจะเป็นอย่างไร?
 
              คนข่าวรุ่นใหม่ มักจะบอกว่า สื่อใหม่ทำให้ "ทุกคนเป็นนักข่าว" ชาวบ้านทั่วไปหรือ "นักข่าวพลเมือง" สามารถรายงานข่าว และส่งรูปชนิดทันเหตุการณ์ และอาจทำได้ดีกว่านักข่าวอาชีพ
 
              ภูมิศาสตร์ของการสื่อสารเปลี่ยนแล้ว นักข่าวถูกบังคับให้เปลี่ยน เขียนหนังสือได้ เขียนหนังสือเป็น ยังไม่พอต่อการทำงานในสมรภูมิข่าวยุคใหม่ หากแต่ต้องถ่ายภาพ และมีความชำนาญการในเทคโนโลยีสื่อใหม่
 
              คำพูดที่น่ากลัวสำหรับนักหนังสือพิมพ์อาวุโสในวันนี้คือ "อายุงานไม่เกี่ยว เพราะเมื่อลงสนามข่าว ทุกคนเท่าเทียมเสมอกัน"? บรรณาธิการที่มากประสบการณ์ จึงต้องยืนยันในจุดแข็งของหนังสือพิมพ์คือ ความน่าเชื่อถือ ความเป็นมืออาชีพในการทำข่าว?
 
              เมื่อถึงยุคแห่งการเติบโตของสื่อใหม่ บรรณาธิการก็ต้องปรับตัว บูรณาการระหว่างกระดาษ และสื่อออนไลน์เข้าด้วยกัน รวมทั้งบริหารจัดการว่าจะทำอย่างไรไม่ให้สื่อออนไลน์ไปกระทบหนังสือพิมพ์
 
              ในความรู้สึกส่วนตัวของนักหนังสือพิมพ์รุ่นเก่าจำนวนหนึ่ง จึงมองว่านิยามของข่าวเปลี่ยนไป สมัยหนึ่ง "ข่าวคืออะไรก็ได้ ที่บรรณาธิการที่ดีตัดสินใจตีพิมพ์" และเปลี่ยนมาเป็น "ข่าวคืออะไรก็ได้ ที่ผู้อ่านสนใจ"
 
              นอกจาก เทคโนโลยีการสื่อสารที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว บรรณาธิการยังต้องเผชิญกับสภาวะความขัดแย้งทางสังคมอันต่อเนื่องยาวนานมานับสิบปี
 
              อัลแบร์ กามูส์ นักเขียน-นักหนังสือพิมพ์ ยืนกรานว่า "นักหนังสือพิมพ์ที่ดี จะต้องให้ความสว่างแก่ผู้อ่าน หน้าที่ของเขาคือการบอกเล่าสาธารณชนเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น ในลีลาคล้ายๆ กับนักประวัติศาสตร์วันต่อวัน ที่ยึดสัจธรรมเป็นสรณะ"
 
              ในความเห็นของผม เห็นด้วยกับคำกล่าวของกามูส์อย่างยิ่ง และเชื่อว่า ความอิสระของหนังสือพิมพ์นั้น ยังเป็นหัวใจของงานหนังสือพิมพ์?
 
              สำหรับผม หน้าที่ของบรรณาธิการ มิเพียงแต่คัดเลือกข่าวในแต่ละสัปดาห์ หากยังต้องรับผิดชอบต่อผู้คนและสังคม ปลุกให้ผู้คนตื่นรู้ ด้วยข้อมูลข่าวสารที่กลั่นกรองจากประสบการณ์อันยาวนานกว่า 20 ปี
 
              ในวันที่อุดมคติถูกใส่สีตีความ และความเชื่อถูกแยกชิ้น เหมือนสินค้าถูกแยกประเภทตอบสนองความต้องการของลูกค้า นักหนังสือพิมพ์จึงต้องยืนหยัดในความเป็น "นักประวัติศาสตร์วันต่อวัน ที่ยึดสัจธรรมเป็นสรณะ"
 
              ผมยังมีความฝันว่า วันหนึ่งสังคมไทยของเรา จะเป็นชุมชนของมนุษย์ที่เติบโตทางปัญญากับความสงบสันติ และมั่นใจว่า วิถีแห่งบรรณาธิการของคุณนิลวรรณ ปิ่นทอง...ครูผู้ประเสริฐของผู้คนทั้งโดยทางตรงและทางอ้อม ยังคงมีผู้สืบทอดไม่ขาดสาย
 
              นักประพันธ์ผู้ยิ่งใหญ่ "อิงอร" บอกใครต่อใครว่า "ประกาศนียบัตรของนักเขียน นักหนังสือพิมพ์นั้น อยู่ที่ประชาชนจะมอบให้"
 
              ผมขอขอบคุณทุกท่านที่มอบรางวัลนี้ให้ผม โดยจะถือเป็นเกียรติภูมิแห่งชีวิตและเป็นกำลังใจตลอดไป