
สดจากฟาร์มสู่โต๊ะอาหาร @ พิงค์ดอย
20 เม.ย. 2557
ชวนชิม : สดจากฟาร์มสู่โต๊ะอาหาร @ พิงค์ดอย
เอ่ยถึงเขา ถึงดอย แล้วคิดถึงเรื่องอาหารการกิน คงนึกถึงอาหารพื้นเมือง อาหารท้องถิ่น หรืออาหารประจำเผ่า ยิ่งได้สัมผัสบรรยากาศขุนเขาทางภาคเหนือของประเทศด้วยแล้วยิ่งต้องได้ลิ้มชิมรส แต่ความคิดนั้นกลับตาลปัตร เมื่อย่างเท้าเข้าสู่ห้องอาหาร "พิงค์ดอย" ในโรงแรมบัญดารา จ.เชียงราย เพราะที่นี่เขาสรรหาอาหารนานาชาติไล่ไปจนอาหารฟิวชั่นมาเสิร์ฟกันอย่างสดๆ ด้วยพืชผักที่นำมาปรุงนั้นคัดมา จากฟาร์มภายในโรงแรม ความหลากหลายจึงมีให้เลือก พร้อมๆ กับการหมุนเวียนเปลี่ยนตามฤดูกาลของพืชผักผลไม้
ห้องอาหารตั้งอยู่บนเนินมีกระจกรายรอบ บางส่วนเปิดโล่งรับลมธรรมชาติ ยิ่งช่วงเย็นค่ำดวงดาวนับร้อยแข่งกันทอแสงระยิบระยับ เพียงแต่ในช่วงที่ไปเยือนเลยเที่ยงตรงมานิดเดียว แสงแดดจึงเจิดจ้าจนไม่กล้าขยับกายออกห้องแอร์ ระหว่างมองซ้ายขวาชื่นชมธรรมชาติและแปลงพืชผักที่เห็นเรียงรายอยู่โดยรอบ เชฟ อภิสิทธิ์ นิ่มทอง ผู้มากฝีมือด้านอาหารอิตาเลียนก็เดินมาพร้อมอาหารในมือ "เบอร์เกอร์ บัญดาราภูแล" แค่เห็นก็ตะลึงเพราะชิ้นใหญ่มาก ซึ่งเชฟบอกว่าเลือกใช้เนื้อดีอย่าง "วากิว" หมักสูตรพิเศษเฉพาะที่นี่ แล้วยิ่งผสานกับเนื้อสับปะรดท้องถิ่นชื่อดังอย่างสับปะรดภูแลด้วยแล้ว เพียงกัดคำแรกความฉ่ำของเนื้อผสานกันทำเอาแทบวางไม่ลง แต่ก็ต้องตัดใจเพราะจานต่อไป "แซลมอน ชิลลี คูลิส" มารอตรงหน้า แน่นอนมีแซลมอนเป็นพระเอก ซึ่งก็ต้องยกให้เพราะกว่าจะนำออกมาเสิร์ฟต้องปรุงด้วยเครื่องปรุงอย่างดีเต็มอัตราศึก ทั้งกระเทียม เกลือ พริกไทย ไวน์ขาว แล้วผสมผสานกับพืชผักที่ปลูกในโรงแรมอย่างพริกเหลือง ทำให้รสชาติกลมกล่อม ไม่เลี่ยน คนชอบปลาเลยจัดแป๊บเดียวเกลี้ยง
ในขณะที่ท้องใกล้อิ่มก็ยังหยุดไม่อยู่ ด้วยอีกจานตรงหน้า "สปาเกตตี มารีนาร่า" ที่มาพร้อมกุ้งแม่น้ำตัวใหญ่มากจากแหล่งเลี้ยงในอำเภอใกล้เคียง อีกทั้งหอยแมลงภู่จากนิวซีแลนด์ โดยเส้นสปาเกตตีเชฟทำเองสดๆ ทุกวัน บวกกับน้ำซอสที่ผัดคลุกเคล้าเข้าถึงเส้นอย่างดี เป็นที่ถูกใจ
เจออาหารอิตาเลียนไปแล้ว ฟากอาหารไทยก็ไม่ยอมแพ้ เชฟ สุพัฒน์ เดชาบดินทร จึงยกจานแรกมาเสิร์ฟ "ปลาช่อนหลงคลองบัญดารา" เป็นปลาช่อนเลี้ยงจากพนักงานในโรงแรม หน้าตาคล้ายปลาช่อนลุยสวน แต่ตัวใหญ่กว่ามาก ราดด้วยน้ำต้มยำที่ประกอบด้วย ใบมะกรูด ตะไคร้ ข่า น้ำพริกเผา ผัดรวมกับหมูสับ กุ้ง ปลาหมึก ตักชิมได้รสกลมกล่อมเหมือนชิมต้มยำแห้งที่มีเนื้อสัตว์หลากหลายชนิดผสานกันได้อย่างลงตัว
อ่ะอ่ะ...จะมาเสิร์ฟจานเดียวเสียยี่ห้อแม่ครัวไทยหัวป่าก์ ว่าแล้ว "ปีกไก่ยัดไส้" ก็จอดอยู่ตรงหน้า ใช้ปีกไก่ชิ้นใหญ่มาก ส่วนเครื่องปรุงที่ยัดไส้ มีทั้งเนื้อปู เนื้อกุ้ง หมู เห็ดหอม คลุกเคล้าเข้าด้วยกันพร้อมปรุงรส จากนั้นก็นำไปยัดในปีกไก่ ก่อนจะชุบแป้งเล็กน้อยพร้อมไข่ แล้วทอดในน้ำมันร้อนๆ เสิร์ฟพร้อมอาจาดตัดความเลี่ยนได้อย่างลงตัว เชฟบอกว่าจานนี้ใครได้ชิมเป็นสั่งเพิ่มเพราะถูกใจทุกคน ทานได้ตั้งแต่ผู้ใหญ่ เด็กและชาวต่างชาติ ที่สำคัญเครื่องปรุงทุกอย่างสดใหม่เพราะปลูกเองในฟาร์ม หรือเนื้อสัตว์บางชนิดที่ซื้อมาก็เลือกใช้ในท้องถิ่นส่งมาสดๆ ทุกวัน ไล่ไปจนเครื่องปรุงรสเลิศที่สั่งตรงจากต่างประเทศก็คัดสรรมาอย่างดี สมกับคำว่า "ฟาร์ม ทู เทเบิ้ล" (Farm to table)
ได้อาหารจานหลักกันไปแล้ว ถึงเวลาเครื่องดื่มและของหวาน เริ่มจากของหวาน "สตรอเบอร์รี่ แพนเค้ก" แน่นอนว่าสตรอเบอร์รี่เก็บมาสดๆ จากฟาร์ม ราดวิปปิ้งครีมมาอย่างเย้ายวนใจ ในขณะที่พิงค์ดาวบาร์ก็เสิร์ฟเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ อย่าง "แบล็ก ซูการ์ แคน วิท ดาร์ค รัม", "กาสะลองคำ" และ "ภูแล ฟอเรสท์" ทั้ง 3 แก้วดับกระหายคลายร้อนชนิดเอาอยู่ เอาเป็นว่าถ้ามีโอกาสไปเยือนเชียงราย ขับรถออกนอกเมืองไปไม่เกินครึ่งชั่วโมง ร้านอาหารพิงค์ดอย เปิดให้บริการตั้งแต่หกโมงเช้าถึงสี่ทุ่ม ส่วนพิงค์ดาวบาร์ เปิดให้บริการตั้งแต่เวลาหนึ่งทุ่มถึงห้าทุ่ม หรือจะกริ๊งกร๊างถามทางและจองโต๊ะล่วงหน้าที่ได้ 0-5202-9927 รับรองฟิน...