
สร้างโรงงานในพื้นที่สีเขียว
05 ธ.ค. 2557
เปิดซองส่องไทย : สร้างโรงงานในพื้นที่สีเขียว : โดย...ลุงแจ่ม
บริเวณหมู่ 13 ต.เขาขลุง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นโรงงานน้ำตาลราชบุรี ตอนนี้กำลังมีการก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมทำปุ๋ย ซึ่งพื้นที่บริเวณนี้เป็นพื้นที่สีเขียว (ห้ามก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรม) ก็ไม่ทราบว่าทำไมถึงสร้างโรงงานอุตสาหกรรมแห่งนี้ขึ้นมาได้ ผ่านกระบวนการอนุญาตจากตรงไหน
ชาวบ้านบริเวณนี้ได้รับความเดือดร้อนจากการสร้างโรงงานอุตสาหกรรมแห่งนี้เป็นอย่างมาก เพราะทำให้มีฝุ่นละออง ทำให้เกิดอาการคันตามเนื้อตามตัว หายใจไม่สะดวก อาจทำให้เกิดอันตรายในการหายใจเอาฝุ่นละอองเข้าไปได้ เด็กๆ ในบริเวณนี้ต่างเกิดอาการแสบจมูกกันมากมาย กระทั่งผู้ใหญ่ยังทนไม่ได้ ประสาอะไรเด็กๆ จะทนได้กับฝุ่นละอองที่เกิดจากโรงงานอุตสาหกรรมแห่งนี้
โรงงานอุตสาหกรรมแห่งนี้อยู่ในความรับผิดชอบของ องค์การบริหารส่วนตำบลเขาขลุง อยากทราบว่า อบต.รู้เรื่องนี้บ้างไหม ถ้ารู้เรื่องแล้วทำไมไม่จัดการกับโรงงานอุตสาหกรรมแห่งนี้ หรือถ้ายังไม่รับรู้ก็ขอให้เข้ามาแก้ไขให้ชาวบ้านด้วย กรุณาลงมาดูพื้นที่ของตัวเองบ้างว่าชาวบ้านเป็นอย่างไร
จำรัส
ตอบ
นายสมบัติ เทพรส นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เขาขลุง จ.ราชบุรี ชี้แจงว่า บริเวณตรงนั้นไม่ได้สร้างเป็นโรงงานอุตสาหกรรมแต่อย่างใด แต่ได้สร้างเป็นโกดังเก็บสินค้า ไม่ได้เป็นโรงงานอุตสาหกรรม และโกดังแห่งนี้ก็ได้ดำเนินการขออนุญาตทำโกดังเก็บสินค้ากับอบต.เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
การที่จะสร้างเป็นโรงงานอุตสาหกรรมนั้น โรงงานต้องขออนุญาตจากอบต.ก่อน แล้วอบต.ก็จะทำประชาคมกับชาวบ้าน แล้วเสนอในที่ประชุม อบต.อีกครั้งหนึ่งเพื่อพิจารณาอนุมัติ แต่บริเวณนี้ได้ขอสร้างเป็นโกดังเก็บสินค้า อบต.ไม่อนุญาตให้สร้างเป็นโรงงานอุตสาหกรรมได้
เรื่องนี้อาจเป็นการเข้าใจผิดของชาวบ้านในบริเวณนี้ก็ได้ และสมาชิกใน อบต.แต่ละหมู่ก็ทราบเรื่องนี้ดี โดยนายก อบต.ก็ให้สมาชิกของแต่ละหมู่เข้าไปประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านที่ตัวเองเป็นสมาชิกให้รับรู้ว่า บริเวณพื้นที่สีเขียวแห่งนี้ไม่ได้สร้างเป็นโรงงานอุตสาหกรรมแต่อย่างใด
แต่ตอนนี้การสร้างโรงงานอุตสาหกรรมได้เปลี่ยนแปลงการใช้งานมาแล้วจากผังเมืองรวม เปลี่ยนว่าตามจุดเช็กผังเมืองว่าจุดไหนสามารถสร้างโรงงานได้ ผังเมืองใหม่ออกมาแล้ว โดยการประชุมผังเมืองจังหวัดเสนอไปที่ส่วนกลางแล้วประชุมเป็นผังเมืองกลางใหม่ออกมาแล้ว บางทีสามารถสร้างโรงงานอุตสาหกรรมได้ แต่ต้องผ่านการประชาคมจากหมู่บ้านก่อนถึงจะสร้างได้
ลุงแจ่ม
สามี(ตัวดี)แบ่งสินสมรส
ดิฉันมีเรื่องร้อนใจเกี่ยวกับครอบครัวอยากสอบถาม เรื่องมีอยู่ว่า ดิฉันได้แต่งงานอยู่กินกับสามี โดยที่เราจดทะเบียนสมรสกันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่เนื่องจากมีปัญหา ซึ่งทำให้ไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้
ดิฉันจึงมีข้อสงสัยอยากจะสอบถามว่า หลังจากที่คู่สามีภรรยาจดทะเบียนสมรสกัน โดยภรรยามีเงินสดติดตัวก่อนสมรส 100,000 บาท มีมรดกตกทอดจากบิดามารดาเป็นที่ดิน 4 ไร่ ถ้าเกิดการฟ้องหย่ากัน ทรัพย์สินที่เป็นของฝ่ายหญิงต้องแบ่งทรัพสินด้วยหรือไม่ และหลังจดทะเบียน ฝ่ายหญิงได้ซื้อบ้านแต่เพียงผู้เดียวโดยใช้เงินส่วนตัวไม่ได้ขอเงินผู้ชาย หลังหย่าต้องแบ่งทรัพย์สินนั้นหรือไม่คะ
น้องเล็ก
ตอบ
ศูนย์ปรึกษากฎหมายชุมชน ผศ.ยศศักดิ์ โกไศยกานนท์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต แนะนำเรื่องนี้ว่า ตามกฎหมายแล้ว เมื่อสามีภรรยาแต่งงานและจดทะเบียนสมรสกัน ในทางกฎหมายถือเป็นบุคคลคนเดียวกัน ทรัพย์สินที่หามาได้หลังจากแต่งงานเรียกว่า "สินสมรส" รวมความหมายไปถึงทรัพย์สินที่งอกเงยจากสินส่วนตัวด้วย ดังนั้น หากสามีภรรยาแยกทางจากกัน หรือหย่าขาดจากกัน ทรัพย์สินส่วนที่เป็นสินสมรสนี้ต้องแบ่งกันคนละครึ่ง
กรณีที่ตกลงกันได้ ก็อาจจะตกลงกันว่า ใครจะแบ่งเอาทรัพย์สินส่วนไหนไป แต่ถ้าตกลงกันไม่ได้ทุกอย่างต้องแบ่งหารครึ่งกันหมด
กรณีเรื่องของคุณนี้ ทรัพย์สินที่เป็นเงินสดที่มีอยู่ก่อนแต่งงาน และที่ดินที่แม่ให้มาก่อนแต่งงานถือเป็นสินส่วนตัว เมื่อคุณมีปัญหาจะเลิกกับสามี สามีจึงไม่มีสิทธิใดๆ ในส่วนที่เป็นทรัพย์สินส่วนตัวของคุณ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องแบ่งให้สามี เพราะเป็นสมบัติที่พ่อแม่ของคุณให้มา
ส่วนในเรื่องของบ้าน ซึ่งเป็นชื่อของคุณนั้น แม้คุณจะเป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด แต่ก็เป็นสิ่งที่ได้มาหลังจากแต่งงานแล้ว ในทางกฎหมายก็ยังถือว่าเป็นสินสมรส แต่เนื่องจากสามีก็รู้อยู่ว่าคุณเป็นเจ้าของ และจ่ายเงินเอง ถ้าสามีไม่ได้ร้องขอให้แบ่ง คุณก็ไม่จำเป็นต้องแบ่งให้สามี แต่ถ้าสามีร้องขอให้แบ่ง โดยอ้างว่า เป็นทรัพย์สินที่ได้มาหลังจากแต่งงานแล้ว ซึ่งเป็นสินสมรสเมื่อหย่าขาดจากกันก็ต้องแบ่งกันคนละครึ่ง กรณีคุณก็ร้องต่อศาลในเรื่องนี้ได้ โดยให้ข้อว่า บ้านเป็นชื่อของคุณ พร้อมกับคุณเป็นผู้ที่ออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด ซึ่งตรงนี้ก็จะช่วยได้มาก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลว่า จะออกมาเป็นอย่างไร
ลุงแจ่ม