ไลฟ์สไตล์

'บิ๊กศธ.'เอี่ยวโกงสอบครูผู้ช่วย

'บิ๊กศธ.'เอี่ยวโกงสอบครูผู้ช่วย

30 เม.ย. 2557

'บิ๊กศธ.'เอี่ยว โกงสอบครูผู้ช่วย : กมลทิพย์ ใบเงินรายงานแฉ!กลโกงสอบครู(ตอน2)

               ถึงนาทีนี้เชื่อว่าสังคมไทยคงแปลกใจ ว่าทุกครั้งที่มีข่าวการทุจริตคอร์รัปชั่นในการสอบครูผู้ช่วย เมื่อสิ้นสุดขั้นตอนการตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงแล้ว ทำไมเรื่องเงียบไป สุดท้ายไม่สามารถหา "คนผิด" มาลงโทษได้ หรือถ้ามีการลงโทษ ก็แค่ "เชือดไก่ให้ลิงดู"

               คมเทพ ประภายนต์ นายกสมาคมผู้ปกครองเครือข่ายแห่งชาติ และคณะกรรมการภาคีเครือข่ายผู้ปกครองเพื่อความเป็นธรรมทางการศึกษา เปิดเผย "คม ชัด ลึก" ว่า กลโกงสอบครูเริ่มตั้งแต่การออกใบปริญญาบัณฑิตครูแล้วไล่มาถึงการจัดสอบบรรจุครูผู้ช่วย เมื่อลูกค้าสอบผ่านข้อเขียนผ่านมือปืนรับจ้างสอบ ก็เข้าสู่ขั้นตอนการสอบสัมภาษณ์ คณะกรรมการเรียกรับประเมินต้องส่งเอกสารประกอบ ในขั้นตอนนี้ จะมีการเรียกเก็บเงินค่าดูเอกสารครั้งแรก 4 หมื่นบาท เรียกดูเอกสารครั้งที่สอง อีก 6 หมื่นบาท และครั้งที่สามเมื่อคณะกรรมการให้ผ่าน ต้องจ่ายเงินอีก 1.2 แสนบาท รวมเบ็ดเสร็จขั้นตอนนี้ 2-3 แสนบาท

               ว่ากันว่ากระบวนการทุจริตสอบครูผู้ช่วย ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.)ประจำปีการศึกษา 2557 มี "บิ๊กศธ." เข้ามาเกี่ยวข้องในทุกขั้นตอน

               มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ เลขาธิการภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่นแห่งชาติ(ภตช.) เปิดเผย "คม ชัด ลึก" ว่า ขบวนการทุจริตสอบครูผู้ช่วย มีบิ๊กศธ.เป็นผู้บริหารระดับ 10 เกี่ยวข้องและเป็นผู้บัญชาการ ทั้งหมดทำงานกันเป็นทีม ร่วมมือกับนักการเมืองระดับชาติ/นักการเมืองระดับท้องถิ่น ผู้อำนวยการโรงเรียน(ผอ.ร.ร.) ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา(ผอ.สพม.) ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา(ผอ.สพป.) และคณะกรรมการดำเนินการจัดสอบครูผู้ช่วย รวมถึงคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง ที่มีคนของบิ๊กศธ.เข้าไปนั่งเป็นคณะกรรมการสอบวินัยด้วย โดยดึงเรื่องให้ช้าลงเพื่อหาทางช่วยเหลือให้หลุดพ้นจากความผิด

               "ผอ.ร.ร. หรือ ผอ.สพม. หรือ ผอ.สพป. ที่เข้าร่วมขบวนการสอบครูผู้ช่วย ส่วนมากจะรับเด็กฝากที่เป็นหัวคะแนนของนักการเมืองระดับชาติและระดับท้องถิ่น หรือที่เขาเรียกันว่าลูกหลานหัวคะแนนเข้ามาเป็นครูอัตราจ้างในโรงเรียน มีผลต่างตอบแทนกันบนเงื่อนไขเด็กนักการเมืองต้องสอบติดบรรจุเป็นครูผู้ช่วยได้ ขณะที่บิ๊กศธ.จะมีสัญญาใจกับนักการเมืองแลกกับตำแหน่งราชการที่สูงขึ้นหรือได้รับการจัดสรรงบประมาณพิเศษจากนักการเมือง เป็นงบพิเศษที่ไม่ต้องส่งให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบ เม็ดเงินหลักล้านขึ้นไป" เลขาธิการ ภตช. ระบุ

               ว่ากันว่า เมื่อลูกค้าเหล่านี้เข้ารับราชการครู ไต่เต้าขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นก็กลับเข้าสู่วังวนเหมือนเดิม ด้วยสำนึกในบุญคุณที่นักการเมืองหรือบิ๊กศธ.เคยช่วยเหลือ

               "เมื่อคนเก่งจริงๆ สอบติดครูด้วยความรู้ ความสามารถ ต้องปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับครูที่ผ่านการทุจริตสอบ เส้นทางความก้าวหน้าในวิชาชีพจะต่างกัน ในบางครั้งถึงเกิดการร้องเรียนเรื่องความไม่เป็นธรรมในการเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง ครูเก่งและดีมีร้อยละ 95 แต่แนวโน้มครูที่ทุจริตการสอบเริ่มเพิ่มจำนวนมากขึ้น ทำให้ครูดีๆ หมดกำลังใจทำงาน บางคนลาออกเพราะไม่ได้รับความเป็นธรรมในการแต่งตั้งโยกย้าย" มงคลกิตติ์ ระบุ 

               การทุจริตสอบครูผู้ช่วย กลายเป็น "มะเร็งร้าย" กัดกร่อนสังคมไทย เปรียบเหมือนการใส่เสื้อ เมื่อกระดุมเม็ดแรกติดไม่ดี กระดุมเม็ดสุดท้ายก็จะปิดเสื้อไม่ได้เต็มตัว สังคมไทยก็เลยบิดเบี้ยวมาจนถึงทุกวันนี้ สังเกตได้ว่าปัจจุบัน การทุจริตคอร์รัปชั่นเยอะมาก ส่วนหนึ่งเพราะสังคมไทยได้ "ครูโกง" มาสอนหนังสือเด็กและเยาวชนไทย

               เลขาธิการ ภตช. เสนอว่า หากครู อาจารย์ที่คิดจะเอาดีด้วยการสอนกวดวิชาค้าความรู้ ความสามารถเต็มที่ ควรจะลาออกจากราชการ อย่าเอาเวลาราชการมาหาผลประโยชน์ ตัวอย่างก็มีให้เห็น ครูเก่ง ที่ลาออกจากราชการแล้วมาเปิด ร.ร.กวดวิชา เช่น อาจารย์อุ๊-เคมี

               "ครูที่โกงเวลาราชการมาสอนกวดวิชา นับวันเพิ่มมากขึ้น มีการกั๊กความรู้ กดดันให้เด็กมาเรียนกวดวิชา ไม่เช่นนั้นจะได้เกรดต่ำ นับเป็นการทุจริตเชิงระบบของการศึกษาที่ฝังรากลึกมานานร่วม 15 ปี โดยเฉพาะข้าราชการครูในโรงเรียนที่มีการแข่งขันสูง ตอนนี้แยกตัวเองไม่ได้ว่าหน้าที่ของครูต้องตั้งใจสอนในห้องเรียนเต็มที่ การเป็นครูไม่ใช่เป็นแค่ 8 โมงเช้าเลิก 4 โมงครึ่ง เราเป็นครูตลอด 24 ชั่วโมง และเป็นครูทุกๆ วัน  ไม่มีวันใดที่ลูกศิษย์จะไปเรียกเป็นอย่างอื่นได้ ปัจจุบันครู/อาจารย์กำลังหาผลประโยชน์ส่วนตัวจนละทิ้งหน้าที่หลักไปหรือเปล่า" เลขาธิการ ภตช. ตั้งข้อสังเกต

               ปฏิเสธไม่ได้ว่า ปัจจุบันการรับราชการครูได้รับสิทธิประโยชน์สูงมาก ถ้าเป็นครูซี 7 ได้รับค่าตอบแทนกว่า 5 หมื่นบาทต่อเดือน ครูซี 8 ได้รับเดือนละ 6.2-6.5 หมื่นบาท มีสิทธิกู้เงินดอกเบี้ยต่ำวงเงินสูงถึง 3 ล้านบาท แถมยังใช้รถหลวงฟรี น้ำมันหลวงฟรี เดินทางก็ใช้เงินหลวง ค่าน้ำ ค่าไฟ เงินช่วยงานบวช เงินช่วยงานแต่ง ก็เงินหลวง กลายเป็นวัฒนธรรมองค์กรที่เลวร้ายมาก !!

               "ครูผู้น้อยที่ซื่อสัตย์ ไม่กล้าพูดความจริง เพราะกลัวผู้บริหารมองพฤติกรรมทุจริตเหล่านี้ด้วยความเฉยชา ครูเห็นเพื่อนครูทุจริตก็ไม่ตักเตือน เอาตัวรอดแต่ชาติเสียหาย กลายเป็นวัฒนธรรมองค์กรครู ครูไม่ควรนิ่งเฉยต่อไป ถ้าครูทำหน้าที่เต็มภาคภูมิ ผมเชื่อว่านักเรียนได้ความรู้ สามารถแยกดี-ชั่ว ออกจากกัน รู้หน้าที่ของตัวเอง สุดท้ายก็เป็นทรัพยากรที่มีคุณภาพในอนาคต แต่หากสังคมไทยยังนิ่งเฉยเห็นคนทำผิดเป็นเรื่องปกติ ไม่มีทางขับเคลื่อนประเทศได้" มงคลกิตติ์ กล่าว

               บ้านเมืองไทยจะเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าไปมากกว่านี้ หากข้าราชการไทยรู้จักหน้าที่ และนักการเมืองรู้จักหน้าที่ มีความรักชาติให้ถูกทางให้ได้ครึ่งหนึ่งของทุกวันนี้ และเจริญรอยตามพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ที่คิดถึงประโยชน์สุขของมหาชนชาวไทยมากกว่าผลประโยชน์ส่วนตัว

..............

(หมายเหตุ : 'บิ๊กศธ.เอี่ยว โกงสอบครูผู้ช่วย : กมลทิพย์ ใบเงินรายงานแฉ!กลโกงสอบครู(ตอน2))