ไลฟ์สไตล์

โทรไม่ขับ...ช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนน

โทรไม่ขับ...ช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนน

23 ธ.ค. 2557

ดูแลสุขภาพ : โทรไม่ขับ...ช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนน

 
                            การเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนมีปัจจัยหลายประการเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยที่ปัจจัยด้านความพร้อมของผู้ขับขี่เป็นปัจจัยประการสำคัญนอกเหนือจากปัจจัยด้านสภาวะแวดล้อมและสภาพของรถ เมื่อเห็นภาพข่าวการเกิดอุบัติเหตุ เรามักจะนึกถึงผู้ขับขี่ที่อยู่ในสภาพเมา หลับในหรือไม่ชำนาญเส้นทาง แต่เราไม่เคยตระหนักกันว่าการเสียสมาธิในขณะขับรถ เป็นสาเหตุที่สำคัญประการหนึ่งที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน โดยพฤติกรรมที่ทำให้ผู้ขับขี่เสียสมาธิ ได้แก่ การคุยกับผู้อื่น ไม่ว่าจะคุยกับผู้โดยสารคนอื่นในรถหรือคุยโทรศัพท์ การปรับเครื่องเสียงหรือวิทยุ การรับประทานอาหารหรือดื่มเครื่องดื่ม การแต่งหน้า แต่งตัว จัดทรงผม และการมีกิจกรรมกับเด็กเล็กที่นั่งอยู่เบาะหลัง
 
                            การใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถทำให้มีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุสูงขึ้น เนื่องมาจากปัจจัยหลักสามประการ คือ ปัจจัยด้านกายภาพ ปัจจัยด้านการมองเห็น และปัจจัยด้านสมาธิการตัดสินใจ การคุยโทรศัพท์โดยที่ใช้มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์และอีกข้างหนึ่งจับพวงมาลัย ทำให้ไม่สามารถบังคับทิศทางของรถได้สะดวกโดยเฉพาะเมื่อเกิดเหตุการณ์กะทันหันเฉพาะหน้า และหากเป็นรถที่มีระบบเกียร์ธรรมดาด้วยแล้ว ยิ่งมีความเสี่ยงเนื่องจากต้องปล่อยมือข้างที่จับพวงมาลัยมาจับที่คันเกียร์เพื่อเปลี่ยนเกียร์ หรือบางคนอาจใช้หัวไหล่หนีบโทรศัพท์ไว้กับหูซึ่งก็จะทำให้ผู้ขับขี่ไม่สามารถชำเลืองมองกระจกส่องท้ายและกระจกด้านข้างรถได้ 
 
                            การใช้อุปกรณ์เสริมชนิดต่างๆ ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถใช้งานโทรศัพท์ได้โดยไม่ต้องใช้มือสัมผัสโทรศัพท์ เช่น การใช้บลูทูธเชื่อมสัญญาณโทรศัพท์กับเครื่องเสียงในรถ หรือการใช้เสียงสั่งการเพื่อรับสายหรือโทรออก ก็จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุจากปัจจัยด้านกายภาพและปัจจัยด้านการมองเห็นลงได้ แต่อย่างไรก็ดี การคุยในขณะขับรถ ไม่ว่าจะคุยกับผู้โดยสารที่นั่งอยู่ในรถคันเดียวกันหรือคุยโทรศัพท์โดยจะใช้อุปกรณ์เสริมหรือไม่ก็ตาม จะทำให้ผู้ขับขี่เสียสมาธิและทำให้ตอบสนองต่อสัญญาณจราจรและเหตุฉุกเฉินต่างๆ ได้ช้าลงและมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุสูงขึ้นกว่าผู้ที่มีสมาธิจดจ่ออยู่กับการขับขี่ จากการวิจัยพบว่า การสูญเสียสมาธิขณะขับขี่เป็นสาเหตุหลักประการหนึ่งของการเกิดอุบัติเหตุ 
 
                            โดยการโทรศัพท์ขณะขับรถไม่ว่าจะใช้มือถือโทรศัพท์หรือใช้อุปกรณ์เสริม ก็มีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงพอๆ กันคือ ผู้ใช้อุปกรณ์เสริมมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุสูงกว่าการขับขี่ปกติสี่เท่า และผู้ที่ไม่ใช้อุปกรณ์เสริมมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุสูงกว่าการขับขี่ปกติห้าเท่า จะเห็นว่า การใช้อุปกรณ์เสริมที่ช่วยให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องใช้มือถือโทรศัพท์ในขณะขับรถ แม้จะลดความเสี่ยงจากปัจจัยทางกายภาพได้ แต่ความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุจากการเสียสมาธินั้นยังสูงอยู่มาก 
 
                            ซึ่งนักกฎหมายตีความพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์มือถือตามกฎหมายนี้ไว้ว่า ครอบคลุมทั้งการสนทนา กดหมายเลขเพื่อโทรออก รับสายโทรเข้า ฟังเพลง เล่นเกม รับ-ส่งหรือดูข้อความหรือพิมพ์ข้อความเอสเอ็มเอสหรืออีเมล ดูภาพ และกิจกรรมอื่นๆ ที่โทรศัพท์เคลื่อนที่สามารถทำงานได้ ถือเป็นการใช้โทรศัพท์ทั้งสิ้น แต่การกระทำดังกล่าวจะมีความผิดเมื่อผู้ขับขี่ถือหรือจับโทรศัพท์ในขณะขับรถ หากเพียงแต่เปิดลำโพง (สปีคเกอร์ โฟน) แล้ววางโทรศัพท์ไว้ข้างๆ ขณะสนทนา หรือเปิดเพลงจากลำโพง แล้ววางโทรศัพท์ไว้ โดยไม่ได้ถือหรือจับโทรศัพท์ ก็ไม่ถือว่าครบองค์ประกอบในการทำผิดตามข้อหานี้ 
 
                            อย่างไรก็ดี ข้อมูลจากการวิจัยแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า การใช้มือถือหรือจับโทรศัพท์ในขณะขับรถหรือไม่นั้น ไม่ใช่สาระสำคัญ แต่การคุยโทรศัพท์ในขณะขับรถทำให้ผู้ขับเสียสมาธิและมีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุสูงกว่าการขับปกติสี่เท่า ผลงานวิจัยดังกล่าว อาจเป็นประโยชน์ในการพิจารณาปรับปรุงกฎหมาย ข้อบังคับต่างๆ ในอนาคต รวมทั้งเป็นข้อมูลสำหรับการเรียนการสอนในสถานศึกษา การให้ความรู้แก่ประชาชน การรณรงค์งดใช้โทรศัพท์ในขณะขับรถ และมารยาทในการใช้โทรศัพท์เมื่อทราบว่าคู่สนทนากำลังขับรถอยู่ เพื่อให้เกิดการขับขี่อย่างปลอดภัย
 
                            ศูนย์วิจัยสุขภาพกรุงเทพ มีข้อแนะนำวิธีปฏิบัติเพื่อให้การขับรถมีความปลอดภัย คือหากขับรถในระยะทางใกล้ๆ ใช้เวลาจนถึงที่หมายไม่นานนัก ไม่ควรรับสายหรือโทรออกจนกว่าจะถึงที่หมาย หากขับรถระยะทางไกลและใช้เวลานาน ควรกำหนดจุดหยุดพัก เช่น หยุดพักทุกหนึ่งชั่วโมง แล้วค่อยโทรศัพท์เมื่อถึงจุดหยุดพัก หากจำเป็นต้องใช้โทรศัพท์ในขณะขับรถ ควรจอดรถข้างทางในที่ที่ปลอดภัยแล้วจึงโทร หากอยู่ในที่ที่รถติดหรือจำเป็นต้องขับรถต่อไป ควรขับชิดซ้ายและชะลอความเร็วลง เตรียมอุปกรณ์เสริมให้พร้อมใช้งาน เมื่อเริ่มสนทนา ควรแจ้งให้คู่สนทนาทราบว่าเรากำลังขับรถอยู่และใช้เวลาในการพูดคุยให้สั้นที่สุด หลีกเลี่ยงเรื่องสนทนาที่ทำให้เศร้า โกรธ หงุดหงิดหรืออารมณ์เสีย และไม่รับหรือส่งเอสเอ็มเอสหรืออีเมลในทุกกรณี เท่านี้ก็เป็นการช่วยลดอุบัติเหตุได้อีกทางหนึ่ง
 
 
 
 
 
ศูนย์วิจัยสุขภาพกรุงเทพ 
 
เครือโรงพยาบาลกรุงเทพ