ไลฟ์สไตล์

เรือนจำสั่งเข้มสองผัวเมียฆ่าครูญี่ปุ่น

เรือนจำสั่งเข้มสองผัวเมียฆ่าครูญี่ปุ่น

26 ต.ค. 2557

ตำรวจเตรียมสรุปสำนวนสองผัวเมียฆ่าญี่ปุ่นตายสยองคาบันไดส่งอัยการ เผยรอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ประกอบ ด้านเรือนจำสั่งเข้ม 2 ฆาตกร หวั่นไม่ปลอดภัย

               ความคืบหน้าคดีสยองขวัญ นายสมชาย แก้วบางยาง และนางพรชนก ไชยะปะ สองสามีภรรยาร่วมมือกันก่อเหตุฆ่าหั่นศพนายโยชิโนริ ชิมาโตะ ครูสอนภาษาชาวญี่ปุ่น โดยหลังจับกุมตำรวจได้สืบเค้นกระทั่งทราบว่า ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2546 ผู้ต้องหาทั้งคู่ได้ร่วมกันก่อเหตุฆ่า นายคาชิโตชิ ทานากะ สามีชาวญี่ปุ่นคนแรก เพื่อหวังทรัพย์สินอย่างโหดเหี้ยมเช่นกัน ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องรื้อคดีขึ้นมาอีกครั้ง

               ล่าสุด เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม พ.ต.อ.กรวัฒน์ หันประดิษฐ์ ผกก.สภ.บางพลี เปิดเผยว่า ในส่วนคดีร่วมกันฆ่านายคาชิโตชิ ทานากะ สามีชาวญี่ปุ่นคนแรก ขณะนี้ถือว่าหลักฐานทุกอย่างสมบูรณ์ครบถ้วนแล้ว เหลือเพียงนำเอกสารของเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานที่เข้าเก็บรายละเอียดในจุดเกิดเหตุมาประกอบสำนวน ซึ่งเอกสารดังกล่าวเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่จะมาเชื่อมโยงในการดำเนินคดีกับสองผู้ต้องหาดังกล่าว ส่วนการสอบปากคำบุคคลนั้น ได้สอบไปครบหมดแล้ว หลังจากนี้จะเร่งพนักงานสอบสวนดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานส่งให้อัยการ ดำเนินการส่งฟ้องสองสามีภรรยาต่อศาลจังหวัดสมุทรปราการ ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน

               ขณะที่ พ.ต.อ.สมศักดิ์ชัย อมรส่งเจริญ ผกก.สภ.บางเสาธง เปิดเผยว่า หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการส่งตัวสองสามีภรรยาไปฝากขังต่อศาลอาญา ถ.รัชดาฯ เหลือเพียงเร่งสรุปสำนวนคดีเพื่อให้ทันส่งมอบต่ออัยการ ขณะนี้ยังรอผลการตรวจดีเอ็นเอ และผลการตรวจรถกระบะของสำนักงานพิสูจน์หลักฐานกลาง และผลตรวจรถแท็กซี่จากศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 เพื่อนำมาประกอบสำนวน คาดว่าใช้เวลาไม่นานจะสามารถส่งมอบให้อัยการได้ เพราะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง บช.น.กับตำรวจภูธรภาค 1 และตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ

               วันเดียวกัน นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า จากการสังเกตพฤติกรรมของนายสมชายและนางพรชนก ซึ่งถูกนำมาฝากขังผัดแรก ไม่พบปัญหาใดๆ โดยนายสมชายถูกคุมขังในแดนแรกรับตามขั้นตอนปกติ ไม่ได้แยกออกไปคุมขังพิเศษ ซึ่งเจ้าหน้าที่ให้ใช้ชีวิตรวมกับผู้ต้องขังทั่วไป แต่ให้นอนในห้องที่มีกล้องวงจรปิด เจ้าหน้าที่จะได้ติดตามความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด เพราะถือเป็นผู้ต้องขังคดีร้ายแรง ประชาชนให้ความสนใจ

               อย่างไรก็ตาม ช่วงกลางวันจะจำกัดบริเวณไม่ให้ผู้ต้องหาเดินเพ่นพ่านไปมา เพื่อให้เจ้าหน้าที่ดูแลใกล้ชิด เพราะคดีลักษณะนี้ต้องระวังเรื่องความปลอดภัย ส่วนช่วงวันหยุดกำชับเจ้าหน้าที่ให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มงวด เนื่องจากเป็นห่วงเรื่องสภาพจิตใจ เพราะผู้ต้องขังอาจมีส่วนเกี่ยวข้องอีกหลายคดี ซึ่งเรือนจำมีขั้นตอนตรวจสภาพจิตอยู่แล้ว เบื้องต้นไม่พบความผิดปกติ หรือมีอาการเครียดแต่อย่างใด

               ส่วนนางพรชนกที่ถูกส่งตัวไปคุมขังที่ทัณฑสถานหญิงกลาง เจ้าหน้าที่ควบคุมดูแลเหมือนผู้ต้องขังทั่วไป เพราะการควบคุมผู้ต้องขังหญิงไม่มีห้องแยกขัง ส่วนเรื่องสภาพจิตใจกรณีผู้ต้องขังสุ่มเสี่ยงนั้น ทางทัณฑสถานหญิงกลางได้ประสานสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ให้ตรวจสอบดูแลอยู่แล้ว เบื้องต้นยังไม่พบว่านางพรชนกมีอาการผิดปกติ