
'พยาบาล' ชอบดุว่าคนไข้ เสียงดังใส่
04 พ.ย. 2557
เปิดซองส่องไทย : 'พยาบาล' ชอบดุว่าคนไข้ เสียงดังใส่ : โดย...ลุงแจ่ม
ผมมีเรื่องที่จะรบกวน ลุงแจ่ม นสพ.คมชัดลึก ผ่าน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 17 จังหวัดสุพรรณบุรี สำเนาส่งถึง สสจ. สุพรรณบุรี, ศูนย์บริหารจัดการเรื่องราว ร้องทุกข์ กระทรวงสาธารณสุข คือว่าเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2557 เจ้าหน้าที่พยาบาล หน้าห้องตรวจ OPD ชั้น 2 ผมในฐานะสื่อมวลชนคนหนึ่งเหมือนกัน ซึ่งอยู่ในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี และเป็นบุตรของคนไข้ ซึ่งเป็นคุณพ่อของผมได้ไปใช้บริการในการรักษาเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2557 เวลา 05.00 น.
ผมจึงอยากขอร้องเรียน เรื่องการให้บริการของ เจ้าหน้าที่พยาบาล เจ้าหน้าที่หน้าห้องตรวจ OPD ชั้น 2 รพ.สมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 17 อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่พยาบาลรายหนึ่ง รู้สึกว่าจะใช้วาจาที่ไม่ดีเท่าไหร่กับผู้ป่วย ซึ่งก็คือคุณพ่อของผม ได้ใช้คำพูดว่ากล่าวหลานของผมที่พาอาก๋งไปตรวจเช็กร่างกาย เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2557 โดยได้ว่าหลานผมว่าซื่อบื้อ โง่ ไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่าง เป็นคำพูดทำนองประมาณนี้แหละครับ แถมยังว่าคนไข้ไม่รู้เรื่อง ทุกคนก็ดูแลแก้ไขบริการให้ได้ตรวจซึ่งก็มีคนดีอยู่เหมือนกัน
แต่กลับมีเจ้าหน้าที่ที่เป็นพยาบาล กลับมาท้าทายผม ว่าอยากลงหนังสือพิมพ์จะเอารูปไหมเดี๋ยวจะหาให้ ผมก็ได้จัดให้ไปตามคำขอของนางพยาบาลรายนี้แล้วครับ เพื่อนๆ ผมที่ทำงานหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นหลายๆ ฉบับได้ลงเรื่องเกี่ยวกับนางพยาบาลท่านนี้ เท่าที่เพื่อนๆ ของผมทำข่าวอยู่ และร้องไปยังหน่วยงานที่รับเรื่องอีกหลายๆ ที่
ผมไม่เข้าใจครับว่าทำไม "พยาบาล" สมัยนี้ ชอบดุว่าคนไข้ เสียงดังใส่ จริงๆ แล้วความเป็นพยาบาลต้องมีจรรยาบรรณเหมือนกับผู้สื่อข่าวต้องมีจรรยาบรรณเหมือนกัน แต่นางพยาบาลรายนี้กลับไม่มีความเมตตาต่อคนไข้ซึ่งเป็นคนแก่เลย ซึ่งเป็นเพราะอะไรนั้นผมไม่ทราบ เพราะเท่าที่เห็นส่วนมากจะทำกับคนแก่ และพวกที่ไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราวสักเท่าไหร่ นางพยาบาลรายนี้ชอบที่จะตะคอกใส่ทำไมก็ไม่รู้ สงสารคนไข้ครับ ผมก็ไม่รู้ว่ายังมีชาวบ้านอีกกี่คน ที่โดนดุว่าแบบนี้
แต่ผมขอบอกเลยว่า พยาบาลคนนี้น่าที่จะไปอยู่หน้าที่อื่น หรือไปประจำอยู่ห้องเก็บศพจะดีกว่า จะได้ไม่ต้องพบกับผู้ป่วยที่วันๆ หนึ่งมารักษากันมากมาย นี่ขนาดผมเป็นสื่อมวลชน ซึ่งเป็นกระบอกเสียงสะท้อนภาพลักษณ์ของหน่วยงานราชการ แต่ผมก็ไม่เคยเอาอาชีพสื่อมวลชนไปอวดอ้างแต่อย่างไร ทำตามระบบทุกอย่างเพียงแต่ มีเจ้าหน้าที่บางคนที่เขาคุ้นเคยรู้จักผมที่เคยไปทำข่าว เขาก็ดูแลบริการให้แค่นั้น
พูดกันตามตรงเลย ถ้าพยาบาลคนนี้ไม่เต็มใจทำงานซึ่งเป็นงานบริการ ผมก็เข้าใจว่าคนไข้มีหลากหลาย แต่การที่คุณได้เรียนพยาบาลมาเข้าก็ต้องฝึกความอดทน เพราะถ้าคุณไม่อดทนก็สมควรลาออกไป เงินเดือนที่ได้รับกันก็มาจากภาษีของประชาชน น่าจะทำหน้าที่ได้ดีกว่านี้ ถ้าจะแสดงกิริยา มารยาทที่ไม่ดีแบบนี้ แล้วพวกคุณเลือกที่จะเรียนพยาบาลกันทำไม จรรยาบรรณไม่มีเลยหรือไง หรือว่า หยิ่งผยอง ลืมตัว ว่าตนมีการศึกษาสูง มีเกียรติ แทนที่จะปฏิบัติตนให้สมกับอาชีพที่มีเกียรติ แต่หากยังคงปฏิบัติตนแบบนี้ต่อไป อาชีพนี้ก็ไม่เหมาะสมกับนางพยาบาลรายนี้ เพราะนางพยาบาลเป็นอาชีพที่มีเกียรติแล้ว ลองถามตนเองก่อนดีไหม ว่า เลือกที่จะทำอาชีพนี้เพราะอะไร ถ้าสื่อนี้ออกสู่สายตาประชาชน ผู้บริหารคงจะดำเนินการเรื่องนี้ให้ องค์กรของโรงพยาบาล ยังมีคนดีมีคุณภาพที่ดีอีกมาก จะมาเสียเพราะคนคนเดียวนั้นไม่ใช่ เพราะ โรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 17 เป็นโรงพยาบาลหลวง ต้องรับใช้ประชาชนตาดำๆ ที่ต้องพึ่งบริการจากพวกคุณ ควรมีน้ำใจเมตตากับพวกเขาบ้าง ไม่มากก็น้อย
พิธาน / สุพรรณบุรี
ตอบ
โรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 17 จ.สุพรรณบุรี ชี้แจงว่า ตามที่มีข้อร้องเรียนของคุณพิธาน ได้ร้องเรียนเจ้าหน้าที่พยาบาลหน้าห้องตรวจ OPD ชั้น 2 โรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 17 ทางโรงพยาบาลได้ดำเนินการ ดังนี้
1.ดำเนินการเรียกพยาบาลผู้ถูกร้องเรียนมาตักเตือนในเรื่องของการใช้คำพูด และท่าที ที่ไม่เหมาะสมต่อผู้มารับบริการ
2.ได้ติดต่อขอโทษหลาน และผู้ร้องเรียน พร้อมทั้งขอบคุณสำหรับข้อร้องเรียน และยินดีรับข้อมูลคำติชม เพื่อนำมาดำเนินการทบทวนขั้นตอนการให้บริการ การสื่อสารข้อมูลกับผู้ป่วย และญาติผู้ป่วย เพื่อพัฒนางานบริการให้มีคุณภาพดียิ่งขึ้น ซึ่งผู้ร้องเรียนก็มิได้ติดใจใดๆ กับทางโรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 17 แต่อย่างใด
ลุงแจ่ม
สามี(ตัวดี)เรียกค่าเลี้ยงดู
ดิฉันแต่งงานอยู่กินกับสามีมาได้ 5 ปี มีลูกด้วยกัน 1 คน แต่สามีเป็นนักเที่ยว ไม่ยอมเลิกเที่ยวเสียที หลังแต่งงานอยู่กินกันแบบไม่ได้จดทะเบียนสมรส สามีก็ให้ดิฉันออกจากงานมาเลี้ยงลูกอยู่กับบ้าน โดยไม่ให้มีส่วนเข้าไปยุ่งเกี่ยวเกี่ยวกับธุรกิจที่ทำงานอยู่ด้วยเลย
ก่อนแต่งงานกัน รู้ว่า สามีมีธุรกิจของตัวเอง แต่สามีไม่เคยให้ดิฉันมีส่วนรับรู้ด้วยเลยเรื่องรายรับรายจ่าย เพียงแต่ให้ดิฉันอยู่บ้านเลี้ยงลูก แล้วสามีก็ให้เงินใช้ทุกเดือน
ปีแรกไม่มีปัญหา พอปีที่สองเริ่มมีลูก สามีเริ่มเที่ยวกลางคืน และเที่ยวหนักขึ้น พอดิฉันทักท้วง ก็ทะเลาะกัน หาความสุขไม่ได้เลยค่ะ
พอดิฉันบอกว่า อยากขอไปทำงานที่บริษัทของสามีก็ไม่ยอมให้ไป ดิฉันเบื่อที่จะใช้ชีวิตอยู่โดยที่สามีกลับบ้านเช้าเกือบทุกวัน ลูก 2 ขวบกว่าแล้ว แต่พ่อแทบจะไม่ได้ดูแลเลย เพราะหลังเลิกงานก็เที่ยวต่อแล้วกลับบ้านเกือบเช้าทุกวัน เห็นลูกแล้วก็อดสงสารไม่ได้ ที่มีพ่อก็เหมือนไม่มี เพราะพ่อแทบจะไม่มีเวลาให้ลูก หรือพาลูกไปไหนๆ เหมือนพ่อของเด็กคนอื่นๆ เลย
อยากทราบว่า ถ้าดิฉันต้องเลิกกับสามี จะเรียกร้องให้เขาส่งเสียค่าเลี้ยงดูดิฉัน และลูกได้ไหม และถ้าสามีเป็นอะไรไป ลูกมีสิทธิในทรัพย์สินของสามีหรือไม่ หรือ ถ้าสามีแต่งงานมีลูกใหม่ ลูกของดิฉันจะมีสิทธิหรือเปล่า
อรพิน
ตอบ
ศูนย์ปรึกษากฎหมายชุมชน ผศ.ยศศักดิ์ โกไศยกานนท์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต แนะนำว่า กรณีของคุณไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับสามี ไม่มีผลในทางกฎหมาย ไม่ได้ถือว่าเป็นบุคคลเดียวกับสามี หากต้องการจะเลิกกับสามี คุณไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเลี้ยงดูให้ตัวเอง แต่สำหรับลูกถือว่า เป็นบุตรจริง มีสิทธิได้รับค่าเลี้ยงดูจากผู้เป็นพ่อ
หากพ่อกับแม่แยกทางกัน ตอนนี้ลูกของคุณยังไม่บรรลุนิติภาวะ ในฐานะแม่ คุณมีสิทธิเรียกร้องสิทธิของลูกได้ โดยให้สามีต้องส่งเสียค่าเลี้ยงดูลูก
ในฐานะที่เป็นลูกของพ่อ ถ้าเกิดสามีของคุณเป็นอะไรไป ลูกของคุณย่อมมีสิทธิในทรัพย์สินของสามีอยู่แล้ว และถ้าสามีแต่งงานใหม่ ลูกของคุณก็ยังคงมีสิทธิในทรัพย์สินดังกล่าวอยู่ เพียงแต่ว่า ทรัพย์สินที่มีนั้น อาจจะต้องแบ่งให้กับลูกใหม่ที่เกิดขึ้นด้วย หรือถ้าสามีแต่งงานและจดทะเบียนกับผู้หญิงคนใหม่ ทรัพย์สินนั้นก็ต้องแบ่งในส่วนของสามีให้กับภรรยาคนใหม่ด้วย
ลุงแจ่ม