ไลฟ์สไตล์

ชวนเที่ยว : 'เขาค้อ' บนเส้นทางรูท12

ชวนเที่ยว : 'เขาค้อ' บนเส้นทางรูท12

28 ก.ย. 2557

ชวนเที่ยว : 'เขาค้อ' บนเส้นทางรูท12 : เรื่อง / ภาพ ... นพพร วิจิตร์วงษ์

 
                                แม้จะเป็นที่รู้จักมานานหลายสิบปี ว่า เขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์เป็นแหล่งสูดโอโซนชั้นเยี่ยม แหล่งดูทะเลหมอกชั้นยอด ว่ากันถึงขั้น "ไปนอนที่เขาค้อ 1 คืน อายุยืนไป 1 ปี" 
 
                                ทุกวันนี้ สภาพของเขาค้อเปลี่ยนโฉมไปพอสมควร รีสอร์ทเกิดใหม่ผุดขึ้นมากมาย รถที่สัญจรไปมาเยอะกว่าแต่ก่อน เส้นทางขึ้นเขาค้อ ก็ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เส้นทางเดียวที่คดเคี้ยวขึ้นเขาสูง หากแต่สามารถเลี่ยงไปใช้ เส้นทางหมายเลข 12 เชื่อมระหว่างเพชรบูรณ์-พิษณุโลก (จากแยกหล่มสัก) และปัจจุบันกำลังขยายถนนเส้นนี้ให้กว้างขึ้น เพื่อความปลอดภัยและรองรับการจราจรที่เพิ่มมากขึ้น
 
                                ในรายทางถนนหมายเลข 12 (แยกไปขึ้นภูทับเบิกได้) มุ่งหน้าแคมป์สน บนเขาค้อ ดูซิว่า เขาค้อในช่วงปลายๆ ฤดูฝน จะสดใสแค่ไหน  แล้วฉันก็ได้เกาะล้อไปกับคณะของ ททท.ภูมิภาคภาคเหนือ และ นิตยสาร Voyage ไปตากฝนบนยอดเขาซะหน่อย 
 
                                เขาค้อ อยู่ในจังหวัดเพชรบูรณ์ด้านที่ติดกับทางพิษณุโลก เป็นกลุ่มขุนเขาที่มียอดสูงหลายแห่ง เช่น เขาย่า เป็นที่ตั้งของพระตำหนักเขาค้อ ที่มีความสูง 1,290 เมตร ส่วนยอดเขาค้อเอง มีความสูง 1,174 เมตร เป็นที่ตั้งของอนุสรณ์สถานผู้เสียสละ และยอดเขาซ่อนแก้ว ที่มีความสูงมากกว่า 1,300 เมตร และตอนนี้กำลังเนื้อหอมด้วยเป็นที่ตั้งของ วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ที่สวยงามและได้รับการคัดเลือกจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. ให้เป็น Dream destination กาลครั้งหนึ่งต้องไป 
 
                                ด้วยระยะทางราว 400 กม. ถึงแยกหล่มสัก เลี้ยวซ้ายไปตามเส้นทางหมายเลข 12 ขึ้นเขาคดเคี้ยวไปเรื่อยๆ ผ่านที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาค้อ ซึ่งแต่เดิมเป็น วนอุทยานน้ำตกธารทิพย์ ก่อนจะประกาศจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 125 บรรจุลงในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2555 
 
                                เที่ยวเขาค้อช่วงฤดูฝน ก็ต้องทำใจกับฝน ยังไม่ทันถึงแยกแคมป์สน ฝนก็ตกลงมาปรอยๆ ... เป้าหมายเปลี่ยนทันที จากเครื่องเล่นแอดเวนเจอร์บนเขาค้อ เราเลยไปนั่งจิบกาแฟอุ่นๆ มองสายฝนที่ ร้านกาแฟ Route12 แทน 
 
                                เห็นได้ว่า ร้านกาแฟเดี๋ยวนี้ ไม่ได้ขายแค่กาแฟ แต่ต้องมีไอเดียและบรรยากาศด้วย (นอกเหนือไปจากของที่ระลึกและเสื้อยืด) 
 
                                รถโรงเรียนสีเหลืองเด่น ถูกนำมาตั้งไว้ข้างร้าน กลายเป็นที่ขายป้ายไม้สำหรับจารึกความในใจ แล้วก็เอาไปห้อยไว้ที่ราวจับของรถนั่นเอง เราเองไม่รู้จะจารึกอะไร เลยได้แต่อ่านความในใจของชาวบ้าน ...กุ๊กกิ๊กไม่หยอก
 
                                ปั๊มหัวจ่ายน้ำมันเก่า มอเตอร์ไซค์รุ่นเก่า ป้ายเก่า ถูกนำมาประกอบเข้ากับสถานที่ มีมุมกิ๊บเก๋ให้ถ่ายรูป เป็นที่ถูกอกถูกใจของบรรดาเซลฟี่ ทั้งหลาย ประมาณว่า ลงจากรถของถ่ายรูปก่อนนะ กาแฟค่อยว่ากันทีหลัง (ฮา)
 
                                เบาๆ สบายๆ ในวันแรก ก่อนเข้าที่พัก ผลพลอยได้อีกอย่างของการท่องเที่ยวช่วงฤดูฝน นอกจากจะมีที่พักว่างให้เลือกแล้ว ยังราคาถูกกว่าในช่วงฤดูหนาว ที่ถูกยกให้เป็นไฮซีซั่น 
 
                                ฝนพรำๆ บนเขาสูง มองไปเห็นพระพุทธรูปบนเขาที่วัดแคมป์สน กับสายหมอกที่ถูกกดต่ำลงมาคลอเคลียกับยอดเขา แม้จะไม่ใช่จุดสูงสุดของเขาค้อ ไม่ใช่ริมอ่างเก็บน้ำรัตนัย จุดชมวิวทะเลหมอกเขาค้อที่ขึ้นชื่อ แต่อารมณ์ก็ผสมกลมกลืนไปกับธรรมชาติได้ดีไม่แพ้กัน 
 
                                วันรุ่งขึ้น ท้องฟ้าเป็นใจ เริ่มเปิดให้เห็นสีฟ้าๆ กับเมฆที่ลอยปุยๆ คณะของเราเลยได้ขึ้นไปที่ วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว หรือ วัดพระธาตุผาแก้ว บนเขาซ่อนแก้ว ที่มาของชื่อเขานี้ ที่เรื่องเล่าต่อๆ กันมาว่า มีชาวบ้านพบเห็นลูกแก้วลอยเข้าไปที่ถ้ำบนหน้าผา ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นพระบรมสารีริกธาตุ และก็เลยเรียกชื่อเขาแห่งนี้ว่า เขาซ่อนแก้ว 
 
                                ทางเข้าวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว เป็นทางเข้าเดียวกับหมู่บ้านทางแดง ต.แคมป์สน ทางชันและแคบ ควรขับรถด้วยความระมัดระวัง แค่ 3 กิโลกว่า ๆ ก็เห็นบริเวณวัดทั้งบนเนินและในหุบ มีทั้งเจดีย์ที่สวยงามวิจิตรเห็นได้ในระยะไกล วัดนี้สร้างมาได้ 9 ปี บุกเบิกก่อสร้างตั้งแต่ปี 2547 โดยพระครูใบฎีกาอำนาจ โอภาโส หรือ อำนาจ กลั่นประชา ซึ่งเป็นศิลปินใหญ่ ที่ละทางโลกเข้าสู่สมณเพศ แล้วยังบริจาคทรัพย์ส่วนตัวมาบุกเบิกสร้างวัดนี้
 
                                ค้นประวัติท่านดู ก็ทราบว่าท่านได้รับรางวัลมากมายทั้งในประเทศและต่างประเทศ และยังมีนิทรรศการศิลปะเดี่ยวทั้งในและต่างประเทศรวม 21 ครั้ง  และนิทรรศการศิลปะกลุ่ม 31 ครั้ง จึงไม่แปลกใจที่วัดนี้จะสร้างได้อย่างสวยงาม และตกแต่งด้วยศิลปะหลายแขนง โดยเฉพาะบริเวณองค์เจดีย์ สวยงามทั้งภายนอก ด้วยสีสันของถ้วยชามเบญจรงค์ ลูกปัด แก้ว แหวน มุก รวมถึงบริเวณลานด้านหน้าเจดีย์ ก็ตกแต่งสวยงาม ส่วนด้านในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ได้รับประทานจากสมเด็จพระสังฆราช  
 
                                เยื้ยงกับองค์พระเจดีย์ กำลังก่อสร้างมหาวิหารพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ ขณะนี้ใกล้จะแล้วเสร็จ เปิดให้คนขึ้นชมด้านบนได้แล้ว แต่ควรต้องระมัดระวัง มหาวิหารนี้ใหญ่มาก เห็นได้ในระยะไกล ฐานมีขนาดความกว้าง 41 เมตร ยาว 72 เมตร และสูง 45 เมตร แบ่งเป็น 6 ชั้น โดยส่วนของชั้นที่ 1 และ 2 ได้จัดเป็นที่พักของผู้เข้าปฏิบัติธรรม ส่วนบริเวณอื่นๆนั้น ใช้เป็นที่ประกอบศาสนากิจ ได้แก่ การสวดมนต์ ฟังธรรม และการปฏิบัติภาวนา บริเวณลานด้านหน้ามหาวิหาร ยังเป็นจุดชมวิวเขาค้อได้กว้างไกลอีกด้วย 
 
                                ออกจากผาซ่อนแก้ว คณะเรามุ่งหน้าไปยังสถานที่เก่าแก่อีกแห่งหนึ่ง ที่อยู่คู่กับเขาค้อจนเป็นสัญลักษณ์หนึ่งไปแล้ว คือ พระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก ตั้งอยู่บนเขาค้อ ริมทางหลวงหมายเลข 2196 ห่างจากที่ว่าการอำเภอเขาค้อ ราว 2 กิโลเมตร เป็นเจดีย์ที่มีสถาปัตยกรรมผสมผสานทั้งแบบสุโขทัย อยุธยา และรัตนโกสินทร์ ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปให้ประชาชนได้สักการะบูชา ยอดเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พระอัฐธาตุของพระพุทธเจ้า ที่อัญเชิญมาจากประเทศศรีลังกา โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานให้แก่ประชาชนในพื้นที่ หลังจากยุติการสู้รบกับคอมมิวนิสต์ใน ประเทศไทย และพระราชทานชื่อ “พระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก” เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2539
 
                                มาถึงที่นี่ นอกจากจะไหว้พระ จุดเทียนถวาย บางคนอาจจะอธิษฐานเสี่ยงทายด้วยการยกพระพุทธรูปว่ากันว่าศักดิ์สิทธิ์ แต่ห้ามขอเรื่องคู่หรือคนรัก แล้วที่ต้องไม่พลาด คือ เดินเคาะระฆัง ที่เรียงรายอยู่ริมทางด้านข้างวพระบรมธาตุเจดีย์ ลองนับกันดูนะคะว่ามีระฆังกี่ใบ ??
 
                                นั่นซิ ระฆังกี่ใบกัน?? ฉันนั่งนึกอยู่ริมระเบียงห้องพัก เดอะบลูสกาย ก็มาเที่ยวบางครั้งเราไม่ได้จดจ่อว่าต้องรู้รายละเอียดไปวะทั้งหมด แค่เดินเคาะระฆัง เดินถ่ายรูป ดูบรรยากาศโดยรอบให้อิ่มตาอิ่มใจ ทำให้ลืมนึกถึงรายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆ ไปได้ไม่ยาก 
 
                                เขาค้อไม่ว่าจะฤดูฝนหรือฤดูหนาว ก็น่าเที่ยวไปทั้งนั้น ขอแค่รับกับสภาพของธรรมชาติที่เกิดขึ้นได้ เหมือนตอนนี้ ที่มานั่งรับลมเย็นๆ กรุ่นไอละอองฝน อยู่ริมระเบียงห้อง มองวิวเขาเบื้องหน้า ที่มีสายหมอกคลอเคลีย บางที...คำตอบของการท่องเที่ยวก็อยู่แค่นี้เอง
 
 
 
 
 
--------------------------
 
(ชวนเที่ยว : 'เขาค้อ' บนเส้นทางรูท12 : เรื่อง / ภาพ ... นพพร วิจิตร์วงษ์)