
ลูกเสืออาสากกต.ต้นกล้าประชาธิปไตย
เพราะความเชื่อว่าประชาธิปไตยสามารถปลูกฝังได้ตั้งแต่วัยเยาว์ อภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จึงได้ร่วมมือกับ กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เข้าไปจัดตั้งกองลูกเสืออาสา กกต. เพื่อพัฒนาประชาธิปไตยในโรงเรียน
ตั้งแต่ปี 2550 โดยเริ่มในโรงเรียนสังกัด สพฐ.ที่โรงเรียนวัดสุทธิวราราม และโรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) และขยายผลไปที่โรงเรียนในสังกัดกทม.ที่โรงเรียนประชานิเวศน์ ล่าสุดเป็นโรงเรียนในสังกัด สช. และเครือคริสตจักร ทั้งบนดอย ล่าสุดโรงเรียนวังไกลกังวล และโรงเรียนจิตรลดา ก็เข้าร่วม ปัจจุบันมีลูกเสืออาสากกต.อยู่ 573 อำเภอ อย่างน้อยที่สุดอำเภอละ 2 กอง กองละ 40 คน เลยทีเดียว
อภิชาต อธิบายว่า ประชาชนไทยทุกคนควรเรียนรู้ประชาธิปไตย เพราะเป็นเรื่องใกล้ตัว สิทธิหน้าที่ของพลเมืองทุกคนที่ต้องศึกษาหาความรู้ และนำมาใช้ให้ถูกที่ถูกทาง ไม่ใช่เรียกร้องแต่ประชาธิปไตยแต่ไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริง เพราะการใช้ประชาธิปไตยนั้น ต้องไม่ทำความเดือดร้อน และละเมิดสิทธิผู้อื่น ดังนั้นการทำหน้าที่ตามพลเมืองไทยคนหนึ่ง จึงเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องทำ กกต.จะพยายามทำให้ลูกเสือกกต.ยั่งยืน เพื่อปลูกฝังประชาธิปไตยให้เยาวชนไทยตั้งแต่เด็ก เมื่อพวกเขาเติบโตขึ้นจะได้เป็นคนที่มีคุณภาพ
ในวาระครบรอบ “11 ปี กกต. 77 ปี แห่งการเรียนรู้ประชาธิปไตย” กกต.จัดนิทรรศการลูกเสือกกต.ขึ้นที่ทำการของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ถนนแจ้งวัฒนะ กทม. ซึ่งงานนี้บรรดาลูกเสืออาสากกต.ได้ทำหน้าที่ของพวกเขาอย่างเต็มที่ "หมี" สยาม วรกิจเจริญ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสุทธิวราราม กทม. เป็นลูกเสืออาสาสมัครประจำโรงเรียน ตั้งแต่ครั้งเรียนอยู่ชั้น ม.2 อธิบายว่า ประชาธิปไตย คือระบอบการปกครองที่เป็นของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน โดยประชาชนเลือกตัวแทนเข้าไปทำหน้าที่ใช้อำนาจอธิปไตย บริหารประเทศ แต่เมื่อทุกคนเลือกผู้แทนกลับไม่ช่วยตรวจสอบ มองว่าเป็นหน้าที่ของผู้แทน ซึ่งจริงๆ ไม่ใช่ อีกทั้งการเมืองไทยทำให้ประชาชนเกิดความเบื่อหน่ายไม่อยากไปใช้สิทธิ์ แต่ด้วยหน้าที่ อยากให้ทุกคนออกไปเลือกตั้งและศึกษาประชาธิปไตยเอาไว้ เพราะ 1 เสียงสามารถเปลี่ยนประเทศได้
ดังนั้น การขายเสียงเหมือนขายสิทธิ จึงเปรียบเสมือนการขายจิตวิญญาณให้ผู้อื่น และจากการเป็นลูกเสืออาสาสมัครรณรงค์เลือกตั้งทำให้ หมี รับรู้ว่าคนที่มีความรู้เรื่องประชาธิปไตยจริงๆ มีน้อย ไม่ตระหนักถึงหน้าที่ของพลเมือง เพราะมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว เมื่อเลือกผู้แทนฯ มาแล้ว เท่ากับโยนบ้านเมืองให้คนกลุ่มหนึ่งดูแล โดยลืมไปว่าประเทศเป็นของเราทุกคน เมื่อมาทำหน้าที่ลูกเสืออาสา จึงทำให้เขามีความรู้เกี่ยวกับประชาธิปไตยมากขึ้น แถมยัง มีเพื่อน สนุก มีจิตอาสา ขณะเดียวกันก็ทำให้รักประเทศไทยมากขึ้นเช่นกัน
ในโรงเรียน หมี มีหน้าที่ต้องคอยบริการเพื่อนๆ นักเรียน ครูบาอาจารย์ และช่วยเหลือผู้พิการ ประชาชนทุกคน เป็นงานอาสาสมัครที่ทุกคนทำด้วยใจ ช่วงใกล้เลือกตั้ง หมี และเพื่อนๆ ก็จะช่วยกันรณรงค์ให้ชาวบ้านบริเวณโรงเรียนออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง และไม่ให้ซื้อสิทธิขายเสียง
เช่นเดียวกับ "น้องยิ้ว" สุขมาภรณ์ นรานนทวัฒน์ นักเรียนชั้นม.3 โรงเรียนศึกษานารี ที่เพิ่งสมัครเป็นลูกเสือ-เนตรนารี กกต. เพราะก่อนหน้านี้เอาแต่เรียน จนกระทั่งได้เห็นเพื่อนๆ ที่ทำกิจกรรมเนตรนารีอาสา คอยบริการ ช่วยเหลือ รณรงค์ให้เพื่อนๆ และผู้คนที่อยู่ละแวกโรงเรียนไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ได้เห็นรอยยิ้มที่หลายๆ คนส่งมอบให้ลูกเสือ-เนตรนารีอาสา ทำให้อยากมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรม เมื่อได้เข้ามาเป็นอาสาสมัครได้มีโอกาสไปเผยแพร่ความรู้ประชาธิปไตยแก่ชาวบ้าน และช่วยแนะนำในการไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ซึ่งนอกจากทำให้มีความรู้เพิ่มเติมแล้ว ยังทำให้ได้ประสบการณ์ดีๆ อีกด้วย
"ถ้าเรียนอย่างเดียว เราได้ความรู้ก็จริง แต่คงไม่ได้ทำให้ได้เพื่อน พ่อแม่ พี่น้อง และประชาชนมีความรู้เพิ่มขึ้น รวมทั้งน้ำใจจากชาวบ้านอย่างมากมาย ทุกๆ วัน ที่ได้ทำหน้าที่อาสาสมัครทำให้มีความสุข สนุก และรู้จักการทำงานเพื่อผู้อื่นมากขึ้น” น้องยิ้วกล่าว
ลูกเสือ-เนตรนารีอาสากกต. นอกจากได้เรียนรู้เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ระบอบประชาธิปไตย นำไปถ่ายทอดให้ผู้อื่นได้แล้ว ยังเป็นการปลูกฝังจิตอาสา ปลูกฝังความมีน้ำใจ ให้อภัย รู้จักช่วยเหลือผู้อื่น ที่สำคัญการปลูกฝังเรื่องสิทธิหน้าที่ เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องทำ เพราะประเทศชาติเป็นของทุกคน
ปัจจุบันกกต.จัดอบรมลูกเสืออาสาในโรงเรียนต่างๆ โดยแบ่งเป็นกองทั้งหมด 165 กอง ทั้งโรงเรียนในเขตกทม.และต่างจังหวัด ซึ่งมีนักเรียนผ่านการอบรมลูกเสืออาสากกต.แล้วทั้งสิ้น 6,321 คน
0 ชุลีพร อร่ามเนตร 0