
โดนบังคับขายไปรษณียบัตรทายผลฟุตบอลโลก
27 มิ.ย. 2557
เปิดซองส่องไทย : โดนบังคับขายไปรษณียบัตรทายผลฟุตบอลโลก : โดย...ลุงแจ่ม
ผมมีเรื่องเดือดร้อนเป็นอย่างมากเลยครับ คือว่าผมทำงานอยู่ที่ไปรษณีย์จังหวัดเชียงใหม่ ในช่วงนี้มีการแข่งขันฟุตบอลโลก ทางไปรษณีย์เชียงใหม่มีคำสั่งให้พนักงานทุกคนนำไปรษณียบัตรทายผลฟุตบอลออกมาช่วยกันจำหน่าย ในจำนวนคนละ 4,000 ฉบับ ซึ่งเป็นจำนวนที่ค่อนข้างมากสำหรับผม และมีข้อแม้ด้วยว่า "ห้ามคืน"
ผมเป็นคนต่างจังหวัด พักอยู่ในแฟลตไปรษณีย์ ไม่ค่อยรู้จักคนภายนอกสักเท่าไหร่ คนภายในก็คงขายใครไม่ได้ เพราะทุกคนต่างก็ถูกให้ขายไปรษณียบัตรเช่นเดียวกับผม ส่วนผมนั้นค่อนข้างจะเป็นปัญหา เพราะเงินเดือนเพียงหมื่นต้นๆ เท่านั้น หักค่าใช้จ่ายที่เกิดจากความยินยอมซึ่งเป็นภาระส่วนตัวแล้ว เหลือไม่ถึง 7,000 บาทต่อเดือน ไหนจะภาระภายนอกอีก ค่าใช้จ่ายส่วนอื่นๆ อีก หากขายไม่หมดคงต้องควักกระเป๋าจ่ายเงินซื้อเอง เงินเดือนเพียงเท่านี้ จะเอาอะไรกินกันครับ งานนี้ทั้งหมด 4,000 ฉบับ ฉบับละ 2 บาท ก็เป็นจำนวนเงินถึง 8,000 บาท เงินที่ออกมายังไม่พอจ่ายเลย รอบที่แล้ว 1,500 ฉบับ ก็หาคนช่วยกันวุ่นวายแล้ว รอบนี้ 4,000 ฉบับ ไม่รู้จะไปหาใครมาช่วยซื้อได้ เพราะจำนวนมากมายขนาดนั้น
อยากถามเรื่องที่ถูกบังคับให้พนักงานขายไปรษณียบัตรทายผลฟุตบอลโลกนี้ ไปยังบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ว่า ทำไมถึงต้องให้พนักงานขายไปรษณียบัตรพวกนี้ด้วย ผมอยากถามด้วยตัวเอง แต่ก็กลัวมีปัญหาในสายงาน เพราะเป็นนโยบายของบริษัท การแข่งขันกันจำหน่ายของแต่ละไปรษณีย์ เข้าใจนะครับว่าเป็นการช่วยเหลือหน่วยงาน แต่จำนวนเยอะเกินไปหรือไม่ ถ้าจะยุติธรรมหน่อยทำไมไม่แบ่งตามฐานเงินเดือนกันครับ ในที่นี้ได้เท่ากันหมดทุกคน ระดับหัวหน้าใหญ่ๆ เงินเดือนหลายหมื่นบาท หลายแสนบาท ก็ได้จำนวนในการขายไปรษณียบัตรเท่ากัน คือคนละ 4,000 ฉบับ
คนเหล่านั้นเขาคงไม่เดือดร้อนอะไรกับจำนวนเงินแค่นั้น แต่สำหรับผมซึ่งเป็นคนเงินเดือนน้อย เดือดร้อนแน่นอนครับ ผมก็ไม่แนใจนะครับ ว่าไปรษณีย์อื่นๆ เหมือนกันหรือเปล่า ลองตรวจสอบดูได้ครับ (ข้อมูลไม่ยืนยันชัดเจนนะครับรู้สึกว่าที่กรุงเทพฯ จะโดนบังคับแค่คนละหลักสิบ หรือหลักร้อยเท่านั้นเองครับ) ซึ่งผมมีความรู้สึกว่า ทางไปรษณีย์ไม่น่าเอาหน้าตาของหน่วยงานมาสร้างความเดือดร้อนให้พนักงานรายได้น้อยอย่างผม และกับคนอื่นๆ ที่มีเงินเดือนน้อยเลยครับ
เพื่อนผู้ทุกข์
ตอบ
นางวราภรณ์ ใช้เทียมวงศ์ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสื่อสารการตลาด รักษาการผู้จัดการฝ่ายสื่อสารการตลาด บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) ชี้แจงว่า ตามที่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) ได้รับการประสานข่าวร้องเรียนจากคอลัมน์เปิดซองส่องไทย โดยลุงแจ่ม กรณีเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์จังหวัดเชียงใหม่ร้องเรียนเรื่องการบังคับขายไปรษณียบัตรทายผลฟุตบอลโลก 2014 ความว่า ในช่วงการแข่งขันฟุตบอลโลก ไปรษณีย์ไทยจะมีการขายไปรษณียบัตรทายผลฟุตบอลโลก โดยบางที่ทำการไปรษณีย์มีการแบ่งสัดส่วนให้เจ้าหน้าที่ขายในอัตราส่วนเท่าๆ กัน โดยผู้ร้องเรียนโดนบังคับขายไปรษณียบัตรจำนวน 4,000 ใบ และมีข้อกำหนดจากหัวหน้าที่ทำการไปรษณีย์ว่าห้ามคืนต้องจำหน่ายให้หมด จึงทำให้อาจจะกระทบภาระค่าใช้จ่ายส่วนตัว หากจำหน่ายไม่หมด
และมีความสงสัยว่า “ทำไมต้องให้พนักงานขายไปรษณียบัตรทายผลฟุตบอลโลกให้หมดตามที่ได้รับจัดสรรด้วย” ซึ่งอยากให้หนังสือพิมพ์คมชัดลึก ช่วยเป็นสื่อกลางไปยังผู้บริหาร ปณท ให้ด้วย ความละเอียดแจ้งแล้วนั้น
โครงการไปรษณียบัตรทายผลการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 ของ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด นั้น เป็นโครงการที่ ปณท ขอความร่วมมือร่วมแรงร่วมใจจากพนักงาน/ลูกจ้างทุกคนทั่วประเทศ โดยเน้นการมีส่วนร่วม รู้รักสามัคคี ในการรวมพลังเพื่อทำให้โครงการนี้เป็นไปตามเป้าหมายตามที่ได้ตั้งเอาไว้ และเป็นการเชิญชวนประชาชนคนไทยร่วมสนุก ลุ้นแชมป์ ลุ้นโชค โดยไม่หมกมุ่นการพนันอีกทางหนึ่ง โดยได้มีการกำหนดเป้าหมายการจำหน่ายให้แก่ที่ทำการไปรษณีย์ในสัดส่วนที่แตกต่างกันไปตามขนาดของที่ทำการไปรษณีย์ ซึ่งในแต่ละพื้นที่จะมีการจัดทำแผนกลยุทธ์การจำหน่วยไปรษณียบัตรฯ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้
สำหรับที่ทำการไปรษณีย์เชียงใหม่ก็มีการกำหนดเป้าหมายและความรับผิดชอบให้เจ้าหน้าที่ในสังกัดให้มีส่วนร่วมด้วยความสมัครใจ ไม่ได้บีบบังคับให้ขายแต่ประการใด โดยร่วมกันขายเป็นทีมทั้งในที่ทำการไปรษณีย์และนอกสถานที่ โดยมีกลยุทธ์การจำหน่ายที่แปลกใหม่ๆ และมีสีสันเพื่อเรียกความสุขจากประชาชนในพื้นที่ และสามารถเข้าถึงประชาชนทุกคน ทุกบ้าน ทุกครัวเรือนให้มีโอกาสร่วมลุ้นโชคผ่านไปรษณียบัตร ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือร่วมใจจากพนักงาน/ลูกจ้างทุกคนเป็นอย่างดี
ลุงแจ่ม
สามี(ตัวดี)ฟ้องหย่า
ดิฉันมีเรื่องร้อนใจอยากทราบเกี่ยวกับเรื่องสามีค่ะ ดิฉันแต่งงานอยู่กินกับสามีมาประมาณ 9 ปี มีลูกด้วยกัน 2 คน สามีเป็นคนรักครอบครัวค่ะ ไม่เคยมีแววว่าเป็นคนเจ้าชู้มาก่อน แต่ทุกอย่างไม่มีความแน่นอนค่ะ เพราะดิฉันเพิ่งจับได้ว่า สามีไปมีผู้หญิงอื่น และอยู่กับผู้หญิงอื่นมาเป็นปีโดยที่ดิฉันไม่เคยรู้เรื่องมาก่อนเลย เมื่อรู้ความจริงจึงทำใจยากเหลือเกินค่ะ เนื่องจากไม่คิดว่า คนที่เป็นที่ไว้ใจจะกลายเป็นที่ทำให้ดิฉันเจ็บปวดได้มากสุด
ทรัพย์สินที่เรามีร่วมกันคือ บ้าน และรถ และที่ดินที่ 3 แปลง อยากทราบว่า ดิฉันต้องแบ่งกับสามีอย่างไรคะ แล้วเรื่องลูกจะต้องดูแลอย่างไร
เพราะดิฉันตั้งใจว่าจะหย่า แม้สามียืนยัน ไม่ยอมหย่า แต่ดิฉันก็ยังต้องการหย่าค่ะ ขณะนี้ยังตกลงกันไมได้ และถ้าสามีไม่ยอมหย่าให้โดยดี ดิฉันก็จะฟ้องหย่า ดิฉันมีสิทธิทำได้ไหมคะ แล้วต้องเริ่มอย่างไรก่อน
แอม
ตอบ
ศูนย์ปรึกษากฎหมายชุมชน อาจารย์ชลธิชา สมสอาด คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต แนะนำเรื่องนี้ว่า ขั้นแรกเลยถามตัวเองก่อนว่าต้องการหย่าจริงไหม ถ้าตัดสินใจแน่นอนแล้วก็ต้องหาหลักฐาน เพื่อใช้ข้อมูลเมื่อต้องฟ้องหย่า แต่จากข้อมูลให้มานี้ คุณมีสิทธิฟ้องหย่าสามีได้อยู่แล้ว ฐานที่สามี มีชู้ หลังจากได้หลักฐานแล้วก็อาจจะคุยกับสามีอีกรอบว่า คุณต้องการหย่า และมีหลักฐานถ้าไม่หย่าให้ก็จะฟ้อง และถ้าสามียืนยันไม่หย่า คุณก็ต้องหาทนายเพื่อมาดำเนินการฟ้องหย่าให้
หลังจากเรื่องผ่านสู่กระบวนการของศาลเพื่อฟ้องหย่าแล้ว และศาลมีคำพิพากษาให้หย่าเรียบร้อยแล้ว ทรัพย์สินที่หามาได้หลังแต่งงาน ซึ่งเป็นสินสมรสก็ต้องแบ่งกันคนละครึ่ง คุณก็อาจจะคุยกับสามี ถ้าไม่ต้องแบ่งก็อาจจะโอนให้เป็นชื่อของลูกไป หรือถ้าต้องแบ่งก็แบ่งกันไป โดยอาจะขาย หรือแบ่งกันอย่างไรคุณก็ยังคุยกับสามีได้
ส่วนเรื่องการเลี้ยงดูลูกนั้น กฎหมายกำนหนดให้พ่อแม่ ต้องเลี้ยงดูลูกซึ่งเป็นผู้เยาว์ ดังนั้น ทั้งคุณและสามีปฏิเสธความรับผิดชอบที่มีต่อลูกไม่ได้ กรณีนี้ ถ้าลูกอยู่กับคุณ ก็ให้สามีเขียนไว้ท้ายหย่าเลยว่า จะส่งเสียเลี้ยงดูลูกอย่างไร ส่งเงินเป็นรายเดือน หรือเป็นเงินก้อน ซึ่งตรงนี้คุณและสามีก็คุยกันได้อีกเช่นกัน หลังจากตกลงกันได้แล้วก็เขียนไว้เป็นบันทึกท้ายหย่า เพื่อใช้เป็นหลักฐาน หากสามีไม่ทำตามหลังจากหย่ากันไปแล้ว
ลุงแจ่ม