ไลฟ์สไตล์

กัลยาณมิตรทางธรรมที่ชื่'ถวัลย์ ดัชนี'

กัลยาณมิตรทางธรรมที่ชื่'ถวัลย์ ดัชนี'

10 ก.ย. 2557

มุ่งมั่น บากบั่น มีภูมิธรรม รักถิ่นเกิด กัลยาณมิตรทางธรรมที่ชื่'ถวัลย์ ดัชนี'

               ข้อคิดอันเป็นสัจธรรมตามความเชื่อพระพุทธศาสนา แนวทางการดำเนินชีวิตที่เป็นเอกลักษณ์ และ “ผลงานศิลปะ” ที่โดดเด่นมีรูปแบบที่ไม่เหมือนใครในโทนสีดำและแดง ซึ่งมีต้นกำเนิดจากงานพุทธศิลป์ดั้งเดิม เป็นสัญลักษณ์และภาพจดจำถึงศิลปินชื่อก้องโลก “ถวัลย์ ดัชนี” ศิลปินแห่งชาติ ผู้ล่วงลับตลอดกาล นอกจากบุคคลสำคัญ พี่น้องผองเพื่อนศิลปิน ลูกศิษย์ ประชาชนทั่วไปที่มาร่วมอาลัยในวันรดน้ำศพ “ถวัลย์ ดัชนี” (4 ก.ย. 2557) และบำเพ็ญกุศล ณ ศาลา 1 วัดเทพศิรินทราวาสแล้ว ยังมีกัลยาณมิตรทางธรรม อย่าง พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (ว.วชิรเมธี) พระนักเทศน์ชื่อดังชาวจังหวัดเชียงรายด้วย

                ท่าน ว.วชิรเมธี เล่าว่า พระอาจารย์มีบ้านเกิดที่เชียงราย ได้รู้จักชื่อเสียง อ.ถวัลย์ มานาน ตั้งแต่สมัยเป็นสามเณร เนื่องจากวัดที่พระอาจารย์ศึกษาอยู่ชื่อวัดพระสิงห์ เป็นพระอารามหลวง มีงานไม้แกะสลักผลงานของ อ.ถวัลย์ประดับอยู่ 1 ชิ้น ชื่อผลงานว่า ดิน น้ำ ลม ไฟ เป็นประตูหลวงของวิหารหลวงวัดพระสิงห์ ตลอด 6 ปีที่เป็นสามเณรอยู่วัดพระสิงห์ อาตมามีหน้าที่หลักคือเฝ้าวิหารหลวง ทุกครั้งที่มีแขกไปวัด อาตมาเป็นผู้นำชมวัด หรือเป็นมัคคุเทศก์อธิบายงานศิลปกรรมของ อ.ถวัลย์ และหลวงพ่อของอาตมานั้นอายุรุ่นราวคราวเดียวกับ อ.ถวัลย์ ต่อมาเมื่อบวชพระเรียนจบเปรียญธรรม 9 ประโยค อาตมาก็สนใจในธรรมะ พุทธธรรม และพุทธศิลป์ จึงได้มีโอกาสได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้งานพุทธศิลป์กับ อ.ถวัลย์ เรื่อยมา

                “แต่ละครั้งที่ได้พูดคุยกับอาจารย์ถวัลย์ ท่านจะให้เวลากับอาตมามากเป็นพิเศษ มีอยู่ครั้งหนึ่งอาตมาเคยนั่งคุยกับท่าน ตั้งแต่บ่าย 3 โมง จนถึง 2 ทุ่ม และท่านเอ็นดูมาก ท่านบอกว่าท่านอาจารย์ ว. ยังหนุ่มมาก ส่วนผมนั้นเหมือนอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้า เพราะฉะนั้น อะไรที่ผมรู้ ผมจะเล่าถวายทั้งหมด จากนั้นท่านก็เปิดบ้านดำ 35 หลัง ให้ชมและอธิบายทุกหลังอย่างละเอียดยิบ ท่านก็เล่าให้ฟังว่าเวลาว่างจะอ่านหนังสือ อ่านพระไตรปิฎก เป็นตู้ๆ อ่านหนังสือของท่านพุทธทาส หลวงพ่อชา แล้วเราก็ถกกันถึงพุทธธรรมระดับปรมัตถธรรมที่ลึกซึ้ง จนกระทั่งหมดเรื่องจะคุย จากนั้น อ.ถวัลย์ก็บอกว่า ผมสบายใจแล้ว”

                ในมุมมองของท่าน ว.วชิรเมธี จึงมองว่า อ.ถวัลย์นั้นเป็นอัจฉริยภาพ เป็นคนที่มีความจำดีมาก โดยเฉพาะพุทธธรรมขั้นลึกซึ้ง วรรณคดี วรรณกรรมชิ้นเอกของไทย กวีนิพนธ์ต่างๆ ตั้งแต่ กำสรวลสมุทร โคลงของศรีปราชญ์ นิราศต่างๆ กลอนของสุนทรภู่ แม้กระทั่งลิลิตพระลออันเก่าแก่ อ.ถวัลย์สามารถว่ากลอนสดๆ ให้ฟังได้ทั้งหมด นับเป็นหนึ่งของไทยและของชาวเชียงราย หลายครั้งที่คุยกันอยู่ดีๆ ท่านก็ผุดบทกวีสมัยอยุธยาขึ้นมา แล้วพอท่านคิดไม่ออก เราก็ช่วยกันต่อบทเป็นอย่างนี้ทุกครา อาตมาคิดว่าความจำที่เป็นหนึ่งของท่านนั้นมาจากความเข้าใจในพุทธธรรมที่มีอยู่อย่างลึกซึ้ง เคยพูดกับอาตมาว่า “ถ้าผมบวช ผมจะเป็นพระเซน เพราะผมว่ามันลึกซึ้ง มีแก่นสาร”

                ส่วนอัธยาศัยไมตรีของ อ.ถวัลย์นั้น ท่าน ว.วชิรเมธี เล่าว่า ท่านเป็นผู้ใหญ่ที่เข้าใจผู้น้อย เวลาผู้น้อยไปหาท่านจะให้เวลาสนทนามากเป็นพิเศษ อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นอัตลักษณ์ของท่าน คือเป็นคนตัวสูงใหญ่ มีเครา แต่ความเป็นจริงเป็นคนอารมณ์ดี อ่อนไหว มีมุกตลกอย่างล้นเหลือ ใครไปหาต้องได้หัวเราะกลับมาทุกคน มุกแต่ละมุก ตลกมืออาชีพยังอาย มีเรื่องเล่าที่มีเรื่องราวตลอดชีวิต จากตะวันออกถึงตะวันตก ไม่เคยซ้ำ มีทั้งเรื่องสนุกขบขัน บันเทิงเริงธรรม กล่าวได้ว่า ถึงเวลาท่านลึกก็ลึกสุดหยั่ง ถึงที่ขำก็ขำจนเราเส้นตื้นขึ้นมาได้ เป็นบุคคลที่มีอารมณ์ขันอันลึกซึ้ง ร้ายเหลือ

                พระนักเทศน์ชื่อดัง เล่าต่อไปว่า ในคืนก่อนที่ อ.ถวัลย์จะสิ้นนั้น อาตมาฝันว่าเจดีย์ล้ม ตื่นขึ้นมาอาตมาก็ตกใจมากว่านี่เป็นฝันที่น่าสะพรึง เจดีย์คืออะไร อาตมานั่งถามตัวเอง วันรุ่งขึ้นก็ได้ทราบข่าวว่า อ.ถวัลย์สิ้น เพราะฉะนั้นนัยที่ธรรมชาติส่งผ่านเรามาต้องการบอกว่าเราได้สูญเสียผู้ที่เป็นดังหนึ่งเจดีย์ทางศิลปะคนสำคัญของไทยและเวทีโลกไปแล้วอีก 1 องค์ การสูญเสียครั้งนี้ ถือเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของชาวจังหวัดเชียงราย ท่านอาจารย์เป็นผู้ที่เอาพุทธธรรมมาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างงานศิลปะและทำได้อย่างลุ่มลึก ผลงานกลายเป็นที่ต้องตาต้องใจระดับโลก เพราะเบื้องหลังของเส้นสีทีแปรงนั้นมีพุทธปรัชญาแทรกอยู่

                อยากฝากถึงคนรุ่นใหม่ว่าคุณค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน ท่าน อ.ถวัลย์นั้นเป็นสามัญชนของแท้และดั้งเดิม มาจากพ่อแม่ที่เป็นชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่ง แต่สามารถสร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นมาจนกลายเป็นบุคคลสำคัญของโลก โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีรางวัลมาการันตี คนที่ตามีแววก็พอจะมองออกว่าคนคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา เกิดมาเพื่อเป็นตัวจริงในวงการศิลปะ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราได้เรียนรู้จากท่านก็คือความมุมานะ บากบั่น ความตั้งใจจริง เมื่อได้ทำอะไรก็ตาม ท่านจะทำสิ่งนั้นอย่างดีที่สุด ถึงที่สุด ครั้งหนึ่ง อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ เคยถาม อ.ถวัลย์ว่า ผมกับพี่ ใครขยันกว่ากัน อ.ถวัลย์ไม่ตอบ แต่เดินเข้าไปในห้องวาดภาพแล้วชี้ให้ดูภาพซึ่งวาดเพื่อฝึกฝีมือให้มีความเที่ยง ความแน่ ความคม ความชัด มีเป็นพันๆ ภาพ ท่านบอกว่า “เราต้องวาดเป็นพันครั้ง ต้องทิ้งนับพันภาพ เพื่อนำเพียงภาพเดียวที่ดีที่สุดมาแสดงต่อสายตาชาวโลก”

                “ถ้าใครอยากเป็นตัวจริงอย่าง อ.ถวัลย์ ควรรู้ว่าความสำเร็จนั้นไม่ได้มาจากการบนบานศาลกล่าว ไม่มีทางลัดง่ายๆ แต่ความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ของ อ.ถวัลย์เริ่มจาก 1.ความตั้งใจที่มุ่งมั่น 2.ความบากบั่นไม่ท้อถอย 3.การไม่ยี่หระต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตำหนิติติงต่างๆ 4.การเป็นคนรากฐานภูมิรู้ภูมิธรรมลึกซึ้ง 5.เมื่อท่านถึงฝั่งความสำเร็จแล้ว ท่านกลับมาหาแผ่นดินถิ่นเกิด ครั้งหนึ่งท่านกล่าวกับอาตมาว่า อ้ายจะไม่ไปสร้างหอศิลป์ที่ทวีปอื่นเพราะว่ารากแก้วของอ้ายอยู่ที่เชียงราย นี่คือแผ่นดินของอ้าย อ้ายจะเอาเกสรที่หอมหวนที่สุดของศิลปะมาประดับแผ่นดินเชียงราย ให้มันหอมไกลไปทั่วโลก”

...........................................

(หมายเหตุ : มุ่งมั่น บากบั่น มีภูมิธรรม รักถิ่นเกิด กัลยาณมิตรทางธรรมที่ชื่'งถวัลย์ ดัชนี' : ผกามาศ ใจฉลาดรายงาน)