ไลฟ์สไตล์

‘หยาดน้ำค้างพันปี’ยืนยันหัวใจดอกไม้แสนงามนาม‘ชมัยภร’

‘หยาดน้ำค้างพันปี’ยืนยันหัวใจดอกไม้แสนงามนาม‘ชมัยภร’

05 ต.ค. 2557

อมหมึกเคี้ยวกระดาษ : ‘หยาดน้ำค้างพันปี’ ยืนยันหัวใจ ดอกไม้แสนงาม นาม ‘ชมัยภร’ : โดย...ปลวกหวาน

 
                บ่ายสดชื่น..ที่มวลดอกไม้นักอ่านแย้มใจต้อนรับ... “หยาดน้ำค้างพันปี”
 
                เรื่องราวที่เขียนด้วยชีวิต กลั่นจากประสบการณ์ที่ต้องคดีเครื่องราชย์ยาวนานกว่า 22 ปี ก่อนศาลตัดสินยกฟ้อง!
 
                "เขียนจากชีวิต เรียนรู้ทุกข์ด้วยธรรม"  ตีพิมพ์เป็นตอนในนิตยสารสกุลไทย สำนักพิมพ์คมบางจัดพิมพ์นำมาจัดรวมเล่ม และได้มีการเสวนาบอกเล่าเรื่องราวอันยาวนานที่ศูนย์หนังสือจุฬาฯ จัตุรัสจามจุรีวันก่อน
 
                ย้อนอดีต สู่ปัจจุบัน เมื่อปี พ.ศ. 2530 การจับกุมผู้เกี่ยวข้องกับคดีเครื่องราชย์ฯ เป็นข่าวโด่งดังไปทั้งประเทศ ผู้ถูกจับกุมหนึ่งในนั้น เป็นคนในวงการวรรณกรรม ‘ชมัยภร แสงกระจ่าง’ ซึ่ง ณ เวลานั้นยังไม่เป็นที่รู้จักเท่าชื่อของ ‘ไพลิน รุ้งรัตน์’
 
                หลังการถูกจับไม่นาน ชื่อ ไพลิน รุ้งรัตน์ ปรากฏพร้อมชื่อจริง ชมัยภร แสงกระจ่าง บนปกหนังสือ “7 วันคดีเครื่องราชฯ บันทึกถึงลูก จากห้องขังด้วยหัวใจที่เจ็บร้าว”
 
                คนดังมากมายรวมทั้งแฟนนักอ่านอีกคับคั่ง ในบรรยากาศที่ประดับประดาด้วยช่อดอกไม้สะพรั่ง ชวนให้ชื่นบานหัวใจ และเมื่อถึงเวลาสำคัญ ทรงยศ สามกษัตริย์  ผู้จัดการศูนย์หนังสือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกล่าวต้อนรับ มอบของที่ระลึกแก่วิทยากร และเริ่มเสวนาบนเวทีแสนลึกซึ้ง...
 
                “หยาดน้ำค้างพันปี : จำเลยโดยไม่เจตนาของชมัยภร แสงกระจ่าง" ร่วมเสวนาโดย ชมัยภร แสงกระจ่าง,อดุล  จันทรศักดิ์, คุณหญิงจำนงศรี หาญเจนลักษณ์,จรูญพร ปรปักษ์ประลัย ดำเนินรายการโดย ผศ.ดร.สุวรรณา เกรียงไกรเพ็ชร์
 
                แอบมาแง้มใจเจ้าของหนังสือสักนิด...
 
                ชมัยภรเกริ่นว่า ทุกคนคงจะต้องเคยผ่านความทุกข์ในชีวิตด้วยกันทั้งนั้น และ “7 วันคดีเครื่องราชฯ” จนมาถึง “หยาดน้ำค้างพันปี” ทั้ง 2 เล่มแม้จะเป็นส่วนประกอบของกัน แต่ก็มีความแตกต่างกัน
 
                "เล่มนี้เขียนขึ้นจากความทุกข์จากสถานการณ์ตรงหน้าที่เกิดขึ้น ดิฉันคิดว่าถ้าไม่เขียนในตอนนั้น อีก 22 ปีก็คงเขียนไม่ได้ เล่ม“หยาดน้ำค้างพันปี" อยากเขียนตั้งแต่เข้าสู่คดีแล้ว 5 ปี จดไว้นิดๆ หน่อยๆ แต่ทุกอย่างจำได้ 17 ปี จบศาลชั้นต้น ดิฉันก็คิดว่าทุกอย่างจบแล้ว ดีใจแต่ก็เสียใจ เพราะวันนั้นเป็นวันที่แย่ที่สุด ดีใจว่าตัวเองยกฟ้อง แต่ว่าเพื่อนที่ร่วมคดีด้วยกันติดพันปี ช็อคมาก เราโชคดีในหมู่เพื่อนที่ร่วมคดีมาด้วยกัน แม้ว่าจะอยู่คนละกรมกอง แต่เราก็ทุกข์แทน"
 
                แววตาและน้ำเสียงของคนต้นเรื่องเจือความหดหู่ไม่น้อย เธอเล่าอีกว่า ต่อมาเมื่ออุทธรณ์อีก 5 ปี เป็น 22 ปี คำพิพากษายังคง "ยกฟ้อง" แต่เพื่อนก็ยังโดนพันปีเหมือนเดิม คดีมาสิ้นสุดจริงๆ ยาวนาน 26 ปี
 
                สำหรับการเขียนเล่าเรื่องตัวเอง ชมัยภรบอกว่า ได้แรงบันดาลใจส่วนหนึ่งมาจากคุณสุชาติ สวัสดิ์ศรี ที่บอกว่า อยากเห็นคนเขียนเรื่องคดีความ เพราะเรื่องแบบนี้มีน้อยมากในสังคมไทย
 
                "ผู้ที่มีบทบาทและทำให้หัวใจของข้าพเจ้าตั้งมั่นอยู่ได้ไม่หวั่นไหว เป็นครูทางธรรม คนหนึ่งชื่ออุบาสิกาคุณรัญจวน อินทรกำแหง  และอีกคนหนึ่งชื่อ คุณหมออมรา มลิลา ที่ให้คติธรรมว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา ดีที่สุดแล้ว” และแน่นอนที่สุด ทนายที่เป็นมิตรแท้ตลอดเวลา 22 ปีนั้นคือ คุณทองใบ ทองเปาว์  ผู้เป็นทนายให้ข้าพเจ้าและจำเลยอื่นอีก 2 คน ซึ่งมีบุญคุณสุดจะพรรณนา...
 
                หยาดน้ำค้างพันปี ดำเนินไปและจบลงด้วยน้ำตาและรอยยิ้ม จึงหวังว่า เรื่องนี้จะเป็นบทเรียนให้กับมนุษย์ ผู้ที่แท้จริงแล้วแต่ละคนเป็นได้เพียงหยดน้ำค้างหนึ่งหยดในจักรวาลเท่านั้น” ชมัยภรกล่าวความในใจ
 
                แว่บไปที่ คุณหญิงจำนงศรี หาญเจนลักษณ์  กวี นักปฏิบัติธรรม เธอบอกว่า ชอบในวิธีการใช้สัญลักษณ์ของผู้เขียนมาก "สัญลักษณ์ของการถักผ้าและทอชีวิต ดิฉันคิดอีกหนึ่งสัญลักษณ์ได้ว่าการทอชีวิตของอี๊ด คือการเขียนหนังสือ หนังสือของเขาแต่ละเล่ม ถ้าเอามาเรียงวางก็เหมือนเป็นการถักทอชีวิตของเขาเองเหมือนกัน"
 
                ด้าน จรูญพร ปรปักษ์ประลัย บอกด้วยความชื่นชมว่า หญิงคนนี้เป็นต้นแบบในด้านบวก ในการมองโลกมีความคิดที่ดีต่อแวดวงวรรณกรรม ต่อนักเขียน ต่อผู้คนต่างๆ มากมาย
 
                "ผมไม่รู้ว่าภายในพี่อี๊ดเป็นอย่างไรบ้าง พอผมอ่านเล่มนี้ผมยิ่งรู้สึกว่า สิ่งที่มันอยู่ข้างในมันไม่ปรากฏขึ้นมา เมื่อพี่อี๊ดแสดงออกตัวละครในนี้มีทุกมุมทุกแง่ของชีวิต มันทำให้เราเห็นความจริง ซึ่งตรงนี้มันทำให้เราได้เรียนรู้ธรรมะ ผ่านตัวละครเหล่านี้"
 
                ส่วน อดุล จันทรศักดิ์  บอกว่าสิ่งที่อยากเห็นในกระบวนการยุติธรรมอีกอย่างคือ ได้ชดเชยเกรียติยศ ชื่อเสียง ความกดดันของจำเลยอย่างไรบ้าง
 
                "ชีวิตทั้งชีวิตเสียไป ถ้าไม่มีธรรมเป็นเครื่องรักษาหัวใจก็ต้องตายอย่างเศร้าหมอง กระบวนการยุติธรรมของไทยไม่เคยคิดถึง ผมถึงอยากให้เรื่องนี้จะต้องเขียนเป็นสารคดี"
 
                มาถึง กฤษณา อโศกสิน พี่เอื้อยซึ่งเป็นศิลปินแห่งชาติที่มานั่งให้กำลังใจตลอดงาน ลุกขึ้นกล่าวว่า "ในวงวรรณกรรมคุณอี๊ด ชมัยภรเธอทำประโยชน์ให้ทุกฝ่ายทุกคนมาก ขับเคลื่อนวงวรรณกรรมไปในทิศทางต่างๆ เธอร่าเริงเบิกบานไม่เหมือนคนมีความทุกข์  ถ้าเป็นดิฉัน ถูกคดีความคงตายไปนานแล้วเพราะตรอมใจ และไม่ชอบเรื่องคดีมาก  คุณอี๊ดเป็นทุกข์อยู่ในใจไม่มีทางเลือก แต่ในปัจจุบัน คุณอี๊ด เหมือนได้ทำถนนจากความมืดมิดผ่านไปสู่แสงสว่างและเจริญรุ่งเรือง ก้าวหน้า ดิฉันนับถือในน้ำใจอย่างยิ่ง"
 
                ยังมี เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ได้ฝากบทกวีสั้นๆ ว่า  “บริสุทธิ์ใจประจักษ์ จะปกปักษ์และรักษา ความดีที่ทำมา จะป้องกันภยันตราย”  ซึ่งกวีบทนี้ได้รับรองสิ่งที่เกิดขึ้นกับ ชมัยภร แสงกระจ่าง คนนี้แล้ว
 
                หยาดน้ำค้างพันปี เปิดโลกแห่งการรู้จักใจ เรียนรู้และยอมรับ ให้อยู่ในทุกข์ได้อย่างสงบ อย่างที่เรียกว่า "อยู่เย็น" และจะได้สัมผัสถึงพลังของธรรม ที่หล่อเลี้ยง จิต และ ใจ ในยามที่ทดท้อ และว่ายวนอยู่ในทะเลแห่งชีวิตอย่างหนักเหนื่อย
 
                พบกับ “หยาดน้ำค้างพันปี" ได้ที่ศูนย์หนังสือจุฬาฯ ทุกสาขาและร้านหนังสือทั่วไป หรือแวะเวียนไปงานสัปดาห์หนังสือระดับชาติครั้งที่19 วันที่ 15-26 ตุลาคมนี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
 
                พบ” ชมัยภร “ ตัวจริงเสียงจริงยิ้มหวานใจดี ณ สำนักพิมพ์คมบาง  โซน C1 เลขที่บูท M41
 
                ไปส่งยิ้มให้กำลังใจเธอกันนะคะ...