ไลฟ์สไตล์

เปิดเวทีศิลปะต่อยอดศิลปิน

เปิดเวทีศิลปะต่อยอดศิลปิน

22 พ.ค. 2557

ศิลปวัฒนธรรม : เปิดเวทีศิลปะต่อยอดศิลปิน

 
                      หลังจากเปิดโอกาสให้เหล่าศิลปินได้แสดงออกถึงความสามารถทางด้านศิลปะกันอย่างเต็มที่ และแล้วก็ได้ผู้ชนะเลิศในการประกวด "ศิลปกรรมช้างเผือก ครั้งที่ 3" ซึ่ง บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) จัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในการนี้ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดนิทรรศการ พระราชทานรางวัล โอกาสนี้ทรงวาดภาพฝีพระหัตถ์ "บ่อน้ำในวังสวนจิตร" พร้อมทอดพระเนตรนิทรรศการ ทั้งยังทรงซักถามถึงวิธีการสร้างสรรค์ผลงานแต่ละชิ้นด้วยความสนพระราชหฤทัย ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เมื่อเร็วๆ นี้
 
                      นิติกร กรัยวิเชียร ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กราบบังคมทูลรายงาน ใจความตอนหนึ่งว่า การประกวดศิลปกรรมช้างเผือกมุ่งสนับสนุนและส่งเสริมศิลปินที่สร้างสรรค์งานในแนวเหมือนจริงและศิลปะรูปลักษณ์ ซึ่งเป็นงานที่ต้องใช้ทักษะฝีมือในการสร้างสรรค์สูง อีกทั้งยังสามารถสื่อสารเรื่องราวที่อยู่ในใจของศิลปินให้ผู้ที่ชมผลงานได้อย่างตรงไปตรงมา ซึ่งนับเป็นการประกวดศิลปกรรมเฉพาะแนวทางนี้เป็นเวทีแรกในประเทศไทย โดยครั้งนี้นับเป็นปีที่ 3 ซึ่งกำหนดหัวข้อในการประกวดว่า "บ้านเรา" เพื่อให้ศิลปินที่ส่งผลงานเข้าร่วมประกวดได้สะท้อนความประทับใจและสื่อถึงความสำคัญของหัวข้อดังกล่าวในแง่มุมต่างๆ ซึ่งผลงานแต่ละชิ้นก็ล้วนแสดงให้เห็นถึงความสามารถของศิลปินที่ดีเยี่ยม ทั้งด้านความคิดสร้างสรรค์ และทักษะฝีมือในเชิงศิลปะ
 
                      สำหรับปีนี้ผู้ได้รับรางวัลช้างเผือก ได้แก่ นิวัฒน์ ชูทวน เจ้าของผลงาน "จังหวะของวิถีชีวิต" รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ ศรชัย คงวุ่น เจ้าของผลงาน "คู่ชีวิต" ส่วนรางวัลรองชนะเลิศ ได้แก่ นันทพงศ์ สินสวัสดิ์ เจ้าของผลงาน "เห็นไทย", บุญนำ สาสุด เจ้าของผลงาน "บ้านหนอกดั่ง ตำลานจาน", ไพบูลย์ ธรรมเรืองฤทธิ์ เจ้าของผลงาน "มื้อแลงแห่งโคกสีทน", สุจิตรา พาหุการณ์ เจ้าของผลงาน "วิถีใต้, วิถีไทย" และ สุรศักดิ์ สอนเสนา เจ้าของผลงาน "ทางกลับบ้าน"
 
                      หลังจากได้รับพระราชทานรางวัล นิวัฒน์ เจ้าของรางวัลช้างเผือก เผยว่า รู้สึกดีใจมากที่ได้รับรางวัล ผลงานชิ้นนี้เป็นการใช้เทคนิคสีอะคริลิกบนผ้าใบ ใช้เวลาทำนานถึง 4 เดือน เน้นพื้นผิวที่อยู่ในรูปทรงต่างๆ และสีอะคริลิกก็สามารถสร้างพื้นผิวได้หลากหลาย ซึ่งแตกต่างจากผลงานเมื่อปีที่แล้ว โดยเฉพาะมุมมอง การจัดองค์ประกอบภาพ เนื้อหากระชับ และเป็นเรื่องราวใกล้ตัวมากขึ้น
 
                      "ปีที่แล้วเป็นปีแรกที่ส่งผลงานเข้าประกวด ได้รางวัลชมเชย แต่ปีนี้ได้รางวัลใหญ่ดีใจมาก ผลงานที่ส่งเข้าประกวดปีนี้เป็นจิตรกรรมไทยร่วมสมัย ได้แนวคิดจากเรื่องวิถีชีวิตทางภาคใต้ ซึ่งผมเป็นคนในท้องถิ่นซึมซับวิถีความเป็นอยู่กับสวนยางพาราและธรรมชาติมาตั้งแต่เด็ก จนเกิดความประทับใจ เมื่อครั้งต้องจากบ้านมาใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯ เจอกับสังคมเมืองที่วุ่นวาย ทำให้รู้สึกคิดถึงบ้าน คิดถึงความสงบสุขและเรียบง่าย"
 
                      ด้าน ศรชัย เจ้าของผลงาน "คู่ชีวิต" กล่าวว่า แรงบันดาลใจสำคัญสำหรับผลงานชิ้นนี้มาจากการใช้ชีวิต ที่มีความผูกพันกับบ้านตั้งแต่เกิดจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต บ่งบอกถึงความสัมพันธ์ระหว่างบ้านกับชีวิต เป็นผลงานประเภทจิตรกรรมภาพเหมือน โดยเลือกเทคนิคการใช้สีอะคริลิกบนผ้าใบ เพราะสามารถถ่ายทอดรายละเอียดของผลงานได้อย่างประณีตที่สุด ใช้ระยะเวลา 3 เดือน เป็นการเสนอมุมมองที่คนอื่นไม่เคยเห็นมาก่อน เพื่อก่อเกิดเป็นผลงานที่โดดเด่น และเกิดความประทับใจเมื่อได้ชม
 
                      ปิดท้ายที่ สุจิตรา เจ้าของผลงาน "วิถีใต้, วิถีไทย" ที่บอกว่า การประกวดหัวข้อ “บ้านเรา” เป็นหัวข้อที่น่าสนใจมากและเป็นเรื่องใกล้ตัว จึงสร้างสรรค์ผลงานชิ้นนี้ขึ้นมาด้วยเทคนิคลายรดน้ำ ลายทอง เป็นเทคนิคพิเศษ ในลักษณะเกี่ยวกับที่ศิลปินชั้นครูนิยมนำมาใช้ การจัดองค์ประกอบหลักในงานด้วยลายเส้นหลายลักษณะ เพื่อให้งานดูมีการเคลื่อนไหวและดูมีชีวิต ซึ่งสามารถสะท้อนความรู้สึกที่มาจากความประทับใจในวิถีประมงของชาวใต้ และแสดงถึงความโดดเด่นด้วยความงามที่เรียบง่ายของวิถีชาวเล
 
                      ทั้งนี้ นิทรรศการ “ศิลปกรรมช้างเผือก ครั้งที่ 3” เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมฟรี ทุกวันอังคาร-วันอาทิตย์ เวลา 10.30-21.00 น. ตั้งแต่วันนี้-25 พฤษภาคม บริเวณชั้น 8 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร