ไลฟ์สไตล์

พบ'ตุ๊กแกบิน'ที่อช.ภูหินร่องกล้า

พบ'ตุ๊กแกบิน'ที่อช.ภูหินร่องกล้า

21 ต.ค. 2557

พบตุ๊กแกบินได้ บริเวณลานกางเต็นท์ อช.ภูหินร่องกล้า จนท.เวรรักษาการณ์ เห็นลงมากินแมลงจับไว้ศึกษา เผยเป็นครั้งแรก ที่ผ่านมาเจอแต่กิ้งก่าบินได้

 
                          21 ต.ค. 57  ผู้สื่อข่าวรายงานจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ว่า จนท.อุทยานฯ ได้จับสัตว์เลื้อยคลานชนิดหนึ่ง รูปร่างหน้าตาแปลกประหลาด ในช่วงกลางดึกที่ผ่านมา บริเวณลานกลางเต็นท์ของอุทยานฯ โดยเห็นสัตว์ตัวดังกล่าว ลงมากินแมลงที่พื้นดิน จึงจับใส่ขวดน้ำไว้ และนำมาให้อุทยานฯ ทำการตรวจสอบ
 
                          โดยพบว่า สัตว์รูปร่างหน้าตาประหลาดที่ อช.ภูหินร่องกล้า เป็นสัตว์ประเภทตุ๊กแก คนในพื้นที่ได้ยืนยันว่า ตามที่เคยพบสัตว์ชนิดนี้ ก็เพียงแต่กิ้งก่าที่บินได้เท่านั้น แต่ที่พบในครั้งนี้ที่ว่าสัตว์ประหลาดก็คือ (ตุ๊กแกบินได้) เป็นครั้งแรก โดยมีปีกทั้งสองข้าง คือ เนื้อหนังจากลำตัวแผ่ออกไปจนถึงขาทั้งสี่ขา สองข้าง เวลาบินจะใช้ขาสี่ขาเป็นอุปกรณ์เพื่อกางเป็นปีก ร่อนไปมาระหว่างต้นไม้ จากการสังเกตที่หัวเป็นหัวตุ๊กแก และเท้าเป็นเท้าตุ๊กแก ไม่ใช่เท้ากิ้งก่า ส่วนหางมีรูปร่างแบนเป็นหยักคล้ายใบเลื่อย คลาดว่าสัตว์ประเภทนี้เขาคงได้พัฒนาตัวให้เข้ากับธรรมชาติ ในการบินของเขาคล้ายกับตัวบ่าง โดยอาศัยบนต้นไม้ที่สูงกว่าแล้วทำการร่อนไปต้นถัดไป
 
                          นายมนัส  สีเสือ จนท.ฝ่ายประชาสัมพันธ์ อช.ภูหินร่องกล้า ระบุว่า ผู้ที่พบตุ๊กแกบินได้ คือ นายดอนชัย ทองหงำ จนท.เวรรักษาการณ์ ขณะออกตรวจตรารักษาความปลอดภัยบริเวณลานกางเต็นท์ ก็พบเจ้าตุ๊กแกตัวดังกล่าวอยู่ที่บริเวณพื้นดิน จึงจับมาเก็บไว้ เพราะไม่เคยพบเห็นมาก่อน โดยเฉพาะที่ภูหินร่องกล้านั้น ส่วนใหญ่แล้วจะพบแต่กิ้งก่าบินได้ ที่พบเห็นเป็นประจำ ต่อมานายอดิษร ขันวิชัย ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานฯ จึงนำมาเลี้ยงไว้ เพื่อทำการศึกษา เนื่องจากเป็นสัตว์ที่พบเห็นได้ยาก ก่อนจะเตรียมการปล่อยคืนสู่ธรรมชาติต่อไป
 
                          นอกจากนี้ จากการสืบค้นข้อมูล และรูปภาพจาก จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี พบว่า ตุ๊กแกบินที่จับได้ที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้านั้น เป็นตุ๊กแกบินหางแผ่น (อังกฤษ : Kuhl's flying gecko ; ชื่อวิทยาศาสตร์ : Ptychozoon kuhli) เป็นสัตว์เลื้อยคลานชนิดหนึ่งจำพวกตุ๊กแก มีรูปร่างคล้ายจิ้งจกบ้านทั่วไป แต่มีขนาดใหญ่กว่า มีความยาวลำตัวประมาณยาว 9.5 เซนติเมตร หางยาว 9.5 เซนติเมตร มีพังผืดยึดระหว่างนิ้วเท้า ใต้เท้ามีแผ่นยึดเกาะเรียงเป็นแถวเดี่ยว ปลายนิ้วมีเล็บ มีแผ่นหนังแผ่กว้างออกมาจากข้างแก้มและลำตัวทำหน้าที่เหมือนปีกเครื่องร่อน หางแบน ขอบหางหยัก ปลายหางแผ่เป็นแผ่นกว้างขอบเรียบ และกว้างกว่าหาง ส่วนที่เป็นหยัก สันหางมีตุ่ม ลำตัวสีน้ำตาล หรือเทา มีแถบเข้มพาดขวางบนหลัง 4 แถบ หางมีลายพาด พบในป่าดิบในภาคใต้ของไทย ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราช , จังหวัดปัตตานี พบได้จนถึงภาคเหนือของมาเลเซียจนถึงสิงคโปร์ , หมู่เกาะนิโคบาร์ในอินโดนีเซีย นอกจากนี้ยังพบในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดียที่ติดกับพม่าด้วย เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวน และคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักราช 2535 แต่ก็นิยมเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงสำหรับผู้ที่นิยมเลี้ยงสัตว์เลื้อยคลานเช่นเดียวกับตุ๊กแกบินหางเฟิน (P. lionotum) ซึ่งเป็นตุ๊กแกในสกุลเดียวกันด้วย