ไลฟ์สไตล์

เศร้า!นักวิจัยเอดส์โลกดับพร้อมบินMH17ตก

เศร้า!นักวิจัยเอดส์โลกดับพร้อมบินMH17ตก

18 ก.ค. 2557

เศร้า!นักวิจัยเอดส์โลกดับพร้อมบินMH17ตก มะกันห้ามเคลื่อนย้านหลักฐานเตือนเลี่ยงยูเครน

              18ก.ค.2557 ผู้โดยสารส่วนหนึ่งที่เสียชีวิตในเหตุการณ์เครื่องบินของมาเลเซียแอร์ไลนส์เที่ยวบินMH17ตกในยูเครนเมื่อวันพฤหัสบดีที่17ก.ค.ที่ผ่านมากำลังอยู่ระหว่างการมุ่งหน้าไปเข้าร่วมการประชุมเอดส์นานาชาติ หรือ International AIDS Conference ในนครเมลเบิร์นของออสเตรเลีย ที่กำลังจะจัดขึ้นในอาทิตย์นี้นั้น

              ผู้อำนวยการขององค์กร UNAIDS ไมเคิล ซิดิเบ้ ได้ทวีตข้อความระบุว่า ขอสวดมนต์ให้ครอบครัวของผู้เสียชีวิตบนเที่ยวบิน MH17 ที่มีผู้โดยสารางส่วนเดินทางร่วมไปกับเที่ยวบินนี้เพื่อเข้าร่วมการประชุมดังกล่าวด้วย  

              เชื่อว่าน่าจะมีผู้ที่เกี่ยวข้องกับการร่วมประชุมครั้งนี้ ทั้งหน่วยงานสาธารณสุข ตลอดจนเจ้าหน้าที่ต่าง ๆ ร่วม 100 คน  และหนึ่งในผู้ที่เชื่อว่าน่าจะอยู่บนเครื่องบินด้วย คือ โจเอ็ป เลนจ์ ซึ่งเป็นนักวิจัยชื่อดังของหน่วยงาน International AIDS Society ซึ่ง Australia’s National AIDS Trust ได้แสดง ความเสียใจต่อการจากไปของนาย โจเอ็ป เลนจ์ แล้ว

 

ยูเครนสั่งปิดน่านฟ้าในภาคตะวันออก

             ขณะที่หอบังคับการบินของยูเครนมีคำสั่งวันนี้ปิดน่านฟ้าเหนือภาคตะวันออกที่มีการสู้รบระหว่างกองทัพและกบฏแบ่งแยกดินแดนฝักใฝ่รัสเซีย โดยครอบคลุมภูมิภาคดาเนียซค์ จุดที่เครื่้่องบินของมาเลเซียตก ภูมิภาคลูกานสค์ และบางส่วนของภูมิภาคคาร์คีฟ


มะกันห้ามเคลื่อนย้านหลักฐาน  


              หลังเกิดเหตุเครื่องบินโดยสารโบอิ้ง 777 เที่ยวบิน MH17 ตกที่ยูเครน ที่เชื่อว่า อาจถูกยิงด้วยขีปนาวุธ กระทรวงขนส่งอังกฤษ ได้เปิดเผยว่า ยูโรคอนโทรล ซึ่งเป็นองค์กรที่จัดการเรื่องการจราจรทางอากาศในยุโรป ได้แนะนำนักบินทั่วโลก ให้หลีกเลี่ยงการบินเข้าไปในพื้นที่ใกล้กับพรมแดนระหว่างยูเครนกับรัสเซีย ซึ่งเป็นจุดที่เครื่องบินโดยสารของมาเลเซียตก ส่วนเครื่องบิน ที่กำลังบินอยู่ในช่วงที่เกิดเหตุ ทางผู้ควบคุมการบิน ก็ได้จัดการให้เปลี่ยนเส้นทางเช่นกัน

              ด้านฝรั่งเศส ก็เตือนให้สายการบินฝรั่งเศส หลีกเลี่ยงการบินเข้าไปในน่านฟ้าของยูเครน ตราบเท่าที่สาเหตุของการตกเครื่องบินโดยสารมาเลเซีย ยังไม่มีความชัดเจน ขณะที่สหรัฐได้เตือนไม่ให้มีการเคลื่อนย้ายหลักฐานจากซากเครื่องบิน ที่ตกที่ยูเครน จนกว่าจะมีการสอบสวนอย่างโปร่งใสและละเอียดเสียก่อน โดยในการหารือทางโทรศัพท์ระหว่างประธานาธิบดีบารัค โอบาม่า ของสหรัฐ และประธานาธิบดีเปโตร โปโรเชนโก้ ของยูเครน ทั้งสองเห็นตรงกันว่า มีความจำเป็นที่จะต้องป้องกันไม่ให้มีใครเข้าไปยุ่งกับซากเครื่องบินที่ตก หลังจากที่เชื่อกันว่า อาจจะถูกยิงโดยขีปนาวุธ

              สหรัฐยืนยันกับยูเครนว่า ผู้เชี่ยวชาญสหรัฐจะเสนอความช่วยเหลือทั้งหมดที่ให้ได้โดยทันที ในการสอบสวนหาสาเหตุที่ทำให้เครื่องบินตก ซึ่งแถลงการณ์ของทำเนียบขาว แสดงให้เห็นว่าสหรัฐวิตกว่า กลุ่มกบฏยูเครนอาจจะพยายามเข้าไปยุ่งกับหลักฐานที่ปะปนอยู่ในซากเครื่องบิน เพื่อพยายามปกปิดหลักฐานที่ชี้ว่าใครเป็นคนผิดในเรื่องนี้ เพราะสหรัฐเชื่อว่าเครื่องบินถูกขีปนาวุธยิง แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าใครเป็นคนยิง และยิงมาจากที่ไหน


'บัน คี มุน'ชี้ต้องตรวจสอบอย่างละเอียดรัสเซียขอร่วม

 
              นายบัน คี มุน เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวว่า ขณะนี้มีความชัดเจนว่าจำเป็นต้องมีการสอบสวนจากนานานาชาติอย่างละเอียดและโปร่งใสต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และทางการยูเครนประกาศแล้วว่าการสอบสวนครั้งนี้จะนำทีมโดยผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ

              ขณะที่มีรายงานการพบกล่องดำของเครื่องบินทั้งสองกล่องแล้ว โดยช่วงแรกมีข่าวว่ากบฏฝักใฝ่รัสเซียอ้างว่าพบกล่องดำและจะส่งมอบให้รัสเซียเพื่อตรวจสอบ ล่าสุดมีการพบกล่องดำอีกกล่องในวันนี้ กล่องดำประกอบด้วยกล่องบันทึกเสียงสนทนาในห้องนักบิน และกล่องบันทึกข้อมูลการบิน ซึ่งจะช่วยไขปริศนาของอุบัติเหตุที่เกิดกับเครื่องบินได้

              ด้านกระทรวงกิจการฉุกเฉินของรัสเซีย แจ้งทางการยูเครนเพื่อขอเข้าร่วมตรวสอบจุดที่เครื่องบินมาเลเซีย แอร์ไลนส์ตกในภาคตะวันออกของยูเครน ขณะที่องค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรปหรือ OSCE กำลังรวบรวมข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเครื่องบินตก และประเมินว่าจะสามารถมีส่วนร่วมในการสอบสวนอย่างไรได้บ้าง แต่เจ้าหน้าที่สังเกตการณ์ของ OSCE ในยูเครน  ยอมรับว่า การสอบสวนในพื้นที่สู้รบมีความยากลำบาก



รัสเซียอ้างยูเครนมีขีปนาวุธบุคอยู่บริเวณเครื่องตก
 

              อย่างไรก็ตามสำนักข่าวอาร์ไอเอ โนวอสติของรัสเซียรายงานอ้างแถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ระบุว่า ทหารยูเครนหน่วยที่ประจำการในบริเวณจุดเครื่องบินตกมีระบบต่อต้านขีปนาวุธ บุค-M1 ที่มีประสิทธิภาพในการยิงเครื่องบินโดยสารที่บินในระดับสูงได้ โดยมีเครื่องยิงขีปนาวุธรุ่นนี้อย่างน้อย 27 ตัว และมีแบตเตอรี่จำนวนหนึ่ง ขีปนาวุธรุ่นนี้มีความสามารถตรวจับเป้าหมายทางอากาศได้ในระยะไกล 160 กม. และสามารถยิงได้สูงจากพื้นดินถึงกว่า 30 กม.

               นอกจากนี้ยูริ คาราช นักบินและผู้เชี่ยวชาญการบิน บอกกับสำนักข่าวอาร์ทีของรัสเซียว่า มีโอกาสสูงมากที่เครื่องบินมาเลเซียถูกยิงตกด้วยระบบต่อต้านขีปนาวุธของยุเครน พร้อมกับยกตัวอย่างว่าขีปนาวุธของยูเครนเคยยิงเครื่องบิน ตู-154 ของรัสเซียตกเมื่อ 10 ปีที่แล้ว

              นอกจากนี้ นิค เด ลาร์รินก้า นักวิเคราะห์ด้านการทหารของนิตยสาร ไอเอชเอส เจน ระบุว่า เครื่องบินโดยสารบินในระดับสูงเกินกว่าเครื่องยิงขีปนาวุธแบบประทับบ่าที่เคยเห็นฝ่ายกบฏใช้ แต่เครื่องบินโดยสารบินอยู่ในระดับเดียวกับพิสัยการยิงของขีปนาวุธบุค หรือ ขีปนาวุธระบบภาคพื้นสู่อากาศพิสัยกลาง ซึ่งทั้งรัสเซียและยูเครนต่างมีขีปนาวุธแบบนี้  


ผู้เชี่ยวชาญชี้ลูกเรือMH17ไม่รู้จะถูกจรวดยิงใส่

 
               ผู้เชี่ยวชาญหลายคนชี้ว่า ผู้โดยสารและลูกเรือที่อยู่บนเครื่องบินโดยสารโบอิ้ง 777-200 ER เที่ยวบิน MH17 ของมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ไม่ทราบเลยว่า ขีนปนาวุธกำลังพุ่งเข้าหา และไม่มีทางที่จะป้องกันได้

               ธิโมธี่ โฮลต์ อาจารย์ของเอ็มบรีย์-ริดเดิล แอโร่นอติคัล ยูนิเวอร์ซิตี้ ให้ความเห็นต่อสถานีข่าว ABC News ว่า ภาพการระเบิดที่เห็นในคลิปวิดิโอ ไม่ได้เกิดขึ้นโดยทันที แต่เกิดขึ้นตอนที่เครื่องบินตกสู่พื้นดิน ซึ่งดูเหมือนในกรณีนี้ มีความเป็นไปได้อย่างมากที่สุดว่า เครื่องบินได้รับความเสียหายตอนที่ตกสู่พื้น

               โฮลต์ ซึ่งเชี่ยวชาญในการใช้เครื่องบินสอดแนมของกองทัพเรือสหรัฐ มานานประมาณ 15 ปีบอกด้วยว่า การที่จะบอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับเครื่องบิน ขึ้นอยู่กับว่า ส่วนไหนของเครื่องบินที่ถูกยิงด้วยขีปนาวุธ โดยถ้าเป็นส่วนปีก ซึ่งเป็นที่ตั้งของถังน้ำมัน ก็อาจจะก็ระเบิดกลางอากาศ แต่การระเบิดของ MH17 ดูเหมือนจะมีส่วนประกอบของก๊าซด้วย เขาเน้นด้วยว่า ไม่เห็นลูกไฟบนท้องฟ้า แต่กลับเห็นเปลวเพลิงตอนที่เครื่องบินตกแล้ว และยังเห็นกลุ่มควันสีดำลอยขึ้นมาด้วย

               บรรดาเครื่องบินพาณิชย์ทุกลำ ซึ่งเหมือนกับ MH17 ต่างไม่มีอุปกรณ์ที่ทำให้ลูกเรือทราบได้เลยว่า มีขีปนาวุธกำลังไล่ตามเครื่องบินอยู่ และมีทางเดียวที่นักบินจะรู้ได้ ก็คือ ถ้าเขาเห็นขีปนาวุธถูกยิงจากภาคพื้นดิน ซึ่งโฮลต์ บอกว่า ถ้ามีระบบเตือนภัยบางอย่างบนเครื่องบินพาณิชย์ ก็จะให้ภาพที่ชัดเจนที่สุด ซึ่งอาจหวังได้ว่าเครื่องบินจะสามารถร่อนลงหลบได้ แต่นั่นอาจหมายถึงเครื่องบินเจ็ต ที่มีศักยภาพในการหลบหลีกขีปนาวุธ ขณะที่นักบินทั่วไปไม่มีทางที่จะหลบหลีกแบบนั้นได้ และที่สำคัญคือ นักบินพาณิชย์ไม่เคยผ่านการฝึกให้หลบหลีกการโจมตีของขีปนาวุธด้วยเช่นกัน

               ขณะนี้ ย้งไม่แน่ชัดว่า ผู้โดยสารที่บางศพยังกระจัดจายอยู่ในจุดที่เครื่องบินตกในยูเครน เสียชีวิตโดยทันทีตอนที่ถูกขีปนาวุธ หรือ หลังจากเครื่องบินตกในอีกไม่กี่นาทีต่อมา ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับประเภทของขีปนาวุธด้วยเช่นกัน ด้านเจ้าหน้าที่ทางการสหรัฐ ให้ความเห็นต่อ ABC News ว่า MH17 โดนโจมตีด้วยขีปนาวุธชนิดพื้น-สู่-อากาศ แต่ยังไม่แน่ชัดว่า ถูกยิงมาจากในยูเครนหรือ จากดินแดนของรัสเซีย