
เทคโนโลยีปรับอากาศในรถสมัยใหม่
19 เม.ย. 2557
เทคโนโลยีปรับอากาศในรถสมัยใหม่
ในวันที่อากาศร้อนจัดจนปรอทวัดอุณหภูมิพุ่งขึ้นทะลุ 40 องศาเซลเซียส แอร์ในรถยนต์จำเป็นต้องเย็นฉ่ำ สำหรับรถยนต์แบบเอสยูวี ที่มีพื้นที่ห้องโดยสารใหญ่ มีความจุดอากาศมากรถประเภทนี้จำเป็นต้องมีการออกแบบระบบแอร์ให้มีความสมดุลกับรถ
รถยนต์นั่งแบบอเนกประสงค์ (เอสยูวี) สำหรับการขับขี่ในเมืองของฟอร์ด เป็นหนึ่งในรถที่ให้ความสำคัญของระบบเครื่องปรับอากาศ โดยมีมาตรฐานว่า ระบบแอร์จะทำความเย็นให้ทุกที่นั่งเย็นอย่างเพียงพอทั้งห้องโดยสาร หลังจากผู้ขับขี่สตาร์ทเครื่องยนต์เพียง 10 นาที
ซึ่งปกติการจอดรถตากแดดเอาไว้ในช่วงบ่าย อุณหภูมิในรถอาจพุ่งขึ้นสูงถึง 65-70 องศาเซลเซียส ฟอร์ดบอกว่า เอคโค่สปอร์ต จะใช้เวลาแค่ 10 นาทีเท่านั้นในการปรับอุณหภูมิร้อนจัดภายในรถให้ลงมาอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 30 องศาเซลเซียส และใช้เวลาเท่าๆ กันในการทำให้อากาศ จากช่องแอร์มีอุณหภูมิต่ำกว่า 10 องศา ขณะที่รถรุ่นอื่นทำได้เพียง 15 องศา ดังนั้น ภายในเวลาเพียงครึ่งชั่วโมง อุณหภูมิในรถจึงลดลงมาอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 20 องศา ซึ่งเป็นจุดผู้ขับขี่และผู้โดยสารมักจะเริ่มรู้สึกหนาว
ฟอร์ดบอกว่า ความสามารถในการทำงานของระบบแอร์แบบธรรมดาและแบบอัตโนมัตินั้นอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน แต่สำหรับแอร์แบบอัตโนมัติ ผู้ขับขี่ เพียงตั้งระดับความเย็นที่ต้องการเอาไว้แล้วระบบก็จะทำงานทุกอย่างได้เองโดยระบบจะใช้เซ็นเซอร์ 5 ชุดวัดอุณหภูมิภายในห้องโดยสาร อุณหภูมิภายนอก อุณหภูมิของอากาศที่เป่าออกมาจากช่องแอร์ ปริมาณแสงอาทิตย์ และทิศทางของแสงอาทิตย์ที่ส่องมายังตัวรถ เพื่อประเมินค่าต่างๆ ก่อนผ่อนลมแอร์และลดระดับความเย็นลงแบบอัตโนมัติ เทคโนโลยีใหม่เพื่อความเย็นสบายของผู้ขับขี่ คือ การติดตั้งคอมเพรสเซอร์ที่ทำงานด้วยระบบแปรผัน ช่วยลดการใช้พลังงานและการบริโภคน้ำมันเมื่อเทียบกับเทคโนโลยีที่ใช้อยู่เดิม ซึ่งหมายความว่า ผู้ขับขี่จะได้รับความเย็นสบายโดยไม่ต้องเป็นกังวลว่าจะต้องจ่ายค่าน้ำมันแพงขึ้นแต่อย่างใด
ทั้งนี้ เนื่องจากคอมเพรสเซอร์แบบเดิมจะทำงานแบบเต็มที่ตลอดเวลา ขณะที่คอมเพรสเซอร์แบบแปรผันของฟอร์ด เอคโค่สปอร์ต จะชะลอการทำงานลงเมื่ออุณหภูมิห้องโดยสารลดลงถึงระดับที่กำหนด ดังนั้น ระบบใหม่จึงใช้พลังงานจากเครื่องยนต์น้อยกว่าเดิม กินน้ำมันน้อยลง แต่ยังคงให้ความเย็นแก่ผู้โดยสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ คอมเพรสเซอร์แบบแปรผันยังใช้เทคโนโลยีการแยกน้ำมันออกจากน้ำยาแอร์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานอีกด้วย
อีกหนึ่งเทคโนโลยีใหม่ในระบบปรับอากาศของฟอร์ด คือเทคโนโลยีการแลกเปลี่ยนความร้อนภายใน (Internal Heat Exchanger technology) ที่ช่วยทำความเย็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่ข้อต่อต่างๆ ภายในระบบท่อแอร์มีความแน่นหนามากขึ้นจึงช่วยลดปัญหาน้ำยาแอร์รั่วไหล และช่วยให้ระบบทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ขณะที่คอนเดนเซอร์ (หรือคอมแอร์) ได้รับการออกแบบอย่างแน่นหนาเช่นกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทั้งด้านการทำความเย็นและลดแรงเสียดทานตามหลักแอโรไดนามิก
การเลือกใช้ท่อและครีบระบายความร้อนที่ทันสมัยที่สุด ช่วยให้ความแรงของกระแสลมและการกระจายลมเย็นที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อช่วยให้ผู้โดยสารได้สัมผัสกับลมเย็นสบายเร็วขึ้น การผนึกประตูรถให้แน่นหนาขึ้นยังช่วยรักษาอากาศเย็นไว้ไม่ให้รั่วไหลออกไปนอกห้องโดยสาร
ระบบควบคุมอุณหภูมิของฟอร์ด เอคโค่สปอร์ต พร้อมรับมือกับทุกสภาพอากาศ วิศวกรของฟอร์ดจึงได้ทดสอบรถภายใต้อุณหภูมิตั้งแต่ -20 ถึง 50 องศาเซลเซียส ท่ามกลางหิมะไปจนถึงทะเลทราย และภายใต้ปริมาณความชื้นตั้งแต่ 15 ถึง 90 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ เอคโค่สปอร์ต ใหม่ ยังผ่านการทดสอบอีกกว่า 1,000 ชั่วโมงในอุโมงค์ลมในเมืองเดียร์บอน สำหรับผู้ที่อยู่อาศัยในเมืองหนาว ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติจะมาพร้อมกับปุ่มไล่ฝ้าแบบเร่งด่วน ที่สามารถละลายชั้นน้ำแข็งและช่วยให้ผู้ขับขี่มีทัศนวิสัยที่ดีขึ้นได้ภายในเวลาเพียง 15 นาที นอกจากนี้ยังมีการการกระจายลมร้อนให้สม่ำเสมอทั้งบริเวณกระจกด้านหน้าและด้านข้าง เพื่อให้ผู้ขับขี่มองเห็นกระจกมองข้าง และสามารถออกรถไปได้โดยใช้เวลาน้อยที่สุด