ไลฟ์สไตล์

สัมภาษณ์พิเศษ : ดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกูล

สัมภาษณ์พิเศษ : ดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกูล

12 เม.ย. 2557

สัมภาษณ์พิเศษ : 'ดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกูล' สวทช. สร้างเครือข่ายสังคม วทน. สู่การพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน

 
                            ผ่านร้อนผ่านหนาวมากว่า 2 ทศวรรษแล้ว สำหรับองค์กรด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (วทน.) แห่งโลกอนาคตอย่าง สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ที่ก่อตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อยกระดับให้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นฟันเฟืองสำคัญ ในการสร้างความแข็งแกร่งให้ประเทศอย่างยั่งยืน ผ่านทั้งการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน และสร้างการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจให้ประเทศ 
 
                            ดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เล่าถึงเส้นทางความรับผิดชอบของสวทช. ว่า เป็นองค์กรที่ก่อตั้งมาแล้ว 22 ปี ผ่านมาแล้ว 4 ยุค จากยุคแรกที่ไม่มีอะไรเลย เริ่มต้นจากศูนย์ ต้องหาคนมาทำงาน พยายามก่อร่างสร้างตัวให้เกิดห้องปฏิบัติการวิจัย และเครือข่ายที่จะทำงาน จนเริ่มเข้าที่ เข้าสู่ช่วงที่สอง เป็นช่วงเร่งผลิตผลงาน ส่วนช่วงที่สาม เป็นช่วงที่ สวทช. เริ่มเป็นที่รู้จักของสังคมผ่านผลงานระดับชาติ ที่สร้างสรรค์โดยคณะทำงานของเรา จนมาถึงยุคที่ 4 ซึ่งเป็นยุคปัจจุบัน ถือเป็นช่วงแห่งการนำประสบการณ์ ผลงาน และองค์ความรู้ที่สั่งสมมาตลอดกว่า 20 ปี มาต่อยอดให้เกิดการนำไปใช้งานจริงให้ได้มากที่สุด เพื่อสร้างรากฐานสู่ไทยเข้มแข็งอย่างยั่งยืน
 
                            "เห็น ได้จากผลงานวิจัยที่ผ่านมาของ สวทช. ไมว่าจะเป็นการพัฒนาพันธุ์ข้าวหอมชลสิทธิ์ทนน้ำท่วม และข้าวเหนียวธัญสิรินต้านทานโรคไหม้ และยังได้รับผิดชอบบริหารจัดการโครงการวิจัยมันสำปะหลัง โดยดูแลตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ จากการปรับปรุงพันธุ์ให้มีผลผลิตสูงขึ้น ผ่านกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ยังทำการวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์จากมันสำปะหลังเพื่อเพิ่มความต้องการใช้ อาทิ การคิดค้นจนสามารถผลิตพลาสติกชีวภาพจากมันสำปะหลังได้อีกด้วย"
 
                            สำหรับงานวิจัยบางชนิด ถึงอยากจะขายแต่ก็ยังไม่สามารถทำได้ เพราะยังต้องเติมเงินพัฒนาให้ดีก่อน ผอ.สวทช.กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า สวทช.ต้องสื่อสารกับภาคเอกชนเกี่ยวกับความต้องการเรื่องเงินทุน นอกจากนี้ สวทช.จะทำแค่งานวิจัยอย่างเดียวไม่ได้ ยังมีเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกันอีก ถ้าพูดถึงการวิจัยเฉยๆ คงไม่มีใครเชื่อว่า จะทำการค้าได้อย่างไร เพราะจากงานวิจัยทำให้ สวทช.คิดสิ่งใหม่ๆ ขึ้นมาได้ แต่สิ่งใหม่ที่คิดขึ้นยังไม่สามารถนำมาใช้ได้ทันที จะต้องผ่านการพัฒนาปรับปรุงให้ดีเสียก่อน และหลังจากพัฒนาแล้ว กลับทำการตลาดไม่ได้ผล ก็ต้องนำกลับไปออกแบบใหม่ให้สวย และสุดท้ายต้องอาศัยความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรม เพื่อผลิตเป็นชิ้นงานที่มีความทนทาน และสามารถใช้งานได้จริง
 
                            อีกหนึ่งภารกิจที่สำคัญของ สวทช. ดร.ทวีศักดิ์ กล่าวว่า ภารกิจนี้คือ การเป็นกาวเชื่อมความร่วมมือจากทุกภาคส่วนให้มารวมกันเพื่อให้เกิดการวิจัยและพัฒนาทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างก้าวกระโดด ที่ผ่านมา สวทช. ได้ทำงานร่วมกับเครือข่ายองค์กรบริหารงานวิจัยแห่งชาติ (คอบช.) ซึ่งประกอบด้วยหน่วยงานสนับสนุนทุนวิจัยหลักของประเทศ 7 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร(องค์การมหาชน) (สวก.) สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.)สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) และ สวทช. เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์ และพัฒนางานวิจัยให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
 
                            ดร.ทวีศักดิ์ ยังกล่าวถึง งานประชุมวิชาการประจำปี สวทช. NAC 2014 ซึ่งจัดขึ้นที่อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย เมื่อวันที่ 31 มีนาคม-3 เมษายนที่ผ่านมาว่า เป็นการประชุมเรื่องนวัตกรรมที่เป็นผลจากการทำวิจัยของหน่วยงานใน สวทช. ร่วมกับพันธมิตรต่างๆ ทั้งในสถาบันการศึกษา และภาคอุตสาหกรรม พร้อมจัดแสดงงานวิจัยที่พร้อมสู่ตลาด ถือเป็นการเปลี่ยนมิติใหม่ให้กับหน่วยงานที่ทำงานด้านการวิจัยบนเป้าหมายเดียวกัน คือ เก็บดอกผลจากการวิจัยเพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้ประเทศ เกิดการลงทุนเชิงพาณิชย์ 
 
                            การจัดงานประชุมวิชาการประจำปี 2557 สวทช. ได้รับพระมหกรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นประธานเปิดการประชุม และทรงเปิด อาคารนวัตกรรม 2 (Innovation Cluster II : INC 2) ซึ่งเป็นส่วนขยายระยะที่ 2 ของอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย ที่รัฐลงทุนกว่า 3,000 ล้านบาทในการก่อสร้าง และจัดโครงสร้างพื้นฐาน สิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็น 
 
                            สำหรับการขยายการดำเนินการของ “นิคมวิจัย” แห่งแรกของประเทศ สวทช. มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาให้นิคมวิจัยแห่งนี้ เป็นแหล่งสร้างความรู้และนวัตกรรมที่เกิดจากการทำงานร่วมกัน ระหว่างสถาบันวิจัยของรัฐ มหาวิทยาลัย และผู้ประกอบการ อันจะนำไปสู่การพัฒนาความเข้มแข็งของภาคอุตสาหกรรม และสนับสนุนการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนต่อไป 
 
                            "ความสำเร็จจากการพัฒนานี้ จะช่วยผลักดันให้ประเทศไทยสามารถยกระดับขึ้นเป็นหนึ่ง ในศูนย์กลางนวัตกรรม (Innovation Hub) ของภูมิภาคได้ในที่สุด ผมได้วางนโยบายให้ สวทช. เป็นองค์กรเปิด พร้อมให้ประชาชนทั่วไป นักเรียน นักศึกษา แลผู้ประกอบการทุกรายสามารถเข้าถึง ติดต่อ สวทช. ได้อย่างสะดวก ไม่ว่าจะเป็นการเจรจาธุรกิจ เอาทรัพย์สินทางปัญญาที่เรามีอยู่ไปทำประโยชน์จนถึงการปรึกษา ขอคำแนะนำต่างๆ ก็สามารถเข้ามาสอบถามได้ โดยเจ้าหน้าที่ของ สวทช. พร้อมจะต้อนรับ และอำนวยความสะดวกให้กับทุกท่าน"