ไลฟ์สไตล์

นั่งรถไฟไป “บูดาเปสท์”

นั่งรถไฟไป “บูดาเปสท์”

04 ก.ค. 2552

บอกจะไปบูดาเปสท์...บูดาเปสท์ (Budapest) มิ่งมิตรก็ยังคิดว่าเราจะไปดูบุดดาเบลสอยู่ได้ เพื่อนไม่ได้ดูวัยและสารรูปคนพูดเลย ว่าทั้งหนังหน้าและสังขารจะเข้ากับวงฮิพฮอพรึเปล่า อย่างเรามันต้องจังหวะหืดหอบอะไรพรรณนั้น จะเหมาะกว่า

 พอพาตัวเองไปถึงเวียนนาได้  เส้นทางสู่บูดาเปสท์ เมืองหลวงแห่งฮังการี (Hungary) ก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอีกต่อไป  เพราะเมื่อเดินทางด้วยรถไฟยุโรป (โทรถามตารางรถไฟที่ดีทแฮล์มฯ 0-2660-7067-9) แค่โคลงเคลงไป 3 ชั่วโมงโดยประมาณ  ก็ได้เที่ยวบูดาเปสท์สมใจหวัง หลายคนจึงนิยมเที่ยวบูดาเปสท์แบบไปเช้าเย็นกลับจากเวียนนาด้วยซ้ำ

 บูดาเปสท์เข้าเป็นสมาชิกยุโรปและใช้วีซ่าเชงเก้นเข้าประเทศได้แล้ว  แต่แปลกดีที่ยังไม่ยอมเปลี่ยนมาใช้เงินยูโร ยังคงใช้เงินสกุลฟอรินต์ของตัวเองอยู่ ฉะนั้น เมื่อไปถึงปุ๊บต้องหาที่แลกสตุ้งสตางค์ก่อนทำอย่างอื่น

 คำเตือนจากเจ้าหน้าที่การท่องเที่ยวที่สถานีรถไฟ  บอกให้สำรวจตรวจเรตดูให้ดีเชียว เพราะนักท่องเที่ยวถูกตุ๋นเป็นประจำ ฉันจึงปฏิบัติตามอย่างว่านอนสอนง่าย แต่ละบูธเรตแลกเงินจะไม่เท่ากัน แต่ที่น่าสนใจกว่านั้น ทุกหน้าเคาน์เตอร์แลกเงิน จะมีพวกหน้าม้าจากตลาดมืดมายืนดัก โดยยื่นข้อเสนอที่ดีกว่า เช่น ที่บูธให้ยูโรละ 140 แต่เขาเสนอให้ดี 200 แล้วเราควรจะแลกกับบูธมั้ยล่ะ

 หอบเงินลงรถไฟใต้ดินสถานี Kerepesi อยู่ติดสถานีรถไฟ เพื่อมุ่งหน้าไปหาย่านไข่แดงของเมือง เจ้าหน้าที่การรถไฟบอกว่าให้ลงสถานี Deak ter  ที่อยู่ฝั่งเปสท์ประมาณว่าเป็นสถานีสยามแห่งบูดาเปสท์  แต่ฉันดื้อด้านนั่งรถไฟใต้ดินมุดแม่น้ำดานูบไปลงที่สถานี Batthyony  ที่อยู่ฝั่งบูดา  เพราะดูตามพิกัดของลายแทง พอโผล่ขึ้นจากสถานีนี้น่าจะได้เห็นอาคารรัฐสภาที่มีดานูบโรยด้านหน้าไว้    
  
 แม่นเหมือนตาเห็น โผล่ขึ้นจากสถานีรถไฟใต้ดิน  อาคารรัฐสภาก็ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า
 เป็นสิ่งปลูกสร้างสไตล์นีโอโกธิกอันภูมิฐานที่ทอดตัวอยู่ริมฝั่งเปสท์  เขาว่ากันว่า ทั่วทั้งยุโรปไม่มีที่ไหนอาคารรัฐสภาที่ไหนงดงามเท่าที่นี่อีกแล้ว ยอดโดมเด่นตระหง่านดึงสายตาทุกคู่ให้พุ่งเข้าหา  แต่ยอดแหลมอีก 365 ยอดช่วยปรุงแต่งให้อาคารรัฐสภาเปล่งรัศมีแห่งความวิจิตรได้อย่างเต็มเหนี่ยว แน่นอนว่าแม่น้ำดานูบช่วยเนรมิตให้สถานที่แห่งนี้อาบไล้ไว้ด้วยความงาม

 บางทีอาจจะจริงที่ว่า  หากบูดาเปสท์ไร้ซึ่งสายน้ำคดโค้งอย่างดานูบ อาจจะเป็นบูดาเปสท์ที่เสน่ห์ไม่จัดจ้านเท่าทุกวันนี้

  ฉันยังเดินเกะกะอยู่บนฝั่งบูดา เป้าหมายอยู่ที่ป้อมชาวประมง (Fisherman's Bastion แต่กว่าจะไปถึงที่นั่น  ก็แวะตามเบี้ยใบ้รายทางอย่างกะปริบกะปรอย  ทั้งโบสถ์เซนต์แอน (Church of St.Anne) อาคารเก่าแก่  และร้านอาหารหน้าตาไฉไลอีกนับไม่ถ้วน

 ถัดจากอาคารรัฐสภาที่ทุกคนอย่างเห็น  ก็เห็นจะเป็นป้อมชาวประมงนี่แหละ ที่ผู้มาเยือนบูดาเปสท์ทุกคนอยากไปหา

 ไม่ใช่เพราะที่นี่เป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ที่ดีที่สุด แต่เพราะประวัติศาสตร์หลายหน้าของฮังการี  ก่อกำเนิดขึ้นบนเนินเขาแห่งนี้  ทั้งธรรมชาติและประวัติศาสตร์จึงน่าสนใจไม่แพ้กัน

 ป้อมปราการ ปราสาทบูดา และอนุสรณ์สถานที่เชิดหน้าอยู่บนฝั่งซ้ายของแม่น้ำดานูบ  บอกเล่าถึงประวัติศาสตร์การก่อร่างสร้างชาติของชนชาวฮังกาเรียน โดยเฉพาะกลุ่มชาวประมงที่เสียสละลมหายใจเพื่อรักษาแผ่นดินเอาไว้เมื่อคราวที่ถูกพวกมองโกลบุกเข้ามาระรานในราวศตวรรษที่ 13 จึงมีอนุสรณ์สถานเพื่อเชิดชูชาวประมงสร้างขึ้น ณ ที่แห่งนี้

  มหาวิหารแมทเทียส (Matthias Church) ศูนย์รวมจิตวิญญาณของชาวเมือง ไม่เคยอัตคัดผู้คน  หัวแถวอยู่ในชายคาโบสถ์ แต่หางแถวเลื้อยไปไหนต่อไหนไม่รู้  นั่นเพราะทุกคนอยากเข้าไปชมด้านในของโบสถ์เก่าแก่ที่มีตำแหน่งมรดกโลกประทับอยู่  ข้าวของล้ำค่าและภาพไอคอนหลายชิ้นถูกเก็บอยู่ด้านใน   แต่สำหรับคนขี้เกียจต่อคิว แค่ดูหลังคาโบสถ์แห่งนี้ยังคุ้มเลย เพราะสีสันและลวดลายอันงามตาดึงให้กล้องทุกตัวซูมเข้าหา  ว่ากันว่า สมัยที่พวกตุรกีเข้ามาปกครอง ที่นี่เคยถูกโมดิฟายให้เป็นมัสยิดด้วย

 พูดถึงตุรกี ต้องยอมรับว่าช่วงที่เข้ามาปกครองฮังการีราวปีค.ศ.1541 เป็นเวลาเกือบ 150 ปี เลยทิ้งมรดกตกทอดทางวัฒนธรรมเอาไว้ให้ดูต่างหน้าไม่น้อยเหมือนกัน อย่างน้อยก็โรงอาบน้ำแบบพวกเติร์ก และสุเหร่า

 รับประทานวิวงามหยดของฝั่งเปสท์จากฝั่งบูดาอิ่มจนล้นถึงคอหอย  ถึงได้ถอนสมอกลับฝั่งเปสท์  ฉันทำตามกฎเหล็กที่ติวเตอร์หลายสำนักกำชับไว้  ไม่ว่าจะเหนื่อยหรือขี้เกียจแค่ไหน ก็ต้องเดินเท้าข้ามสะพานเชน (Chain Bridge)ให้ได้  เพราะนั่นจะเป็นวิธีเดียวที่จะค่อยๆ ซึมซับเอาความงามแบบคลาสสิกของบูดาเปสท์เก็บเป็นของที่ระลึก

 สะพานอายุ 100 กว่าปีแห่งนี้ เป็นเสมือนโซ่ทองคล้องบูดากับเปสท์ให้เชื่อมถึงกัน  ยาวเกือบหนึ่งรอบสนามฟุตบอล เดินแค่เหงื่อซึมๆ ก็ข้ามถึงอีกฝั่ง  หนุ่มสาวมักเกี่ยวก้อยกันมายืนดื่มดมความโรแมนติกบนสะพานเชน ส่วนฉันพ้นคอสะพานเชนปุ๊บก็ใส่เกียร์สองพุ่งไปหาโบสถ์เซนต์ สตีเฟน(St. Stephen’s Church) โบสถ์คาทอลิกอันยิ่งใหญ่ประจำบูดาเปสท์ที่ตั้งตะหง่านอยู่กลางเมือง

 แดดต้นฤดูร้อน ดึงชาวบูดาเปสท์ให้ออกมานั่งผึ่งแดดแถวตีนบันไดด้านหน้าโบสถ์  ส่วนคนบ้านใกล้เส้นศูนย์สูตรที่บริโภคแสงแดดมาตลอดชีวิต ขอปลีกตัวไปนั่งแฮงก์เอาท์ในย่านสยามแห่งบูดาเปสท์  ดูเมืองหลวงแห่งฮังการีในอารมณ์และอิริยบถที่ครึกครื้น

 แล้วก็พบว่า สวย คลาสสิก ร่าเริง รื่นรมย์ ล้วนซ่อนเร้นอยู่ในตัวบูดาเปสท์ทั้งสิ้น

"กาญจนา หงษ์ทอง"