
ยาย่าง...ภูมิปัญญาการรักษาของหมอยาอีสาน
09 ม.ค. 2558
ดูแลสุขภาพ : ยาย่าง...ภูมิปัญญาการรักษาของหมอยาอีสาน
ยาย่าง เป็นวิธีบำบัดแบบพื้นบ้านที่พบมากในภาคอีสาน เป็นการใช้ความร้อนแห้งแบบห้องเซาน่า สมัยใหม่ แต่นอกจากความร้อนแล้ว ยังมีไอของสมุนไพรเป็นยาอยู่ด้วย หมอยาอีสานเชื่อว่า หากได้รับการกระแทกอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะตกต้นไม้ ควายชน รถชน ต้องย่างเพื่อกระจายเลือด ลดอาการบวม ไม่ให้เลือดที่เป็นลิ่มเป็นก้อนคั่งค้างอยู่ เพราะจะทำให้เจ็บป่วยเรื้อรัง นอกจากการย่างแล้ว จะมีการให้กินยาช่วยกระจายเลือด เช่น รากเจตมูลเพลิงแดง ฝาง น้ำตาล เป็นต้น
การย่างมีหลากหลายรูปแบบตามภูมิปัญญาของแต่ละท้องถิ่น ทั้งวิธีการและพิธีกรรมประกอบ เช่น การเตรียมสมุนไพร บางตำราก็ให้ปูสมุนไพรบนแคร่ได้เลย บางตำราต้องสับและตำก่อน จากนั้นจึงใช้ผ้าหม้อนิลหรือผ้าครามคลุมทับ แล้วก่อกองไฟใต้แคร่ มีทั้งก่อเพียงกองเดียว หรือก่อกองเล็กๆ หลายกองทั่วบริเวณใต้แคร่ บางแห่งก็ให้คนป่วยนอนบนแคร่โดยไม่ปูอะไรเลยแม้แต่ผ้า แล้วก่อกองไฟข้างใต้ นำสมุนไพรที่เตรียมไว้มาเผาไฟให้เกิดควันขึ้นไปรมผู้ที่อยู่บนแคร่
ส่วนพิธีกรรมประกอบย่างนั้น มีทั้งใช้คาถาดับพิษไฟก่อนทำการย่าง เชื่อว่าช่วยให้ผู้ที่ถูกย่างไม่มีอาการไหม้บวมแดงจากพิษไฟ และพิธีเรียกขวัญหรือช้อนขวัญ เพราะเชื่อว่าผู้ประสบอุบัติเหตุจนฟกช้ำนั้น เมื่อเกิดอาการตกใจ ขวัญก็ล่องลอยออกจากร่าง จึงต้องเชิญขวัญกลับมาเพื่อให้ผู้ป่วยกลับมาเป็นปกติทั้งร่างกายและจิตใจ
การย่างเพื่อรักษาโรคแต่ละอย่าง มีข้อขลำหรือข้อห้ามที่แตกต่างกัน คือ ย่างอัมพาต ห้ามกินหน่อไม้ กบ เขียด ไก่พันธุ์ ผักดิบ ผลไม้ดิบ อาหารดอง ปลาทะเล ปลาน้ำโขง ยาย่างแม่อยู่กรรมในช่วงแรกให้กินข้าวกับเกลือ ขิง ข้าวกี่ ช่วงต่อมาให้กิน ปลา กบ ไก่ดำได้ ห้ามกินผักชะอม ปลาดุก ปลาไหล ของดอง ส้มตำ เป็ด กุ้ง หอย ปลาไหล ปลาซิว ถั่วฝักยาว ห้ามของเย็น
ยาย่างแก้ฟกซ้ำจากอุบัติเหตุ เช่น ตกต้นไม้ ควายชน รถชน ห้ามของเย็น ห้ามกินของหมักดอง ห้ามอาหารรสจัด ห้ามกินไก่ ไม่ให้ลุกจากแคร่บ่อย ให้กินน้ำอุ่น หลังย่างห้ามอาบน้ำทันที ให้เวลาผ่านไปอย่างน้อย 1 ชั่วโมง ไม่ทำงานหนัก
วิธีการย่าง
1.นำแคร่วางไว้บริเวณลานโล่ง หรือใต้ถุนบ้านทรงสูงที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก
2.ปูสมุนไพรด้านบนแคร่ให้ทั่ว หากตำรับยามีการใช้แกลบ ให้นำไปคลุกกับสมุนไพรที่เป็นชิ้นเล็กๆ หรือถ้าสมุนไพรไม่ได้ย่อยขนาด อาจโรยแกลบทับสมุนไพร และปูผ้าหม้อนิลหรือผ้าครามทับอีกชั้น ในบางตำรับให้น้ำผ้าไปชุบน้ำพอหมาดก่อนนำไปคลุมทับสมุนไพร
3.การให้ความร้อนส่วนใหญ่จะนำสังกะสีมาเป็นที่รองถ่าน แล้วเกลี่ยให้ทั่ว ต้องควบคุมความร้อนให้เหมาะสมและสม่ำเสมอ ไม่ร้อนเกินไปจนทำให้เกิดการพองไหม้
4.ก่อนทำการย่าง จะต้องให้ผู้ป่วยชำระล้างร่างกายให้สะอาด ซึ่งจะช่วยให้การักษามีประสิทธิภาพดี
5.ให้ผู้ป่วยสวมใส่เสื้อผ้าที่ถ่ายเทความร้อนได้ดี แล้วให้นอนบนแคร่ที่เตรียมไว้ ห่มทับด้วยผ้าอีกชั้น โดยต้องมีการเฝ้าระวังสอบถามความรู้สึกของผู้ป่วยว่าทนความร้อนได้หรือไม่ เพื่อป้องกันไม่ให้ความร้อนมากเกินไปจนผิวหนังลวกพอง
6.การย่างจะใช้ระยะเวลาที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของอาการป่วย แต่ละชุมชนจะมีเกณฑ์ในการพิจารณาที่ต่างกัน มีทั้งการย่างเป็นช่วงในแต่ละวัน หรือการนอนอยู่บนแคร่ย่างตลอดเวลาต่อเนื่องกัน โดยมีหมอและญาติดูแลอย่างใกล้ชิด
7.เมื่อผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น หรือรู้สึกเบาตัวให้หยุดการย่าง
สมุนไพรที่ใช้ย่าง มีอยู่หลายชนิดและหลายตำรา แต่มีอยู่ 2 ชนิด ที่ไม่ว่าจะรักษาอาการเจ็บป่วยอะไร ถ้าหาสมุนไพรตัวอื่นไม่ได้ขอให้มีแค่สมุนไพร 2 อย่างนี้ก็ย่างได้ คือ เปล้าใหญ่ และหนาด ส่วนสมุนไพรที่นิยมใช้รองลงมา คือ พลับพลึง พืชที่มีน้ำมันหอมระเหย อย่างชมชื่น(เขยตาย) พืชตระกูลขิงข่าอย่างขมิ้น และใส่แกลบเป็นตัวช่วยเก็บความร้อน
ตำรับยาย่าง
ยาย่างแม่อยู่กรรม
ตำรับที่ 1 ใช้ใบเปล้าสด ใบหนาดสด อย่างละ 1-2 กิโลกรัม ก่อเตาไฟไว้ใต้แคร่ บนแคร่ปูเสื่อให้ผู้ป่วยนอนคลุมผ้า เอาสมุนไพรใส่เตาไฟทีละน้อยให้ควันลอยขึ้นหาผู้ป่วย
ตำรับที่ 2 ใช้เปลือกอีฮุมสด(มะรุม) ใบหนาดใหญ่สด ใบเจตมูลเพลิงแดงสด ใบเจตมูลเพลิงขาวสด ใบอ้ม ใบ-ต้นเนียมแม่ช้าง ใบเปล้า อย่างละ 1 กิโลกรัม นำสมุนไพรปูให้เต็มแคร่ แล้วให้ผู้ป่วยนอนทับโดยไม่ต้องใช้เสื่อหรือผ้าปูรอง เอาผ้าหม้อนิลชุบน้ำบิดพอหมาดๆ ห่มผู้ป่วยไว้ แล้วก่อไฟไว้ใต้แคร่
ยาย่างแก้ฟกซ้ำจากการตกต้นไม้ รถชน
ตำรับที่ 1 ใช้ใบเปล้าสด ใบหนาดสด ใบชมชื่นสด(เขยตาย) อย่างละ 2-3 กิโลกรัม เอาแผ่นสังกะสีแล้วก่อไฟถ่านเกลี่ยไฟให้ทั่ว วางไว้ใต่แคร่ ให้ผู้ป่วยห่มผ้าโดยไม่ต้องเอาอะไรปูพื้นแคร่ นำสมุนไพรปกลงบนถ่านให้ควันลอยขึ้นหาผู้ป่วย
ตำรับที่ 2 ใช้ใบและกิ่งเปล้าใหญ่สด ใบหนาด จำนวนมาก ใบว่านซน 7-8 ใบ ข้าวเปลือกแช่น้ำ 3-4 กิโลกรัม เอาใบเปล้าใหญ่ ใบหนาด ปูลงบนแคร่ไม้ไผ่ให้หนาพอควร เอาใบหว่านซนปูลงทับเป็นช่วงๆ ข้าวเปลือกโรยทับ จากนั้นเอาเสื่อปูทับอีกครั้งหนึ่ง ให้ผู้ป่วยนอนห่มผ้าด้านบน ก่อไฟใต้แคร่และให้เอาใบเปล้าใหญ่ ใบหนาดคลุมไฟ ให้ควันลอยขึ้นหาคนป่วย จะไม่มีการเปลี่ยนสมุนไพรจนแล้วเสร็จ