ไลฟ์สไตล์

'ดรีมทีม'ปฏิรูปการศึกษา

'ดรีมทีม'ปฏิรูปการศึกษา

05 ก.ย. 2557

'ดรีมทีม'ปฏิรูปการศึกษา : กมลทิพย์ ใบเงินรายงาน

              ยลโฉม "รัฐมนตรีศึกษา" รัฐบาลบิ๊กตู่ "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" แล้ว บอกได้คำเดียวว่า "อุ่นใจ" เหมือนได้ "ดรีมทีมการศึกษา" นำโดย "บิ๊กเข้" พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) นั่งเก้าอี้ "รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ" มี "ดร.กฤษณพงศ์ กีรติกร" เป็นฝ่ายบุ๋น และ "พล.ท.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์" เป็นฝ่ายบู๊ ทั้งคู่นั่งในตำแหน่ง "รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ"

             เรียกได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญด้านการศึกษาตั้งแต่ตัวนายกรัฐมนตรี โดยเห็นได้จากการที่ พล.อ.ประยุทธ์ พูดถึงปัญหาการศึกษาใน "รายการคืนความสุขให้คนในชาติ" หลายเรื่อง ทั้งเรื่องค่านิยม ฟื้นวิชาหน้าที่พลเมือง ฟื้นวิชาประวัติศาสตร์ งบประมาณการศึกษา การกวดวิชา การบ้าน ซึ่งเป็นปัญหาในสังคมไทยมากนาน และน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นในการทำงานให้แก่ 3 รัฐมนตรีที่กำกับงานการศึกษาได้เริ่มงานอย่างชัดเจนมากขึ้น

             "บิ๊กเข้" พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ และรองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ดูแลฝ่ายสังคมจิตวิทยา เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 13 รุ่นเดียวกับ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

             "บิ๊กน้อย" พล.ท.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รองเสนาธิการกองทัพบก (ทบ.) และรองหัวหน้าฝ่ายสังคมจิตวิทยา คสช. เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 14 หรือนักเรียนนายร้อย จปร.รุ่น 25 รุ่นเดียวกับ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ว่าที่ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) คนต่อไป

             นายทหารทั้ง 2 คน พล.ร.อ.ณรงค์ และพล.ท.สุรเชษฐ์ มีจุดเด่นด้านที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผน มีอำนาจในการตัดสินใจ ไม่ต้องเกรงใจใครในการผ่าตัดปฏิรูปการศึกษา ส่วน ดร.กฤษณพงษ์ ก็เป็นนักการศึกษา มีนวัตกรรมและองค์ความรู้มากมาย

             สำหรับ ดร.กฤษณพงศ์ จัดได้ว่าเป็นกระบี่มือหนึ่งด้านการศึกษา พูดน้อยต่อยหนัก เรียนเก่งตั้งแต่เป็นนักเรียน เคยสอบได้ที่ 1 ของประเทศไทย "สายวิทย์" แถมบิดา "ดร.เกรียง กีรติกร" ยังเคยเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในสมัยรัฐบาล "อาจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์" ราวๆ ปีพ.ศ.2517-2518

             แม้ ดร.กฤษณพงศ์ ดูภายนอกเป็นคนสุภาพ อ่อนโยน แต่เมื่อถึงเวลาต้องตัดสินใจแล้ว ไม่เคยทำให้สังคมผิดหวัง ยิ่งมีตำแหน่งบริหารการันตีมากมาย อาทิ อดีตผู้อำนวยการกองนโยบายและแผน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) อดีตเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) และประธานกรรมการคนที่ 2 ของสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.)

             งานด้านการศึกษาในมุมมองของ ดร.กฤษณพงศ์ สะท้อนว่า ในปี 2568 ประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ วัยเด็กและวันแรงงานลดลง จะส่งผลกระทบต่อความต้องการแรงงานในระบบเศรษฐกิจในอนาคต การแข่งขันเพื่อแย่งชิงแรงงานจะมีมากขึ้น โดยเฉพาะแรงงานคุณภาพ

             หากมองในแง่ของการปฏิรูปการศึกษา ต้องปฏิรูปหลักสูตรทางการศึกษา ต้องเป็นหลักสูตรเพื่อเตรียมคนให้เข้าสู่วัยทำงานอย่างมีคุณภาพ ที่เรียกว่า "เสื้อสั่งตัด" ไม่ใช่ "เสื้อโหล" โดยมีปัจจัยที่ต้องนำมาพิจารณาคือ การที่สังคมไทยกำลังก้าวเข้าสู่ "สังคมผู้สูงอายุ"

             การปฏิรูประบบการศึกษาของไทยในอนาคต จะต้องทำให้ "กลุ่มคนทำงาน" เกิดความสามารถและความเชี่ยวชาญในการทำงาน ส่วนอีกปัจจัยที่ต้องพิจารณาคือ การก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพัฒนาคนไทยให้แข่งขันได้ และอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

             "การปฏิรูปศึกษา" ต้องเพิ่มทักษะพื้นฐานให้แก่คนทำงาน ที่มีอยู่ 35-40 ล้านคน เพราะ 70% มีการศึกษาระดับประถมหรือต่ำกว่า จึงต้องเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของคนทำงานให้คนที่มีอายุมาก สามารถเรียนหนังสือและทำงานต่อไปได้ เพื่อไม่ให้เป็นภาระของสังคม โดยอาจนำทรัพยากรที่มีอยู่ เช่น นำโรงเรียนที่ว่างมาฝึกอบอาชีพให้ผู้ใหญ่ พัฒนาครูที่สอนการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำหรับสอนการศึกษาผู้ใหญ่

             "การสอนแบบ 8 โมงเช้าถึง 4 โมงเย็น ไปไม่รอด 18 หน่วยกิตต่อเทอมก็ไปไม่รอด เพราะหลักสูตรแบบนั้นเหมาะสำหรับคนรับจ้างเรียนหนังสือ ไม่เหมาะกับคนหาเลี้ยงตัวเองและหาเลี้ยงครอบครัว เพราะฉะนั้นหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานก็ต้องเปลี่ยนกระบวนทัศน์ในการจัดการ ถ้าเราจะทำให้ถึงคนที่หลุดออกจากระบบเป็นล้านๆ คนให้เข้ามาสู่ระบบ" ดร.กฤษณพงศ์ กล่าว

             ด้วยเหตุผลดังกล่าวทำให้สังคมคาดหวังว่า "การคิดวางแผน" และ "กล้าตัดสินใจแบบนายทหาร" โดยมี "ข้อมูล" สนับสนุนจาก "นักการศึกษา" จะสามารถวางแผนแก้ปัญหาการศึกษาของชาติได้ เหมือนกรณีการ ยกเลิกแท็บเล็ต เน้อ!!