
นั่งรถไฟไป บูดาเปสท์
บอกจะไปบูดาเปสท์...บูดาเปสท์ (Budapest) มิ่งมิตรก็ยังคิดว่าเราจะไปดูบุดดาเบลสอยู่ได้ เพื่อนไม่ได้ดูวัยและสารรูปคนพูดเลย ว่าทั้งหนังหน้าและสังขารจะเข้ากับวงฮิพฮอพรึเปล่า อย่างเรามันต้องจังหวะหืดหอบอะไรพรรณนั้น จะเหมาะกว่า
พอพาตัวเองไปถึงเวียนนาได้ เส้นทางสู่บูดาเปสท์ เมืองหลวงแห่งฮังการี (Hungary) ก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอีกต่อไป เพราะเมื่อเดินทางด้วยรถไฟยุโรป (โทรถามตารางรถไฟที่ดีทแฮล์มฯ 0-2660-7067-9) แค่โคลงเคลงไป 3 ชั่วโมงโดยประมาณ ก็ได้เที่ยวบูดาเปสท์สมใจหวัง หลายคนจึงนิยมเที่ยวบูดาเปสท์แบบไปเช้าเย็นกลับจากเวียนนาด้วยซ้ำ
บูดาเปสท์เข้าเป็นสมาชิกยุโรปและใช้วีซ่าเชงเก้นเข้าประเทศได้แล้ว แต่แปลกดีที่ยังไม่ยอมเปลี่ยนมาใช้เงินยูโร ยังคงใช้เงินสกุลฟอรินต์ของตัวเองอยู่ ฉะนั้น เมื่อไปถึงปุ๊บต้องหาที่แลกสตุ้งสตางค์ก่อนทำอย่างอื่น
คำเตือนจากเจ้าหน้าที่การท่องเที่ยวที่สถานีรถไฟ บอกให้สำรวจตรวจเรตดูให้ดีเชียว เพราะนักท่องเที่ยวถูกตุ๋นเป็นประจำ ฉันจึงปฏิบัติตามอย่างว่านอนสอนง่าย แต่ละบูธเรตแลกเงินจะไม่เท่ากัน แต่ที่น่าสนใจกว่านั้น ทุกหน้าเคาน์เตอร์แลกเงิน จะมีพวกหน้าม้าจากตลาดมืดมายืนดัก โดยยื่นข้อเสนอที่ดีกว่า เช่น ที่บูธให้ยูโรละ 140 แต่เขาเสนอให้ดี 200 แล้วเราควรจะแลกกับบูธมั้ยล่ะ
หอบเงินลงรถไฟใต้ดินสถานี Kerepesi อยู่ติดสถานีรถไฟ เพื่อมุ่งหน้าไปหาย่านไข่แดงของเมือง เจ้าหน้าที่การรถไฟบอกว่าให้ลงสถานี Deak ter ที่อยู่ฝั่งเปสท์ประมาณว่าเป็นสถานีสยามแห่งบูดาเปสท์ แต่ฉันดื้อด้านนั่งรถไฟใต้ดินมุดแม่น้ำดานูบไปลงที่สถานี Batthyony ที่อยู่ฝั่งบูดา เพราะดูตามพิกัดของลายแทง พอโผล่ขึ้นจากสถานีนี้น่าจะได้เห็นอาคารรัฐสภาที่มีดานูบโรยด้านหน้าไว้
แม่นเหมือนตาเห็น โผล่ขึ้นจากสถานีรถไฟใต้ดิน อาคารรัฐสภาก็ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า
เป็นสิ่งปลูกสร้างสไตล์นีโอโกธิกอันภูมิฐานที่ทอดตัวอยู่ริมฝั่งเปสท์ เขาว่ากันว่า ทั่วทั้งยุโรปไม่มีที่ไหนอาคารรัฐสภาที่ไหนงดงามเท่าที่นี่อีกแล้ว ยอดโดมเด่นตระหง่านดึงสายตาทุกคู่ให้พุ่งเข้าหา แต่ยอดแหลมอีก 365 ยอดช่วยปรุงแต่งให้อาคารรัฐสภาเปล่งรัศมีแห่งความวิจิตรได้อย่างเต็มเหนี่ยว แน่นอนว่าแม่น้ำดานูบช่วยเนรมิตให้สถานที่แห่งนี้อาบไล้ไว้ด้วยความงาม
บางทีอาจจะจริงที่ว่า หากบูดาเปสท์ไร้ซึ่งสายน้ำคดโค้งอย่างดานูบ อาจจะเป็นบูดาเปสท์ที่เสน่ห์ไม่จัดจ้านเท่าทุกวันนี้
ฉันยังเดินเกะกะอยู่บนฝั่งบูดา เป้าหมายอยู่ที่ป้อมชาวประมง (Fisherman's Bastion แต่กว่าจะไปถึงที่นั่น ก็แวะตามเบี้ยใบ้รายทางอย่างกะปริบกะปรอย ทั้งโบสถ์เซนต์แอน (Church of St.Anne) อาคารเก่าแก่ และร้านอาหารหน้าตาไฉไลอีกนับไม่ถ้วน
ถัดจากอาคารรัฐสภาที่ทุกคนอย่างเห็น ก็เห็นจะเป็นป้อมชาวประมงนี่แหละ ที่ผู้มาเยือนบูดาเปสท์ทุกคนอยากไปหา
ไม่ใช่เพราะที่นี่เป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ที่ดีที่สุด แต่เพราะประวัติศาสตร์หลายหน้าของฮังการี ก่อกำเนิดขึ้นบนเนินเขาแห่งนี้ ทั้งธรรมชาติและประวัติศาสตร์จึงน่าสนใจไม่แพ้กัน
ป้อมปราการ ปราสาทบูดา และอนุสรณ์สถานที่เชิดหน้าอยู่บนฝั่งซ้ายของแม่น้ำดานูบ บอกเล่าถึงประวัติศาสตร์การก่อร่างสร้างชาติของชนชาวฮังกาเรียน โดยเฉพาะกลุ่มชาวประมงที่เสียสละลมหายใจเพื่อรักษาแผ่นดินเอาไว้เมื่อคราวที่ถูกพวกมองโกลบุกเข้ามาระรานในราวศตวรรษที่ 13 จึงมีอนุสรณ์สถานเพื่อเชิดชูชาวประมงสร้างขึ้น ณ ที่แห่งนี้
มหาวิหารแมทเทียส (Matthias Church) ศูนย์รวมจิตวิญญาณของชาวเมือง ไม่เคยอัตคัดผู้คน หัวแถวอยู่ในชายคาโบสถ์ แต่หางแถวเลื้อยไปไหนต่อไหนไม่รู้ นั่นเพราะทุกคนอยากเข้าไปชมด้านในของโบสถ์เก่าแก่ที่มีตำแหน่งมรดกโลกประทับอยู่ ข้าวของล้ำค่าและภาพไอคอนหลายชิ้นถูกเก็บอยู่ด้านใน แต่สำหรับคนขี้เกียจต่อคิว แค่ดูหลังคาโบสถ์แห่งนี้ยังคุ้มเลย เพราะสีสันและลวดลายอันงามตาดึงให้กล้องทุกตัวซูมเข้าหา ว่ากันว่า สมัยที่พวกตุรกีเข้ามาปกครอง ที่นี่เคยถูกโมดิฟายให้เป็นมัสยิดด้วย
พูดถึงตุรกี ต้องยอมรับว่าช่วงที่เข้ามาปกครองฮังการีราวปีค.ศ.1541 เป็นเวลาเกือบ 150 ปี เลยทิ้งมรดกตกทอดทางวัฒนธรรมเอาไว้ให้ดูต่างหน้าไม่น้อยเหมือนกัน อย่างน้อยก็โรงอาบน้ำแบบพวกเติร์ก และสุเหร่า
รับประทานวิวงามหยดของฝั่งเปสท์จากฝั่งบูดาอิ่มจนล้นถึงคอหอย ถึงได้ถอนสมอกลับฝั่งเปสท์ ฉันทำตามกฎเหล็กที่ติวเตอร์หลายสำนักกำชับไว้ ไม่ว่าจะเหนื่อยหรือขี้เกียจแค่ไหน ก็ต้องเดินเท้าข้ามสะพานเชน (Chain Bridge)ให้ได้ เพราะนั่นจะเป็นวิธีเดียวที่จะค่อยๆ ซึมซับเอาความงามแบบคลาสสิกของบูดาเปสท์เก็บเป็นของที่ระลึก
สะพานอายุ 100 กว่าปีแห่งนี้ เป็นเสมือนโซ่ทองคล้องบูดากับเปสท์ให้เชื่อมถึงกัน ยาวเกือบหนึ่งรอบสนามฟุตบอล เดินแค่เหงื่อซึมๆ ก็ข้ามถึงอีกฝั่ง หนุ่มสาวมักเกี่ยวก้อยกันมายืนดื่มดมความโรแมนติกบนสะพานเชน ส่วนฉันพ้นคอสะพานเชนปุ๊บก็ใส่เกียร์สองพุ่งไปหาโบสถ์เซนต์ สตีเฟน(St. Stephen’s Church) โบสถ์คาทอลิกอันยิ่งใหญ่ประจำบูดาเปสท์ที่ตั้งตะหง่านอยู่กลางเมือง
แดดต้นฤดูร้อน ดึงชาวบูดาเปสท์ให้ออกมานั่งผึ่งแดดแถวตีนบันไดด้านหน้าโบสถ์ ส่วนคนบ้านใกล้เส้นศูนย์สูตรที่บริโภคแสงแดดมาตลอดชีวิต ขอปลีกตัวไปนั่งแฮงก์เอาท์ในย่านสยามแห่งบูดาเปสท์ ดูเมืองหลวงแห่งฮังการีในอารมณ์และอิริยบถที่ครึกครื้น
แล้วก็พบว่า สวย คลาสสิก ร่าเริง รื่นรมย์ ล้วนซ่อนเร้นอยู่ในตัวบูดาเปสท์ทั้งสิ้น
"กาญจนา หงษ์ทอง"