ไลฟ์สไตล์

อยากใช้สิทธิบัตรทองรพ.ใกล้บ้าน

อยากใช้สิทธิบัตรทองรพ.ใกล้บ้าน

05 ก.ย. 2557

เปิดซองส่องไทย : อยากใช้สิทธิบัตรทองรพ.ใกล้บ้าน : โดย...ลุงแจ่ม

 
                            ดิฉันเป็นผู้ใช้สิทธิบัตรทองโรงพยาบาลเลิดสิน ใช้สิทธิโควตาของเขตสาทร เวลาเจ็บป่วยจะรักษาที่โรงพยาบาลเลิดสินทุกครั้ง การเดินทางไปโรงพยาบาลก็สะดวก เพราะอยู่ใกล้บ้าน เมื่อไม่นานมานี้ดิฉันป่วยเป็นโรคกระดูกสันหลังเคลื่อนทับเส้นประสาท ต้องไปหาหมอเป็นประจำเพื่อรักษาอาการและกายภาพบำบัด หลังจากรักษามาอย่างต่อเนื่อง 
 
                            เมื่อประมาณปลายเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา ทางโรงพยาบาลเลิดสินย้ายสิทธิบัตรทองของดิฉันไปรักษาที่คลินิกแห่งหนึ่ง คลินิกแห่งนี้เพิ่งเปิดดำเนินการเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2557 ดิฉันต้องรักษาต่อเนื่องโรคกระดูกทับเส้นประสาทที่คลินิกนี้ เมื่อดิฉันไปหาหมอ หมอตรวจดูอาการของดิฉันแล้วจะส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลสุขสวัสดิ์ ดิฉันไม่ยอม เพราะไกล เดินทางลำบาก ขอร้องให้ส่งกลับไปที่โรงพยาบาลเลิดสิน เพื่อรักษากับหมอคนเดิม แต่หมอยืนยันว่าจะส่งไปที่ รพ.สุขสวัสดิ์ 
 
                            ดิฉันต้องขอร้องหมออยู่นาน กว่าหมอจะยอม ขณะนี้ดิฉันกลับมารักษาที่โรงพยาบาลเลิดสิน และอยากรักษาที่โรงพยาบาลเลิดสินตลอดไป ไม่ต้องรอใบส่งตัว จะต้องทำอย่างไร ทำเรื่องขอย้ายสิทธิด้วยตัวเองได้ไหม เพราะลำบากมาก บ้านดิฉันอยู่ใกล้โรงพยาบาลเลิดสิน ใช้เวลาเดินทางไม่เกิน 5 นาที แต่การเดินทางไปคลินิกระยะทางไกลกว่ามาก 
 
                            ดิฉันไม่เข้าใจว่า เพราะอะไรโรงพยาบาลเลิดสินจึงย้ายสิทธิบัตรทองของผู้ป่วยที่อยู่ในเขตสาทร ซึ่งใกล้โรงพยาบาล แต่กลับคงสิทธิของผู้ป่วยเขตอื่นที่อยู่ห่างออกไป เช่น เขตสัมพันธวงศ์ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เขตปทุมวัน คนอยู่ใกล้กลับไม่ให้ใช้บริการ กลับให้คนอยู่ไกลมาใช้บริการ เมื่อสอบถามไปที่ สปสช. เจ้าหน้าที่บอกว่า เป็นนโยบายของโรงพยาบาล ดิฉันจึงสอบถามไปที่โรงพยาบาลเลิดสิน เจ้าหน้าที่ก็ตอบว่าเป็นนโยบายของ สปสช. โยนกันไปกันมา
 
                            อีกเรื่องที่ดิฉันสงสัยคือ ตอนนี้ดิฉันเห็นผู้ป่วยชาวพม่าเต็มโรงพยาบาล หรือว่า โรงพยาบาลเลิดสินเน้นรับผู้ป่วยที่เป็นแรงงานต่างด้าวมากกว่าคนไทย 
 
 
เกตุชรินทร์
 
 
ตอบ 
 
 
                            สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ชี้แจงว่า สปสช.ดำเนินการตามแนวนโยบายการพัฒนาระบบบริการใกล้บ้านใกล้ใจ โดยมีนโยบายในการกระจายรายชื่อผู้ใช้สิทธิบัตรทองไปยังหน่วยบริการปฐมภูมิใกล้บ้าน ซึ่งการกระจายรายชื่อผู้ใช้สิทธิบัตรทองจะกระจายไปยังคลินิกต่างๆ ที่อยู่ใกล้บ้าน โดยเริ่มดำเนินการในปี 2549 โรงพยาบาลที่กระจายรายชื่อผู้ใช้สิทธิบัตรทองแล้ว 6 แห่ง คือ รพ.ภูมิพลอดุลยเดช รพ.นพรัตนราชธานี รพ.ราชวิถี รพ.พระมงกุฎเกล้า รพ.พระปิ่นเกล้า และ รพ.ตากสิน
 
                            ที่ผ่านมาการกระจายรายชื่อผู้ใช้สิทธิบัตรทองส่วนใหญ่พบว่าผู้ใช้สิทธิบัตรทองมีความพอใจ เนื่องจากไม่ต้องเดินทางไปรอคิวที่โรงพยาบาล ซึ่งมีผู้ป่วยจำนวนมาก ทำให้ประหยัดเวลาในการเข้ารับบริการทางการแพทย์และยังประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง เพราะคลินิกอยู่ใกล้บ้าน ส่วนใหญ่เดินไปก็ถึง 
 
                            สำหรับ รพ.เลิดสิน ดำเนินการกระจายรายชื่อผู้ใช้สิทธิบัตรทองไปยังหน่วยบริการปฐมภูมิใกล้บ้าน ในปี 2557 โดยกระจายรายชื่อผู้ใช้สิทธิบัตรทองในทุกเขตบริการ คงไว้เพียงผู้ใช้สิทธิบัตรทองในเขตบางรัก ซึ่งเป็นเขตที่ตั้งของ รพ.เลิดสิน เพื่อลดความแออัดของผู้ป่วยที่มาใช้บริการที่โรงพยาบาล ในส่วนของผู้ใช้สิทธิบัตรทองที่ถูกกระจายรายชื่อไปยังคลินิกที่อยู่ใกล้บ้าน ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง ลดค่าใช้จ่ายและลดเวลาในการเดินทาง รวมทั้งลดเวลาในการรอพบแพทย์ ทำให้การเข้ารับการบริการทางการแพทย์มีความสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น
 
                            ดังนั้น ผู้ใช้สิทธิบัตรทองถูกกระจายรายชื่อไปยังคลินิกใด ก็สามารถเข้ารับบริการทางการแพทย์ที่คลินิกแห่งนั้นได้ โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางมายังโรงพยาบาล แต่คลินิกเป็นหน่วยบริการปฐมภูมิในการตรวจรักษาโรคพื้นฐานและคัดกรองโรคเบื้องต้น หากผู้ป่วยเป็นโรคที่เกินความสามารถในการรักษา ทางคลินิกก็จะส่งตัวไปยังโรงพยาบาลรัฐ
 
                            กรณีของผู้ร้องเรียน คลินิกได้ทำการรักษาแล้ว และเป็นโรคที่เกินความสามารถในการรักษา ต้องทำการส่งตัวกลับมารักษาที่ รพ.เลิดสิน ซึ่งเป็นโรงพยาบาลต้นสังกัด การที่คลินิกจะส่งตัวไปยัง รพ.สุขสวัสดิ์นั้น ไม่สามารถทำได้ เนื่องจาก รพ.สุขสวัสดิ์เป็นโรงพยาบาลที่อยู่นอกเขต การกระทำดังกล่าวสร้างความสับสนให้แก่ผู้ป่วย ซึ่ง สปสช.ได้แจ้งเตือนไปยังคลินิกดังกล่าวแล้ว 
 
                            สำหรับข้อสงสัยเรื่องแรงงานต่างด้าวนั้น โรงพยาบาลให้บริการผู้ป่วยทุกชาติทุกภาษา แต่การกระจายรายชื่อผู้ใช้สิทธิบัตรทองไปยังคลินิกใกล้บ้านก็เพื่อความสะดวกแก่ผู้ใช้สิทธิบัตรทองเป็นสำคัญ ส่วนการขอย้ายสิทธิการรักษานั้น สปสช.จะพิจารณาถึงความจำเป็นของผู้ใช้สิทธิบัตรทองแต่ละราย 
 
                            ทั้งนี้ สปสช.ได้ติดต่อผู้ร้องเรียน เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจแล้ว กรณีผู้ใช้สิทธิบัตรทองท่านใดไม่ทราบว่าโรงพยาบาลต้นสังกัดกระจายรายชื่อของท่านไปยังหน่วยบริการปฐมภูมิใกล้บ้านแห่งใด สามารถสอบถามได้ที่ สายด่วน สปสช. 1330
 
 
ลุงแจ่ม
 
 
 
สามี(ตัวดี)ไม่จดทะเบียน ไม่มีสิทธิ
 
 
                            น้องสาวของดิฉันมีแฟน แล้วก็อยู่กินด้วยกัน แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน อยู่กันจนกระทั่งมีลูกด้วยกัน 1 คน ซึ่งผู้ใหญ่ของดิฉันก็รับรู้แล้วว่า เขาทั้งสองเป็นสามีภรรยากัน โดยก่อนที่จะมีลูกก็ได้มีการทำพิธีผูกข้อมือเพื่อให้เป็นที่รับทราบว่า เขาจะอยู่กินด้วยกัน 
 
                            แต่ปัญหาคือว่า หลังจากมีลูกได้ 4 เดือน  น้องสาวเพิ่งมาทราบว่า เหตุที่สามีไม่จดทะเบียนด้วยนั้น เพราะเขาเองก็เคยมีเมียอยู่ก่อนแล้ว และก็ยังไม่ได้เลิกกัน และเป็นเมียที่จดทะเบียนสมรสกันด้วย แต่ไม่ได้มีลูกด้วยกัน 
 
                            ไม่ทราบว่า กรณีอย่างนี้ ถ้าน้องสาวต้องเลิกกับสามี ทั้งน้องสาว และลูกจะมีสิทธิได้อะไรจากทรัพทย์สินของสามีหรือเปล่า เพราะดูแล้วภรรยาคนเก่าคงไม่ยอมเลิก และน้องเขยก็ดูเกรงใจภรรยาคนเก่ามาก 
 
 
อ้อม 
 
 
ตอบ
 
 
                            ศูนย์ปรึกษากฎหมายชุมชน อาจารย์นฤติย์ หม็องพร้า คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต แนะนำเรื่องนี้ว่า ในส่วนของน้องสาวคุณนั้น เป็นเรื่องน่าเห็นใจ เพราะกลายเป็นภรรยาน้อยโดยที่ไม่รู้ตัวมาก่อน ซึ่งในฐานะของการเป็นภรรยาน้อยนั้น ในทางกฎหมายถือว่า เป็นภรรยาที่ไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย จึงไม่มีสิทธิในเรื่องของทรัพย์สินต่างๆ ของสามีเลย 
 
                            ถ้าหลังจากอยู่ด้วยกัน มีการซื้อทรัพย์สินร่วมกัน กรณีอย่างนี้เรียกว่า เป็นทรัพย์สินร่วม หากเลิกกันก็ต้องแบ่งกันคนละครึ่ง เพราะถือว่าเป็นทรัพย์สินที่หามาได้ระหว่างอยู่กินด้วยกัน แต่ถ้าเป็นเรื่องสิทธิต่างๆ มรดก หรือทรัพย์สินของสามี น้องสาวคุณไม่มีสิทธิใดๆ ทั้งสิ้นเลย 
 
                            ซึ่งต่างกับลูก เพราะที่เกิดจากน้องเขยของคุณจะมีสิทธิทุกประการในทรัพย์สินของสามีในฐานะที่เป็นลูก แต่ตรงนี้ต้องดูด้วยว่า ขณะที่เด็กเกิดนั้น พ่อของเด็กได้มีการเซ็นรับของเป็นบุตรหรือเปล่า ถ้ามีการเซ็นรับรองการเป็นบุตรแล้ว แสดงว่า เด็กคนนี้เป็นลูกที่ชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้น จึงมีสิทธิเทียบเท่ากับลูกคนหนึ่ง มีสิทธิในมรดก และทรัพย์สินของผู้เป็นพ่อ
 
                            แต่ถ้าที่ผ่านมายังไม่ได้มีการจดทะเบียนรับรองบุตรเลย เรื่องนี้ก็จะนิ่งเฉยไม่ได้ ให้ผู้เป็นพ่อไปจดทะเบียนรับรองบุตรให้เรียบร้อย เพื่อที่หลานของคุณจะได้รับสิทธิต่างๆ จากพ่อ 
 
                            ส่วนเรื่องน้องสาวจะฟ้องร้องเรียกร้อง เรื่องนี้อยากให้ระวัง เพราะเธออยู่ในฐานะที่เป็นภรรยาน้อย หากภรรยาหลวงฟ้องร้องเรียกร้องกลับ ฐานเป็นชู้กับสามีของเธอจะทำให้เกิดปัญหาบานปลายได้  
 
 
ลุงแจ่ม