
แท็กซี่หมดอายุ ห้ามรับผู้โดยสาร
18 ก.ค. 2557
เปิดซองส่องไทย : แท็กซี่หมดอายุ ห้ามรับผู้โดยสาร : โดย...ลุงแจ่ม
ผมเห็นความไม่เหมาะสมของรถแท็กซี่ที่วิ่งให้บริการผู้โดยสารบริเวณ อ.ศาลายา จ.นครปฐม โดยเฉพาะหน้าห้างโลตัส ศาลายา และฝั่งตรงข้ามห้างจะมีรถแท็กซี่ปลดป้ายหรือรถแท็กซี่หมดอายุจำนวนหลายสิบคันจอดรอผู้โดยสารที่มาซื้อสินค้าที่ห้างแห่งนี้ รถแท็กซี่เหล่านี้เห็นแก่ตัวอย่างมาก เพราะทำมาหากินเอาเปรียบบรรดารถแท็กซี่ที่ทำถูกต้องตามกฎหมาย
ซึ่งคนขับแท็กซี่เองก็รู้ดีว่าตัวเองวิ่งรถผิดกฎหมาย จึงไม่วิ่งรับ-ส่งผู้โดยสารในกรุงเทพฯ เพราะกลัวด่านตำรวจ แต่คงวิ่งรับส่งผู้โดยสารอยู่นอกเมือง รอบนอกกรุงเทพฯ ทำให้รอดพ้นสายตาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผมผ่านไปหน้าห้างโลตัสศาลายา เห็นรถแท็กซี่เหล่านี้จอดต่อแถวรอผู้โดยสารโดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย
ส่วนผู้โดยสารเองก็ไม่ทราบว่ารถแท็กซี่ที่ตัวเองขึ้นไปนั้นผิดกฎหมาย เพราะเห็นว่าเป็นรถแท็กซี่ก็เรียกโดยไม่คิดอะไร ผมอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบและดำเนินการอย่างจริงจัง เพราะรถแท็กซี่เหล่านี้อาจมีมิจฉาชีพแฝงตัวหากินและลอบก่อเหตุร้าย หากเกิดเหตุขึ้น การติดตามตัวจะทำได้ยาก สงสารแท็กซี่ดีๆ ที่ต้องถูกเหมารวมไปด้วย ผมเคยร้องเรียนไปที่ 1584 หลายครั้ง แต่ไม่เห็นหน่วยงานไหนเข้ามาแก้ไข จึงขอร้องเรียนผ่านลุงแจ่ม
คมสันต์
ตอบ
กองตรวจการขนส่งทางบก กรมการขนส่งทางบก ชี้แจงว่า การจดทะเบียนรถยนต์รับจ้าง (แท็กซี่) ไม่ว่ายี่ห้อใด มีอายุการใช้งานได้ไม่เกิน 9 ปี นับแต่วันจดทะเบียนครั้งแรก เมื่อครบกำหนดอายุการใช้งานแล้ว (หมดอายุแท็กซี่) ผู้ครอบครองรถยังสามารถใช้รถต่อได้ตามปกติ แต่ต้องใช้งานเป็นรถยนต์ส่วนบุคคล ไม่สามารถนำไปรับผู้โดยสารได้ ผู้ครอบครองรถต้องดำเนินการแจ้งเปลี่ยนประเภทจดทะเบียนเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ซึ่งกรมการขนส่งทางบกจะเปลี่ยนป้ายเป็นรถยนต์ส่วนบุคคลธรรมดา ไม่ใช่รถยนต์สาธารณะ หลังจากดำเนินการแล้ว ผู้ครอบครองรถต้องเปลี่ยนป้ายทะเบียนและถอดอุปกรณ์ติดตั้งที่แสดงว่าเป็นรถแท็กซี่ออกทั้งหมด หากผู้ครอบครองรถแท็กซี่ที่ดำเนินการเปลี่ยนประเภทรถยนต์แล้ว นำรถมาวิ่ง-รับส่งผู้โดยสารจะมีความผิด เจ้าหน้าที่ตรวจพบต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย
ข้อแนะนำสำหรับผู้โดยสารในการสังเกตว่ารถแท็กซี่ที่ผู้โดยสารใช้บริการเป็นรถแท็กซี่ถูกต้องหรือไม่นั้น หากเป็นรถแท็กซี่ของบุคคลธรรมดา ตัวรถมีสีเขียวและสีเหลือง ส่วนรถแท็กซี่นิติบุคคล ตัวรถมีสีเหลือง ส่วนข้อความและเครื่องหมายต่างๆ เป็นสีน้ำเงิน ต้องมีและใช้มาตรค่าโดยสาร ตามแบบหรือชนิดที่ได้รับความเห็นชอบจากกรมการขนส่งทางบกติดตั้งไว้ด้านซ้ายของผู้ขับขี่ ต้องมีและใช้เครื่องสื่อสาร ตามแบบหรือชนิดที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือเครื่องสื่อสารประเภทอื่นที่กรมการขนส่งทางบกให้ความเห็นชอบ ต้องมีตัวอักษร TAXI-METER ขนาดสูงไม่น้อยกว่า 7 ซม. เส้นหน้าของตัวอักษร 1.2 ซม. ภายในกรอบขนาดไม่น้อยกว่า 60x15 ซม. ติดในแนวนอนบนหลังคารถและมีแสงไฟให้เห็นเครื่องหมายได้ชัดเจนในเวลากลางคืน
ต้องมีตัวอักษรว่าง เมื่อไม่มีผู้โดยสาร ติดตั้งไว้ด้านซ้ายของคนขับ ซึ่งสามารถมองเห็นได้ชัดเจนจากภายนอกทั้งเวลากลางวันและกลางคืน ต้องมีตัวอักษรงดรับจ้าง มีพื้นสีขาวกรอบสีแดง มีกรอบสำหรับติดบัตรประจำตัวผู้ขับรถไว้ด้านหน้ารถ ที่ผู้โดยสารสามารถมองเห็นได้ชัดเจน ต้องมีหมายเลขทะเบียน พื้นสีเหลือง ตัวอักษรสีดำ ทำด้วยโลหะติดไว้ที่แนวกึ่งกลางประตูรถตอนหลังด้านในใต้ขอบกระจกทั้งสองข้าง ต้องมีข้อความแท็กซี่บุคคล หรือชื่อนิติบุคคล หมายเลขทะเบียนรถ และข้อความร้องเรียนแท็กซี่ โทร.1584 ที่ประตูตอนหน้าด้านนอกทั้งสองข้าง
สิ่งสำคัญคือ กฎหมายบังคับให้รถแท็กซี่ ต้องให้มีประกันภัย 2 อย่าง คือ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ และประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ ประเภท 3 เป็นอย่างน้อย คุ้มครองความเสียหายอันเกิดจากการใช้รถรับจ้างแต่ละคัน หากเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคล กฎหมายไม่ได้บังคับให้ผู้ครอบครองรถต้องทำประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ ดังนั้น หากผู้โดยสารใช้บริการรถแท็กซี่หมดอายุการใช้งานและไม่ได้ทำประกันภัยภาคสมัครใจ ความคุ้มครองอาจไม่ครอบคลุม หากเกิดอุบัติเหตุและสูญเสียรุนแรง
กรณีที่ผู้โดยสารพบเห็นรถแท็กซี่ไม่ตรงตามลักษณะที่กล่าวมาข้างต้น ให้สันนิษฐานว่าเป็นรถแท็กซี่ที่หมดอายุการใช้งาน แนะนำผู้โดยสารให้หลีกเลี่ยงการใช้บริการรถคันดังกล่าว และให้แจ้งข้อมูลร้องเรียนมายังศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารสาธารณะ โทร.1584 ภายหลังรับแจ้งกองตรวจการขนส่งทางบกจะส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบข้อเท็จจริง หากพบการกระทำความผิดตามที่มีการร้องเรียนจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ครอบครองรถ
กองตรวจการขนส่งทางบก กรมการขนส่งทางบก บอกว่า สำหรับกรณีร้องเรียนนี้จะดำเนินการตรวจสอบบริเวณดังกล่าว หากพบว่ามีรถแท็กซี่เข้าข่ายความผิด จะดำเนินการตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 ต่อไป
ลุงแจ่ม
ลูกมีสิทธิรับมรดก
มีเรื่องอยากถามค่ะ คือ ดิฉันกับสามีแต่งงาน มีลูกด้วยกัน 1 คน เราจดทะเบียนสมรสกันค่ะ อยู่ด้วยกันมา 12 ปี ปัญหาคือว่า แม่ของสามีไม่ชอบดิฉัน ซึ่งดิฉันก็ได้พยายามแล้วที่จะเข้าหาในฐานะที่เป็นเด็กกว่า แต่แม่สามีก็ยังไม่ชอบดิฉันอยู่ดี ท้ายสุดจึงอยู่แบบต่างคนต่างอยู่ แต่แม่สามีก็ยังพยายามทุกวิถีทางให้สามีเลิกกับดิฉัน แต่เนื่องจากเรารักกันก็เลยเข้าใจกันมาตลอด แต่อยู่มาวันหนึ่ง พ่อสามีเสียชีวิต แม่ก็เป็นผู้รับมรดกเพื่อที่จะมอบให้ลูกๆ แต่ปรากฏว่า สามีของดิฉันก็มาเกิดอุบัติเหตุทำให้เสียชีวิต เหตุการณ์เพิ่งผ่านมาเมื่อ 3 เดือนนี้เองค่ะ
ปัญหาคือ บ้านที่เราอยู่ในขณะนี้ เป็นชื่อของสามีเป็นคนกู้ และดิฉันเป็นผู้กู้ร่วมค่ะ โดยที่สามีและดิฉันต่างก็ทำงานแล้วเราก็เอาเงินมารวมกันเพื่อส่งบ้าน แต่แม่ของสามีบอกว่า จะมาขอเอาบ้านไปเพราะเป็นสมบัติของลูกชาย แล้วก็จะไม่แบ่งมรดกที่พ่อของสามีทิ้งไว้ให้กับสามี หรือลูกของดิฉันเลย
เนื่องจากพ่อสามีเป็นคนมีฐานะ จึงมีที่ดินอยู่มากมาย อยากทราบว่า ลูกของดิฉัน จะมีสิทธิรับมรดกส่วนที่เป็นของสามีไหมคะ แล้วถ้าแม่สามีไม่ให้ดิฉันจะทำอย่างไรดี ส่วนเรื่องบ้าน แม่ของสามีมีสิทธิตามที่บอกมาไหมคะ เขามีสิทธิที่จะมาเอาบ้านนี้ไปหรือคะ ดิฉันควรจะทำอย่างไรดี
จิตตรา
ตอบ
ศูนย์ปรึกษากฎหมายชุมชน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ยศศักดิ์ โกไศยกานนท์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต แนะนำว่า ถ้าเป็นเรื่องบ้าน จะบอกว่า แม่สามีไม่มีสิทธิเลย ตามกฎหมายก็เป็นไปไม่ได้ แต่มีข้อแม้ที่ว่า หลังจากสามีเสียชีวิตแล้ว บ้านซึ่งถือว่า เป็นสินสมรส จะต้องแบ่งออกเป็นสองส่วน ครึ่งหนึ่งเป็นของคุณ ส่วนอีกครึ่งที่เหลือ เป็นของผู้รับมรดก อันดับแรกคือ ลูก และอันดับต่อมาคือ แม่ ซึ่งในที่นี้เมื่อมีลูกอยู่ ก็เท่ากับว่า ลูกได้สิทธิในส่วนที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งของบ้านไป จึงไม่ตกมาถึงแม่ เพราะแม่เป็นอันดับที่รองมาจากลูก
ส่วนเรื่องของมรดกที่สามีควรจะได้รับนั้น ตรงนี้บอกได้เลยว่า ถ้าแม่สามีไม่แบ่งมาให้สามี ซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว คุณก็สามารถที่จะร้องขอเพื่อให้ลูกได้ ด้วยการร้องขอใช้สิทธิการรับมรดกแทนที่ ซึ่งก็คือ การร้องขอเพื่อให้ลูกได้รับมรดกส่วนที่เป็นของสามี แต่กรณีนี้ จะได้มากหรือน้อยแค่ไหน อยู่ที่ดุลพินิจของศาลเพียงอย่างเดียว ดังนั้น ถ้าแม่สามีไม่ทำเรื่องยกมรดกให้ลูกของคุณซึ่งเป็นหลาน คุณก็ต้องฟ้องเพื่อให้ลูกได้รับสิทธิ
ลุงแจ่ม