ไลฟ์สไตล์

เลาะโขง : จากผามออีแดงสู่โขงเจียม

เลาะโขง : จากผามออีแดงสู่โขงเจียม

19 ต.ค. 2557

ชวนเที่ยว : เลาะโขง จากผามออีแดงสู่โขงเจียม : เรื่อง / ภาพ ... นพพร วิจิตร์วงษ์

 
                              "โขงสีปูน มูลสีคราม"  ในยามที่สายน้ำสองสายมาบรรจบกัน จะเห็นความแตกต่างชัดเจน  
 
                              แม่น้ำโขง แม่น้ำแห่งตำนาน หลากหลายเรื่องราว เล่าขาน ทั้งเรื่องลี้ลับซับซ้อนของพญานาค วังปลาบึก ย้อนไปถึงที่ของกำเนิดแม่น้ำโขง หรือแม่น้ำของ(ในภาษาลาว) ไปจนถึงตำนานของการก่อเกิดแม่น้ำโขง  
 
                              แต่ไม่ว่าตำนานจะเล่าต่อๆ กันมาว่าอย่างไร เราก็รับรู้ว่า แม่น้ำโขงมีต้นกำเนิดมาจากเทือกเขาในทิเบต แม่น้ำโขง มีหลากหลายชื่อแล้วแต่ดินแดนที่แม่น้ำสายนี้ไหลผ่านจะเรียกขาน 
 
                              ประเทศไทย มีจังหวัดที่ติดกับแม่น้ำโขงไหลผ่านถึง 8 จังหวัด ตั้งแต่เชียงราย, เลย, บึงกาฬ, หนองคาย, นครพนม, มุกดาหาร, อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี ลับสายตาเข้าดินแดนลาวไป แถวๆ โขงเจียม แล้วช่วงนั้นเอง ที่แม่น้ำมูลไหลลงมาประสบพบกับลำน้ำโขง จนเห็นความแตกต่างชัดเจนระหว่างโขงสีปูน กับมูลสีคราม
 
                              ชวนเที่ยวคราวนี้ ฉันเลยขอเดินทางเลาะไปตามขอบตะเข็บของแม่น้ำโขง ที่กั้นชายแดนไทย-ลาว เพราะแถบนี้ได้ชื่อว่าเป็นดืนแดนที่มีน้ำตกสวยงามมากมายไม่ต่ำกว่า 10 แห่ง แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ ขอไปตั้งต้นที่ ผามออีแดง อำเภอกัณทรลักษรณ์ จังหวัดศรีสะเกษ 
 
                              จากกรุงเทพฯ ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์หลายชั่วโมง แต่ช่วยย่นระยะทางได้ ด้วยเครื่องบินไปลงที่อุบลราชธานี แล้วเดินทางด้วยรถยนต์ต่อไปอีกราวๆ 1 ชั่วโมง เอาเป็นว่าใครสะดวกวิธีไหน ก็ไปวิธีนั้น 
 
                              หมู่บ้านภูมิซรอล ก่อนถึงอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร เป็นหมู่บ้านสุดท้าย ก่อนถึงทางเข้าที่ทำการอุทยาน แต่ฉันมองหาป้าย บ้านโดนเอาว์ ด้วยได้รับคำฝากฝังจากเพื่อนๆ ว่าต้องไปถ่ายกับป้ายหมู่บ้านนี้ให้ได้นะ เสียดาย!! เขาทำถนนอยู่รื้อป้ายออกซะหมด  (ฮา)
 
                              จากทางเข้าที่ทำการเขาพระวิหาร จ่ายค่าผ่านด่านเรียบร้อย เลยไปราวๆ 1 กม. ก็ถึงทางแยกซ้ายไป ปราสาทโดนตวล ศาสนสถานแบบขอม สมัยพุทธศตวรรษที่ 15-16 (ป้ายปากทางเขียนว่าโดนตรวล) เลยเข้าไปอีก 4 กม. ให้ตายฉันผ่านมาก็หลายสถานที่ บางเส้นทางไร้ผู้คน ถนนผ่านป่าเขา แต่ไม่รู้สึกเปล่าเปลี่ยวและวังเวงอย่างนี้เลย โดยเฉพาะยิ่งตอนที่ไปเดินดูรอบๆ ปราสาทโดนตวลเพียงลำพัง แต่ในความวังเวง ยังได้เห็นถึงความศรัทธา ความเคารพ นับถือ จากธูปเทียน และข้าวห่อ วางใบตองเล็กๆ เหมือนกับเซ่นไหว้ รอบๆ ปราสาทโดนตวล  
 
                              ออกจากปราสาทโดนตวล กลับสู่เส้นทางหลักมุ่งหน้าผามออีแดงอีกราว 7 กม. น่าเสียดายแค่ว่า เดี๋ยวนี้เราได้แต่เดินดูพื้นที่แค่ผามออีแดง จากเมื่อก่อนสามารถขึ้นไปถึงปราสาทเขาพระวิหาร แต่แค่นั้นก็เรียกเหงื่อได้พอควร จากหน้าผามองเห็นพื้นที่รอยต่อระหว่างเขาสัตตะโสมของไทย และ ภูไฮลูกขวามือของกัมพูชา โดยมีเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ายอดโดมของไทย อยู่เป็นฉากหลังไกลๆ 
 
                              ผามออีแดง มีความลาดชัน 45 องศา เมื่อก่อนเรียกกันว่าเนิน 45 จนเมื่อราวปี 2504 คณะของครูแดงมาประสบอุบัติเหตุที่นี่ จนครูแดงเสียชีวิตและมาปรากฏกายให้เจ้าหน้าที่เห็นอยู่บ่อยๆ จนเรียกขานกันว่า ผามออีแดง บริเวณผามออีแดง มีทางลงไปด้านล่างเพื่อดู ภาพแกะสลักนูนต่ำ 1,500 ปี แม้จะทำรั้วกั้นไว้ เพื่อป้องกันคนมือบอน(อนุมานไปเอง) หรืออะไรก็ตามแต่ แต่ฉันเชื่อว่ามันช่วยป้องกันภาพนี้ให้คงอยู่ต่อไปในรูปแบบเดิมได้อีกนาน เพราะระหว่างทางลงไป ยังไม่วายเห็นคนมือบอนไปเขียนตามก้อนหิน จนได้แต่นึกในใจว่าถ้าคนพวกนี้เข้าถึงภาพแกะสลักนั้น ภาพนั้นอาจจะสึกกร่อนหรือไม่ก็มีร่องรอยจารึกเพิ่มเติมจากคนไร้สำนึกพวกนี้ก็ได้
 
                              สุดทางผามออีแดงที่อนุญาตให้ไปได้ เป็นบังเกอร์เจ้าหน้าที่ทหาร ที่ตั้งกล้องส่องทางไกลเราได้เห็นปราสาทเขาพระวิหาร แม้ไม่อาจสัมผัสได้ใกล้ชิด แต่ก็เหมือนตัดกันไม่ขาด 
 
                              ออกจากผามออีแดง เลี้ยวขวา มุ่งตรงไป อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ถนนบางช่วงร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ราวอุโมงค์ คอนเฟิร์มว่าถนนดีมากแล้ว มีป้ายบอกทางไปน้ำตกเล็กๆ อีก 2-3 แห่ง แต่พอเลี้ยวรถเข้าไปดู ก็รู้แล้วว่า ยังไม่ใช่เป้าหมาย 
 
                              เลยขึ้นไปผ่านช่องบกหรือทางเข้าอสามเหลี่ยมมรกต มุ่งหน้า น้ำตกห้วยหลวง อุทยานแห่งชาติภูจองนายอย 
 
                              น้ำตกห้วยหลวง หรือ น้ำตกถ้ำบักเตว ตามชื่อของบักเตวที่มีอาชีพหาของป่า ซึ่งวันหนึ่งไปตีผึ้งที่หน้าผาน้ำตกโดนโหนเถาวัลย์ลงไป แต่ไม่ได้บนบานบอกกล่าวเจ้าที่ ระหว่างที่นายเตวไต่เถาวัลย์อยู่นั้นเพื่อนกลับมองเห็นเถาวัลย์เป็นงูยักษ์ จึงใช้มีดฟันขาด นายเตวตกลงไปตาย แต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวไปจบชีวิตที่นี่ สุดท้ายเพื่อแก้เคล็ดจึงได้เปลี่ยนชื่อน้ำตกเสียใหม่ บอกได้เลยว่า ถ้าใครไปเที่ยวแล้วอยากจะลงไปเล่นน้ำก็ออกกำลังกายไว้หน่อย เพราะต้องเดินขึ้นบันได 272 ขั้น 
 
                              ออกจากน้ำตกห้วยหลวง ไปตามถนนชนบท รถไม่เยอะจนอึดอัด มุ่งหน้าสู่ช่องเม็ก เปล่า...ไม่ได้จะไปที่ด่านหรือข้ามแดน แต่จะไป วัดสิรินทรวรารามภูพร้าว หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า วัดภูพร้าว ตามชื่อของภูเขาที่ตั้งของวัด 
 
                              ทางแยกเข้าวัดระยะทางราวๆ 2 กม. บางช่วงยังไม่ใช่ถนนลาดยาง แต่รถเก๋งก็ไปได้ วัดตั้งอยู่บนเนินเขา ดูแปลกตา มีเพียงหลังคา รอบข้างเป็นเสาสูงต้นใหญ่ รอบวัดด้านหนึ่งเห็นอ่างเก็บน้ำเขื่อนสิรินธร อีกด้านหนึ่งเห็นถึงด่านช่องเม็ก และภูมะโรงฝั่งลาว 
 
                              ที่ต้องมาวัดนี้ตอนพลบค่ำ ก็เพราะปฏิมากรรมต้นโพธิ์ ที่ด้านหลังของวัดจะเรืองแสงหลังดวงอาทิตย์ลับฟ้า ถามเจ้าหน้าที่ที่ดูแลบอกว่า ตอนทำนั้นมีการใส่เศษพลอยเข้าไปด้วย ทำให้เกิดเรืองแสง 
 
                              วัดนี้สร้างมา 10 ปีได้ ตั้งชื่อตามชื่ออำเภอและภูเขาที่ตั้งวัดบวกกัน ถึงตอนนี้ก็ยังไม่เรียบร้อยดี ฉันมีโอกาสได้คุยกับพี่ท็อป ซึ่งจบมาจากเพาะช่าง กำลังตกแต่ง วาดลวดลายที่ต้นเสาบนตัวโบสถ์ บอกว่า อาจจะต้องใช้เวลาอีกราวๆ 1 ปี แล้วยังบอกด้วยว่า บริเวณด้านล่าง จากบันไดนาคข้างวัดลงไป จะทำเป็นสระอโนดาต แต่กว่าจะได้เห็นอาจจะใช้เวลาอีกราว 2-3 ปี ส่วนริมเขาอีกด้านหลังวัดกำลังสร้างศาลาขึ้นมา  
 
                              วันนี้โชคดีได้ดูทั้งดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าเหนืออ่างเก็บน้ำเขื่อนสิรินธร ต้นโพธิเรืองแสง ก่อนที่ฟ้าฝนจะตกลงมาเพื่อบอกลากัน  ออกจากวัดภูพร้าว แวะเข้าพักที่ โขงเจียม ... ถึงเสียที สายน้ำโขง แม่น้ำที่กว้างใหญ่และมากด้วยตำนาน วันนี้เรามาอยู่ใกล้กันแค่เอื้อม 
 
                              รุ่งขึ้น ทักทายสายน้ำโขง แล้วแวะไปดูแม่น้ำสองสี ที่วัดถ้ำคูหาสวรรค์ จุดที่ได้เห็นแม่น้ำมูลไหลมาบรรจบแม่น้ำโขง แล้วค่อยออกเก็บเส้นทางสายน้ำตก ตั้งแต่ วัดถ้ำเหวสินธุ์ชัย ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวอำเภอโขงเจียม ตัววัดนั้นอยุ่ด้านบนแต่มีทางลงหุบเขา ไปสู่ถ้ำ บริเวณเวิ้งถ้ำมีพระพุทธรูปประดิษฐาน รวมถึงรูปฤาษี พระแม่ธรณีบีบมวยผม แต่ที่เป็นธรรมชาติสุดๆ ก็คือ มีน้ำตกไหลลงมากลางผาที่อยู่เหนือเวิ้งถ้ำ ดูแปลกตาไปอีกแบบ บริเวณรอยๆ จัดทำเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม ปลีกวิเวก 
 
                              ออกจากวัดถ้ำเหวสินธุ์ชัย แวะกลับมาทางอำเภอโขงเจียม แต่เลี้ยวซ้ายขึ้นไปทางป่าดงนาทาม อุทยานแห่งชาติผาแต้ม  ซึ่งมีทั้งประติมากรรมธรรมชาติ เขาหินทราย ภาพเขียนสีสมัยก่อนประวัติศาสตร์ที่เลื่องชื่อ และเป็นแหล่งรวมน้ำตกชายโขง ตั้งแต่ น้ำตกสร้อยสวรรค์ น้ำตกแสงจันทร์ หรืออีกชื่อหนึ่งเรียกว่า น้ำตกลงรู ช่วงน้ำเยอะก็อาจจะมีน้ำล้นทะลักลงหน้าผาด้วย แต่ยามที่น้ำน้อย จะไหลแค่ลงรูหินขนาดใหญ่ดูแปลกตา เป็นจุดที่เคยถ่ายละคร และโฆษณามานักต่อนัก เลยไปอีกไม่ไกลถึงน้ำตกทุ่งนาเมือง ที่นี่ก็มีน้ำตกที่แผ่กว้างจากผาหินสวยๆ เช่นกัน ระหว่างทางลงน้ำตกยังมีเถาวัลย์ขนาดยักษ์ดักอยู่กลางทางให้ตื่นเต้น  เก็บภาพกันเต็มอิ่มกับน้ำตกทั้งหลาย พร้อมกับแวะโบกมืออำลาสายน้ำโขง ไม่ไกลจากสามพันโบก(แต่วันนี้ไม่เห็นสักโบก)  
 
                              เส้นทางสายเลาะตะเข็บชายแดนถึงลำน้ำโขง แถมพกด้วยเส้นทางของสายน้ำตก อยากบอกเลยว่าฟิน จนต้องเข้ามาเก็บเรื่องราวความสัมพันธ์ข้ามโขงกันต่อที่เมืองอุบล แล้วมาติดต่ามกันในสัปดาห์หน้านะคะ...
 
 
 
 
 
 
---------------------------------
 
(ชวนเที่ยว : เลาะโขง จากผามออีแดงสู่โขงเจียม : เรื่อง / ภาพ ... นพพร วิจิตร์วงษ์)