ไลฟ์สไตล์

ผลิตน้ำแข็งตลอด 24 ชม. ชาวบ้านจะอยู่ได้อย่างไร?

ผลิตน้ำแข็งตลอด 24 ชม. ชาวบ้านจะอยู่ได้อย่างไร?

16 ก.ค. 2557

เปิดซองส่องไทย : ผลิตน้ำแข็งตลอด 24 ชม. ชาวบ้านจะอยู่ได้อย่างไร?

 
                          โรงน้ำแข็งเพชรเกษม (2007) จำกัด หมู่ 3 แขวงบางด้วน เขตภาษีเจริญ กทม. มีการผลิตน้ำแข็งตลอด 24 ชั่วโมง สร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้านทั้ง 4 ทิศ คือ
 
                          1.ส่งเสียงดังด้วยเครื่องจักรต่างๆ เช่น คอมเพรสเซอร์ เครื่องตัดน้ำแข็ง มอเตอร์เก่า COOLING เนื่องจากอาคารที่สร้างไม่สามารถป้องกันเสียงเครื่องจักรดังกล่าวได้ ทำให้ชาวบ้านในบริเวณนี้นอนไม่หลับ 
 
                          2.อาคารที่สร้างก็สร้างผ่านทางน้ำไหลครึ่งหนึ่ง และปล่อยน้ำ ทำให้ระบายน้ำลงสู่คลองไม่ได้ ทำให้น้ำเข้าพื้นที่ของชาวบ้าน พอชาวบ้านไปบอกโรงน้ำแข็ง ก็ตอบกลับมาว่าไม่ใช่หน้าที่ 
 
                          3.น้ำที่ปล่อยสู่ชุมชนมีกลิ่นแอมโมเนียปนมา ยิ่งช่วงเช้าจะมีกลิ่นแรง (เคยเกิดการระเบิดมาแล้วปี 2554) มีการร้องเรียนกรมโรงงานอุตสาหกรรม เขตภาษีเจริญ กทม. กรมควบคุมมลพิษ หลายปี แต่สุดท้ายเรื่องยังไปไม่ถึงไหน ครั้งล่าสุดชาวบ้านรวมตัวร้องเรียน เมื่อเดือนเมษายน 2557 เรื่องก็ยังไม่คืบหน้าเท่าไร 
 
                          เจ้าหน้าที่แต่ละท่านให้ข้อมูลว่าดำเนินการอยู่บ้าง และเจ้าหน้าที่มาดำเนินการบ้างแล้ว สุดท้ายชาวบ้านต้องรอไปถึงไหน อยากให้สำนักงานเขตภาษีเจริญเข้ามาช่วยดูแลด้วย ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้จะช่วยเหลืออย่างไรได้บ้าง 
 
                          1. ตามที่นายอุดร ศรีวิเชียร หัวหน้าฝ่ายสิ่งแวดล้อมและสุขาภิบาล สำนักงานเขตภาษีเจริญ ชี้แจงว่า โรงน้ำแข็งเพชรเกษม (2007) จำกัด นี้ได้ก่อสร้างอยู่ในพื้นที่ตรงนี้มานานกว่า 20 ปี ทางฝ่ายสิ่งแวดล้อมฯ ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบอยู่ตลอด โดยตรวจสอบบริเวณด้านข้างโรงน้ำแข็ง ซึ่งเป็นลำรางผ่านในที่ของเอกชน คือลำรางนี้เป็นลำรางเดิมซึ่งใช้มานาน ต่อมามีการตัดถนนแต่ไม่ได้เจาะท่อระบายน้ำลอดใต้ถนนที่ทำ ทำให้น้ำไหลไปตามทางน้ำ (ตามที่ระบุข้างบนนี้ไม่จริง โรงงานนี้ขอจดทะเบียนปี 38 เลขที่ ศ 3-14-6/38 ซึ่งถนนตัดผ่านหลังจากนั้น จะส่งสินค้าอย่างไร และเมื่อปี 2554 มีการขยายเพิ่มไปด้านหลัง ซึ่งตามผังเมืองเป็นสีส้ม ซึ่งขยายมากกว่า 500 ตารางเมตร และจากปัญหาที่เรื้อรังของโรงงานนี้ ตามพ.ร.บ.สาธารณสุข ก็ไม่น่าอนุญาตให้ขยาย ส่วนเจ้าหน้าที่เขตได้มาดูแล้วนั้นถ้าเป็นจริง ปัญหาต้องไม่เกิด แต่นี้ปัญหาเกิด แสดงว่าที่กล่าวมาเป็นเท็จ หรือไม่ก็มีเหตุต้องปกปิดข้อมูลอันเป็นจริง)
 
                          2. เรื่องการวัดเสียง ณ ปัจจุบัน ยังไม่เห็นมีใครมาวัดเลย หรือถ้าวัด ทำไมชาวบ้านถึงไม่เห็นไม่ติดต่อชาวบ้าน การกระทำแบบนี้ถือว่าอะไร 
 
                          3. เรื่องน้ำที่ปนเปื้อนนั้น เจ้าหน้าที่เก็บตอนไหน ชาวบ้านก็ไม่เห็น และการปนเปื้อน (ต้องเข้าใจโรงงานน้ำแข็ง เข้ามีรอบทิศ ว่าเขาผลิตตอนไหนมากกว่ากัน การเดินเครื่องจักร ฉะนั้นก็จะปล่อยลงมาตอนนั้น ณ ปัจจุบันปลายังไม่กล้าอยู่ ต้นไม้ที่ชาวบ้านปลูกไว้ก็ทนไม่ไว้ตายหมด สรุปข้อมูลที่ เขตให้มานี้ จะปกปิดอะไร (กระผมเคยเจอเจ้าหน้าที่เขต จะพาเดินดู เจ้าหน้าที่ก็เหมือนไม่สนใจ และไม่เห็นไปคุยกับทางโรงงานเลย) สรุปพวกกระผมต้องรับกรรมต่อ อันเนื่องมาจากกฎหมายที่ออกมามีช่องหรือคนมีช่องกันแน่ 
 
 
วุฑฒิกร
 
 
ตอบ
 
 
                          นางวารุณี เสือผ่อง เจ้าพนักงานสาธารณสุขชำนาญงาน สำนักงานเขตภาษีเจริญ ชี้แจงว่า เรื่องโรงน้ำแข็งเพชรเกษม (2007) จำกัด นั้น ขณะนี้เรื่องนี้อยู่ในระหว่างการแก้ไขตามคำสั่งเจ้าพนักงานท้องถิ่น ให้ปรับปรุงแก้ไข โดยให้ทางโรงน้ำแข็งเพชรเกษม (2007) ทำการบุเครื่องซับเสียงโดยรอบอาคาร มีกำหนดเวลาในการแก้ไข 15 วัน 
 
                          และได้ขอความร่วมมือกองสุขาภิบาล สำนักอนามัยเพื่อตรวจวัดเสียง สถานประกอบการวันนี้ เวลา 23.00 น. ทางสำนักงานเขตได้เก็บตัวอย่างน้ำส่งกองวิเคราะห์คุณภาพน้ำ สำนักระบายน้ำ เพื่อตรวจหาสารแอมโมเนียในน้ำว่าโรงงานได้ปล่อยสารแอมโมเนียลงมาหรือไม่ 
 
                          แล้วขอความร่วมมือจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อตรวจสอบร่วมหาแนวทางการแก้ไขปัญหาเหตุเดือดร้อนรำคาญ เรื่องเสียงดัง เรื่องการขยายพื้นที่ประกอบกิจการต้องประสานฝ่ายโยธาเพื่อตรวจสอบว่ามีการขออนุญาตถูกต้องหรือไม่ เพราะโรงงานแห่งนี้เกิดขึ้นมาเกือบ 20 ปีจริงๆ เพราะเมื่อ 20 ปีที่แล้วเป็นพื้นที่หนาแน่นปานกลาง สามารถขอนุญาตในการประกอบกิจการได้ คือโรงงานมีใบอนุญาตประกอบกิจการอย่างถูกต้องอยู่แล้ว 
 
                          ตอนนี้ยังไม่ทราบผลการตรวจหาสารแอมโมเนียนในน้ำ ในการวัดเสียงเบื้องต้นทางเขตได้เข้าไปทำการแล้ว 2 จุด คือจุดที่เป็นหอพักซึ่งเสียงค่อนข้างดัง แต่จุดที่เป็นด้านข้างโรงงานเสียงไม่ดังเท่าที่ควร ถือว่าไม่ก่อเหตุเดือดร้อนรำคาญ 
 
                          ทางเขตได้เข้าไปทำการตรวจวัดเสียงจริงๆ แต่ตอนไปไม่ได้แจ้งให้ผู้ร้องเรียนทราบ เพราะไม่ทราบว่าผู้ร้องเรียนอยู่ที่ไหน พอไปแล้วจะให้เขตไปแจ้งกับใครที่ไหนได้ เรื่องนี้ไม่ได้นิ่งนอนใจ พยายามทำให้ถูกต้องตามกระบวนการทุกอย่าง ซึ่งตอนนี้ก็ยังอยู่ในขั้นตอนดังกล่าวที่มาข้างต้น 
 
                          จริงๆ แล้วก็อยากให้ผู้ร้องเรียนเข้ามาที่เขต เพื่อให้พาไปดูพื้นที่ที่เกิดปัญหา เพราะจะได้แก้ไขปัญหาได้ถูกทางเพื่อที่จะได้ช่วยกันกวดขันดูแล โรงน้ำแข็งเพชรเกษม (2007) แห่งนี้
ลุงแจ่ม 
 
 
 
สามี(ตัวดี) ไม่ส่งเสียลูก
 
 
                          ปัญหาของดิฉัน คือ ดิฉันกับสามีได้แต่งงานกัน และจดทะเบียนสมรสกัน สามีรับราชการอยู่ที่ภาคเหนือ หลังจากสามีย้ายไปประจำการที่นั้นได้ประมาณ 2 ปี ก็มีผู้หญิงอื่น ทำให้ดิฉันทนไม่ไหว จึงได้ฟ้องหย่าจากสามีไปเมื่อสองปีก่อน เรามีลูกด้วยกัน 1 คน ขณะนี้กำลังจะเริ่มเข้าเรียนชั้น ป.1 
 
                          เมื่อหย่ากัน ก็ตกลงกันว่า สามีจะรับผิดชอบส่งเสียค่าเลี้ยงดูลูกชายเดือนละ 2,000 บาท หลังจากตกลงกันที่ศาล สามีก็ปฏิบัติได้เพียง 1 เดือน คือ ส่งเงินให้ลูกเพียง 1 เดือน หลังจากนั้น จนถึงบัดนี้ ก็ยังไม่เคยส่งเงินมาให้อีกเลย และทำอย่างนี้มาตลอดเวลา ลูกไม่เคยได้รับเงินสม่ำเสมอทุกเดือนอย่างที่รับปากกันไว้ 
 
                          หลังจากวันที่หย่ากันแล้ว สามีไม่เคยสนใจอะไรอีกเลย และไม่คิดจะรับผิดชอบอะไรเลย ดิฉันคิดว่า เขาควรจะรับผิดชอบเลี้ยงดูลูกบ้าง ในฐานะที่เป็นพ่อ  
 
                          อยากทราบว่า ดิฉันควรจะทำอย่างไรดีคะ ที่จะทำให้สามีส่งเสียค่าเลี้ยงดูดังที่รับปากไว้ 
 
 
วิภา
 
 
ตอบ
 
 
                          ศูนย์ปรึกษากฎหมายชุมชน อาจารย์ปราชญา  อ่อนนาค คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต แนะนำเรื่องนี้ว่า กรณีนี้ ถ้าหย่ากันแล้วสามียังไม่ปฏิบัติตามที่ตกลงกันไว้ คุณสามารถยื่นเรื่องร้องเรียนเพื่อขอให้มีการบังคับได้ เนื่องจากว่า การที่ได้ฟ้องหย่าและเรื่องราวถึงศาล พร้อมกับที่มีการทำข้อตกลงกันไว้แล้วนั้น ถือว่า ให้ปฏิบัติตามข้อตกลงที่ให้ไว้ หากไม่ปฏิบัติตามก็มีความผิด ซึ่งเรื่องนี้คงต้องร้องขอความเป็นธรรมเพื่อให้มีการบังคับให้สามีปฏิบัติตาม 
 
                          แต่หลังจากที่คุณยื่นเรื่องขอให้มีการบังคับในเรื่องนี้แล้วนั้น จะมีการบังคับเมื่อไหร่ ก็แล้วแต่ศาล แต่ที่สุดแล้ว ศาลจะให้ความเป็นธรรมมากที่สุด
 
                          ส่วนเรื่องที่ว่า สามีไม่ยอมส่งเอกสารให้นั้น เรื่องนี้ต้องติดต่อพูดคุยกับสามีดูว่า เรื่องเอกสารนั้นสำคัญมาก หากไม่รีบดำเนินการก็จะมีผลเสียหายแก่ลูก เพราะลูกจะต้องใช้เพื่อเริ่มเข้าเรียนชั้นป.1 เชื่อว่า หากได้คุยกัน สามีก็อาจจะรีบดำเนินการส่งมาให้ 
 
                          รวมทั้งเรื่องที่จะร้องต่อศาลเพื่อให้บังคับให้นั้น ก่อนหน้าที่จะดำเนินการ อาจจะคุยกับสามีอีกสักรอบ เพราะต้องคุยกันเรื่องเอกสารของลูกอยู่แล้ว โดยอาจจะบอกสามีว่า เรื่องค่าเลี้ยงดูนั้น หากสามีไม่ส่งเสียดังที่รับปากไว้ คุณก็ไม่ไหวเหมือนกัน ดังนั้น ก็จะร้องต่อศาลเพื่อให้บังคับเรื่องนี้กับสามี เชื่อว่า ถ้าได้คุยกันอาจจะดีขึ้น
 
 
ลุงแจ่ม