
ผลิตภัณฑ์ 'จิดาภา ผ้าไทย' งานคุณภาพ...เล็งโกอินเตอร์
01 ต.ค. 2557
ทำมาหากิน : ผลิตภัณฑ์ 'จิดาภา ผ้าไทย' งานคุณภาพ...เล็งโกอินเตอร์
ผลิตภัณฑ์ "จิดาภา ผ้าไทย" ผลิตผลในเครือข่ายผ้าไหมจากบ้านหนองโก ต.ดอนกอก อ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ นับเป็นอีกหนึ่งผ้าไทยที่ปัจจุบันได้รับความนิยมและเป็นที่ยอมรับของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ นอกจาก คุณภาพ ลวดลายที่ประณีต สวยงาม มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นแล้ว การเพิ่มความหอม ความนุ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์ เป็นกลยุทธ์ที่ทำให้ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเตรียมลุยตลาดอาเซียนในอนาคตอันใกล้
นายโชติช่วง นาดา รองประธานจิดาภาผ้าไทย กล่าวว่า จิดาภาผ้าไทย ลูกข่ายผ้าไหมบ้านหนองโก ผลิตภัณฑ์ผ้าไทยที่ขึ้นชื่อของ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งมีหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ให้การสนับสนุนการทอให้แก่สตรีในหมู่บ้าน ทั้งด้านวิธีการผลิต การจัดจำหน่าย กระทั่งตั้งกลุ่มทอผ้าไหมบ้านหนองโกขึ้นเมื่อทศวรรษที่ผ่านมา จึงเร่งพัฒนาฝีมือสมาชิกกลุ่มจนได้ผ้าไหมมัดหมี่ที่มีสีสัน ลวดลาย สวยงาม ทันสมัย ทว่า ยังคงอนุรักษ์ความเป็นผ้าไหมมัดหมี่แบบดั้งเดิมไว้ ซึ่งหลากชิ้นงานส่วนใหญ่ส่งขายให้ร้านค้าโครงการศิลปาชีพสวนจิตรลดา อีกทั้งได้ออกงานขายตามบูธต่างๆ ทั้งที่ภาครัฐ เอกชน จัดขึ้น
รองประธานจิดาภาผ้าไทย กล่าวอีกว่า เพื่อพัฒนาต่อยอดผ้าไหมมัดหมี่ให้ตอบโจทย์ลูกค้าสมัยใหม่ ทางกลุ่มจึงเน้นเรื่องความนุ่ม และความมีกลิ่นหอมเพิ่มขึ้น เนื่องจากผ้าไหมส่วนใหญ่เมื่อย้อมและทอออกมาแล้วจะค่อนข้างแข็ง ดังนั้นจึงนำนวัตกรรมใหม่เข้ามาใช้กับผ้าไหมมัดหมี่ โดยนำกลิ่นสกัดจากธรรมชาติที่เรียกว่า นาโนไมโครแคปซูล ดัดแปลงหมักกับผ้าไหมทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีกลิ่นหอมและนุ่ม
"นาโนไมโครแคปซูลนี้ เกิดจากการที่อุตสาหกรรมภาค 6 ได้จัดอบรมสอนให้แก่ชาวบ้านในพื้นที่เมื่อหลายปีก่อน แต่ด้วยกรรมวิธีในการผลิตที่ยุ่งยาก ต้องอาศัยความประณีตมากๆ จึงทำให้ปัจจุบันเหลือเพียงจิดาภาผ้าไทย ที่ยังคงผลิตด้วยกรรมวิธีนี้อยู่" นายโชติช่วง แจง พร้อมระบุถึงกรรมวิธีการผลิตว่า เหมือนการผลิตผ้าไหมชนิดอื่นๆ ทว่าจะแตกต่างในขั้นตอนสุดท้ายคือ นำกลิ่นมาอบหรือหมักกับผ้าประมาณ 30 นาที
โดยทางกลุ่มนำผลิตภัณฑ์ผ้าไหมมีกลิ่นหอมออกจำหน่ายได้ประมาณ 3 ปี มีผ้าไหมกลิ่นต่างๆ อาทิ กุหลาบ มะลิ ลาเวนเดอร์ ตะไคร้ ที่ผ่านมาได้รับผลตอบรับจากผู้บริโภคดีมากจนกลายเป็นเอกลักษณ์ของจิดาภาผ้าไทย โดยเฉพาะเมื่อผ้าไทยกลิ่นต่างๆ นอกจากมีคุณสมบัติทำให้ตู้ใส่เสื้อผ้าไม่อับแล้ว และยังทำให้ผ้าชิ้นอื่นๆ หอมและนุ่มตามไปด้วย แถมเก็บรักษาง่าย จากจุดเด่นเหล่านี้จึงเป็นที่ถูกใจของลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ
"ลูกค้าคนไทยส่วนใหญ่จะชอบผ้าไทย กลิ่นกุหลาบ มะลิ ลาเวนเดอร์ ตะไคร้ แต่ลูกค้าต่างประเทศจะนิยมกลิ่นมะลิ และกุหลาบ เนื่องจากมองว่าเป็นกลิ่นหอมอ่อนๆ ไม่ฉุนมากจนเกินไป"
ด้านการตลาดนั้น รองประธานจิดาภาผ้าไทย บอกว่า มีทั้งการซื้อขายผ่านคนกลาง และไม่ผ่านคนกลาง มีตลาดระดับชุมชนและตลาดนอกชุมชน โดย 80 เปอร์เซ็นต์ เป็นการวางจำหน่ายตามบูธในการจัดงานของภาครัฐ ภาคเอกชน ทั้งในและต่างจังหวัด อย่างงาน โอท็อปซิตี้ ที่เมืองทองธานี จ.ปทุมธานี ซึ่งมีการจัดขึ้นในทุกปี ส่วนอีก 20 เปอร์เซ็นต์ จะมีลูกค้าชาวไทยสั่งสินค้าส่งไปจำหน่ายยังต่างประเทศ อาทิ สวีเดน เยอรมนี ฝรั่งเศส
อย่างไรก็ตาม นายโชติช่วง ยอมรับว่า แม้ตอนนี้จะยังไม่ได้ส่งสินค้าไปขายต่างประเทศโดยตรง แต่อนาคตอันใกล้ได้เตรียมเปิดตลาดผ้าไทยในอาเซียน ซึ่งมองว่าประชาชนของประเทศเหล่านี้มีความชื่นชอบในผลิตภัณฑ์ผ้าไหมเหมือนกัน โดยมุ่งเน้นพัฒนาด้านคุณภาพให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าในแต่ละประเทศให้มากที่สุด